จากคดีการหายตัวไปอย่างปริศนาของนายอูหมาด หวามาก อายุ 55 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. 64 จนภรรยา และลูก ๆ เข้าแจ้งความคนหาย พร้อมนำเรื่องราวมาโพสต์ผ่านสังคมโซเชียลให้ช่วยติดตามหา กระทั่งมาพบเป็นศพลอยอยู่ในทะเลบริเวณ หมู่ 4 บ้านบ่อม่วง ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 ก.ค. 64 ซึ่งลูก ๆ เชื่อว่าน่าจะถูกฆาตกรรมปมเหตุมาจากเรื่องหนี้สินนั้น
ต่อมา วันที่ 16 ส.ค. 64 พ.ต.อ.ขจิตร คงปราบ ผกก.สภ.ทรายขาว เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีการตายของนายอูหมาด ร.ต.อ.วิรัตน์ มาศโอสถ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทรายขาว รวบรวมพยานหลักฐานจากชุดสืบสวน จนสามารถออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุฆาตกรรมนายอูหมาด ได้จำนวน 3 ราย
ประกอบด้วย นางบุหลัน กำกิจ อายุ 50 ปี ภรรยาผู้ตาย ผู้จ้างวานฆ่า 100,000 บาท, นายย่ากล หรือ ย่าโกบ ชายใหญ่ อายุ 62 ปี ญาติของนางบุหลัน เป็นอดีตผู้สมัคร ส.อบจ.กระบี่ เขต 1 อ.เกาะลันตา และนายเพรียวพันธ์ หรือ โอ ภูพันธ์พานิช ลูกน้องคนสนิทของนายย่าโกบ โดยแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 3 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ต่อมาศาล จ.กระบี่ อนุมัติหมายจับทั้ง 3 คน เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด จับกุมตัวนายเพรียวพันธ์ 1 ในผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.กระบี่ ได้ที่บ้านญาติในพื้นที่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช ตำรวจเข้าจับกุมตัวได้อย่างง่ายดาย และนำตัวไปสอบสวนที่ กก.สส.ภ.จ.กระบี่ ก่อนนำส่งให้พนักงานสอบสวน สภ. เกาะกลาง สอบปากคำโดยละเอียดอีกครั้ง
วันที่ 17 ส.ค. 64 ที่ สภ.เกาะกลาง ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.เกาะกลาง นำโดย พ.ต.อ.พิษณุ อัชนะพรกุล รอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ ผู้ควบคุมการสืบสวนคลี่คลายคดี ประชุมเตรียมความพร้อมก่อนนำตัวผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ขณะเดียวกันพบนายเพรียวพันธ์ หรือ โอ ถูกคุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เกาะกลาง ซึ่งสิบเวรที่ประจำการหน้าห้องขังระบุว่านายโอ ผู้ต้องหาไม่เครียด มีญาติมาเยี่ยมบ้างแล้ว ส่วนอาหารเมื่อเช้าตำรวจนำข้าวผัดกะเพราให้กิน ขณะเดียวกันทีมข่าวสังเกต ผ่านวงจรปิดห้องขัง พบว่านายโอนั่งขัดสมาธินิ่ง ไม่มีท่าทีหรืออาการกระวนกระวายแต่อย่างใด จากนั้น เวลา 10.10 น. ตำรวจนำเสื้อเกราะ และหมวกกันน็อกให้นายโอ ผู้ต้องหาเตรียมที่จะทำแผนต่อไป
การทำแผนประกอบคำรับสารภาพรวม 5 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 เป็นสวนปาล์มของชาวบ้าน พื้นที่หมู่ 1 ต.เกาะกลาง เป็นจุดที่นายโอ มายืนรออยู่ก่อนหน้านี้และนายย่าโกบ 1 ในผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่จะขี่รถจักรยานยนต์ไปรับนายอูหมาด มาที่สวนปาล์มและพูดคุยรายละเอียดในเรื่องงานที่จะไปทำ โดยมีค่าตอบแทน 100,000 บาท และนายโอเดินไปรอที่ท่าเรือก่อน
จุดที่ 2 ท่าเรือซอยกูโบร์ ต.เกาะกลาง จุดที่นายโอมาเตรียมเรือมารอ เพราะมีหน้าที่เป็นผู้จัดหาเรือและขับเรือ แนวทางสอบสวนทราบว่าจะได้เงินค่าจ้าง 5,000 บาท โดยที่นายย่าโกบ ได้ลวงนายอูหมาดมาขึ้นเรือ
จุดที่ 3 จำลองเหตุการณ์บนเรือ หลังนายย่าโกบ มีการใช้ไม้ตีนายคูหมาด จุดนี้จำลองตอนที่นายโอขับเรือออกไปกลางทะเล และนายอูหมาดกับนายย่าโกบ นั่งหัวเรือคู่กัน ก่อนที่นายย่าโกบ จะไปนั่งท้ายเรือกับนายโอ และนายอูหมาดขยับมานั่งกลางเรือและถูกตีเข้าที่ใบหน้าล้มหงายท้องไป จากนั้นนายย่าโกบพลิกศพลงน้ำ โดยที่นายโอก็ยังนั่งขับเรืออยู่ และพากันขับเรือกลับมาที่ท่าเหมือนเดิม
จุดที่ 4 นายโอ ลงเรือเดินทางด้วยเท้ากลับบ้าน แต่นายย่าโกบลงเรือกลับเข้าไปเอารถที่สวนปาล์มจุดเดิมที่นัดกัน และเดินทางกลับบ้าน และจุดที่ 5 นายโอ นัดพบนางบุหลัน ที่ขนำหลังบ้านนายย่าโกบ อ้างว่ายืมเงินกัน และแยกย้ายหลบหนี
โดยระหว่างการทำแผนนั้น ไม่มีชาวบ้านมาแม้แต่คนเดียว การทำแผนจึงเป็นไปด้วยความราบรื่น ทีมข่าวพยายามสอบถามนายโอในหลายประเด็น เช่น สาเหตุการร่วมฆ่า รวมถึงอยากกล่าวขอโทษคนตายหรือครอบครัวคนตายอย่างไร
แต่นายโอตอบเพียงว่าส่วนตัวรู้จักกับนายอูหมาด แต่อ้างว่ากระทำครั้งนี้ไม่ได้ค่าจ้าง และไม่ขอพูดอะไร เพราะให้การกับตำรวจไปแล้ว มีสีหน้าเรียบเฉย และไม่พูดแม้แต่คำขอโทษ
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติคดีอาชญากรรมนายโอ พบว่ามีคดีตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจุบันปี 2564
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สุดอำมหิต! ศพบังลอยทะเลที่แท้เมียจ้างฆ่า 1 แสน ตีหน้าเศร้าโยนผิดเจ้าหนี้อุ้ม
- ชันสูตรชี้เสี่ยขี้ยางถูกอุ้มฆ่าทิ้งทะเล เจอแผลทุบหัวมัดขา ตร.ล่าเบาะแสแก๊งทวงหนี้
ก่อนหน้านี้ นายธเนศ หวามาก อายุ 31 ปี ลูกชายของผู้ตาย เคยเปิดใจเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 64 ว่าผลชันสูตรศพพ่อที่ออกมาว่าไม่พบน้ำและทรายที่ปอดของพ่อแล้วก็ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย สวนทางกันกับที่ทางแพทย์ลงความเห็นสันนิษฐานว่าพ่อจมน้ำตาย ส่วนตัวคิดว่าถ้าพ่อจมน้ำตาย ต้องมีน้ำกับทรายอยู่ในปอดของพ่อบ้าง ตนมั่นใจว่าพ่อไม่มีทางฆ่าตัวตายแน่นอน
ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา 16 ส.ค. 64 นายธเนศ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า นางบุหลัน ผู้เป็นแม่ สารภาพว่าแม่ไม่ได้สมรู้ร่วมคิดที่จะไปฆ่าพ่อ แต่มีเพื่อนของพ่อมายุยงใส่ไฟว่าพ่อมีเมียน้อย แม่ก็เลยโกรธ แล้วแม่ก็พูดออกไปว่า "ทำยังไงดี ฆ่าให้ตายไปซะ ผู้ชายคนนี้อยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร" จึงไปเข้าทางเพื่อนของพ่อที่โกรธพ่อ และมีความแค้นเป็นทุนอยู่แล้ว จากนั้น เพื่อนของพ่อก็บอกกับแม่ว่าเดี๋ยวกูจัดการให้เอง ซึ่งแม่บอกว่า "แม่ก็ไม่ได้รับปากว่าจะจ้างหรือมีอะไรตอบแทนให้"
ต่อมา วันที่พ่อหายไป อยู่ ๆ เพื่อนพ่อก็โทรไปหาแม่ บอกว่า "กูจัดการให้แล้วนะ" หลังจากนั้นแม่ก็บอกว่าทำอะไรไม่ถูก และแม่ก็บอกว่าที่ไม่ได้บอกกับลูก ๆ เพราะว่าถูกเพื่อนของแม่ขู่เอาไว้ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด
ล่าสุด ทีมข่าวเดินทางมาที่ สภ.ทรายขาว มีการคุมขังนางบุหลัน กำกิจ อายุ 50 ปี ภรรยาผู้ตาย และเป็นผู้ต้องหาไว้ ทีมข่าวสอบถามสิบเวรพบว่าในช่วงเช้ามีญาติมีเยี่ยมหลายคนมาพบ นางบุหลันอาการปกติดี เมื่อทีมข่าวได้ขออนุญาตพูดคุยกับนางบุหลัน เจ้าตัวหลบไปเข้าห้องในห้องขังเก็บตัวเงียบ ไม่ยอมออกมาพูดคุย
ล่าสุด ช่วงบ่าย นางสาวสายใจ ต่อติด อายุ 54 ปี, นางละอองจิต ต่อติด อายุ 50 ปี ทั้งคู่เป็นน้าสาวของนางบุหลัน เดินทางนำข้าวกล่องคือข้าวผัดกะเพรา และนมเปรี้ยว ขนมปัง มาเยี่ยมนางบุหลัน นางสาวสายใจ เปิดเผยว่า วันนี้ตั้งใจมาเยี่ยมให้กำลังใจหลาน เพราะสงสาร เนื่องจากที่ผ่านมารู้เรื่องหลานและสามีมีปัญหากันมานานนับ 10 ปี ทั้งปมที่สามีของหลานติดการพนัน เอาที่อยู่อาศัยไปจำนอง และมีผู้หญิงมาติดพันธ์บ่อยครั้ง แม้ไม่ได้เอาเข้าบ้านก็ตาม แต่สร้างความทุกข์ใจให้หลานตลอด พร้อมยืนยันว่าไม่คิดเลยว่าหลานจะจ้างวานฆ่า เพราะสามีหลานเล่นการพนันหนักจึงคิดว่าการถูกฆาตกรรมเกี่ยวข้องกับการพนันหรือติดหนี้สินในวงการพนัน แต่มาขณะนี้เมื่อทราบความจริงทุกอย่าง ตนเองก็เสียใจที่หลานทำแบบนี้ คนที่หลานจ้างก็เป็นญาติกันด้วย แม้สงสารมากแต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะตอนที่ลงมือทำ หรือตอนที่คิดจะทำไม่มีการมาปรึกษาคนในครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าตอนนี้กำลังปรึกษากันว่าจะประกันตัว แม้รู้ดีว่าคดีแบบนี้ทางพนักงานสอบสวน หรือศาลจะไม่อนุญาตก็ตาม แต่ก็อยากจะช่วยหลานอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกันได้พบนายชาติชาย (นามสมมติ) น้องชายนายเพรียวพันธ์ หรือโอ ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า จริง ๆ ตนแยกกันทำงาน แต่เท่าที่รู้พี่ก็ขยันทำงานรับจ้างทั่วไป แต่ทำอะไรบ้าง ที่ไหนตนไม่ค่อยรู้ ซึ่งพอทราบเรื่องก็รีบมาหาแม่ที่บ้าน เพราะนอกจากครอบครัวที่เสียใจมาก แม่ได้เสียใจร้องไห้อย่างเดียว ตอนนี้ก็ทำได้แค่ให้กำลังใจกัน และทำใจยอมรับ
สำหรับวันนี้ได้เดินทางไปเยี่ยมกันแล้ว พี่ชายเล่าว่าไม่รู้เรื่อง ถูกนายย่าโกบหลอกให้ไป และตอนที่เห็นนายย่าโกบกระทำก็ยังตกใจ งง ๆ ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าว่าทำเขาทำไม ตนเองก็ได้แต่ให้กำลังใจพี่ และพี่ก็ดูเข้มแข็ง และน่าจะอยู่ได้ เพราะครอบครัวก็ไม่ใช่คนมีเงิน และคงไม่ประกันตัว อีกทั้งเบื้องต้นพี่ชายกับรับสารภาพไปบ้างแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้พี่รับโทษไป ส่วนกับฝ่ายผู้เสียชีวิต ตนเองก็ขอแสดงความเสียใจด้วย
นายดี้สา หวาดมาก อายุ 78 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สบายใจที่ตำรวจสามารถจับคนบงการและคนร่วมฆ่าลูกชายได้ แต่รู้สึกกดดัน พูดไม่ออก เพราะคนบงการคือลูกสะใภ้ ตนเองไม่เคยคิดเลยว่าลูกสะใภ้จะทำ แต่ก็ตะหงิดใจมาก่อนที่จะเกิดเหตุแล้ว เนื่องจากช่วงหลังมาลูกสะใภ้โกรธเคืองตนปมปัญหาภายในครอบครัว และไม่เคยมาหาตนที่บ้านแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก่อนที่ลูกชายจะถูกฆ่าตาย ลูกสะใภ้มาหามาเยี่ยมตน และเอาเงินให้ 100 บาท ตนนึกสงสัยที่ลูกสะใภ้มาทำดี คิดว่าปกปิดอะไรหรือไม่ ต่อมาก่อนจะจับคนร้าย ตนได้ฝันลูกชายว่าลูกมานั่งร้องไห้ ไม่พูดไม่จาเลย
แม้กระทั่งทั่งมีข้อมูลว่าลูกสะใภ้เกี่ยวข้องตอนนั้นตนก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าลูกสะใภ้จะทำ ตนรักลูกสะใภ้เหมือนลูก ตนจึงหนักใจมาก แต่ก็คงต้องตัดใจ เพราะถือว่าลูกสะใภ้ไม่รักตน ไม่รักผัว ไม่คิดถึงลูก และทำให้ลูกมีปมด้อย อีกทั้งการที่ลูกสะใภ้อ้างว่าทำไปเพราะลูกตนเอาที่ดินไปจำนอง ติดหนี้การพนัน และหนี้นอกระบบ ก็ไม่เป็นความจริง เพราะความจริงคือในช่วงแรกลูกคิดแต่จะสร้างตัว ส่วนหนึ่งนั้นเป็นที่ดินของตน 35 ไร่ และตนเอาไปจำนองให้ลูก 500,000 บาท เพราะลูกจะเอาไปทำทุนซื้อน้ำยาง ปลูกบ้านให้หลาน ๆ แม้ลูกคนอื่นจะน้อยใจก็ตาม แต่ทำข้อตกลงกันว่าอยากช่วยลูกคนนี้ ต่อมาที่ดินผืนที่ลูกอาศัยอยู่กับลูกสะใภ้นั้นเอาไปจำนองด้วยกันเอง และเอาเงินมาใช้ชีวิตกินอยู่กัน ลงทุน และส่งลูกเรียน ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับการพนัน
ส่วนเรื่องการพนันนั้น ลูกชายติดมาในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาและมีหนี้สินนอกระบบบ้าง แต่ไม่ได้มากมาย รวมถึงคำกล่าวอ้างว่าเลิกลากันไปและลูกชายไปตามขู่ลูกสะใภ้ที่ภูเก็ตให้กลับมานั้น ลูกตนก็ไม่ได้ขู่ อีกทั้งทำร้ายร่างกายอดีตมีการทำร้ายกันจริง แต่ช่วงหลังลูกชายยอมลูกสะใภ้ ยอมให้ลูกสะใภ้ด่า แม้แต่จะเถียงก็ยังไม่เคยเถียงเลย ตนเองน้อยใจมาก และหากลูกสะใภ้พูดต่อศาลแบบนี้ ตนเองก็จะยกมือค้านแน่นอน ขณะที่คนร่วมฆ่าอื่น ๆ มีปัญหาขัดแย้งอะไรกับลูกชายก็ขอให้เป็นแนวทางการสอบสวนของตำรวจ เพราะจริง ๆ ตนไม่รู้ อีกทั้งผู้ต้องหาทั้ง 2 ก็รู้จักกันหมด
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันวันนี้ยังให้อภัยลูกสะใภ้ไม่ได้ แต่หากลูกสะใภ้พูดความจริงว่าทำไปทำไม หวังอะไร ตนก็อาจจะให้อภัย แต่หากลูกสะใภ้ยังใส่ร้ายลูกชายแบบนี้ก็คงยังไม่ให้อภัย และยืนยันว่าไม่อาฆาต เพราะอัลเลาะห์จะลงโทษคนทำผิดเอง
Advertisement