ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เริ่มปรับการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนอีกครั้ง หลังจากที่มวลน้ำจากอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์รวมถึงน้ำจากอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ไหลเข้าสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์พร้อมกัน ทำให้มีมวลน้ำขนาดใหญ่ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จำนวน 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือชั่วโมงละ 8,000,000 ลูกบาศก์เมตร
นายสุรัตน์ ธนูศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 จังหวัดลพบุรี จึงสั่งให้ปรับแผนในการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนอีกรอบ โดยในขณะนี้ระบายอยู่ที่ 995 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และอาจจะมีการปรับเพิ่มการระบายน้ำอีกครั้ง เพราะต้องติดตามสถานการณ์น้ำที่ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์แบบชั่วโมงต่อชั่วโมงเนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีเกิน 100% โดยมีมวลน้ำอยู่กว่า 973,000,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อสถานการณ์ความปลอดภัยของเขื่อนจึงต้องมีการเพิ่มการระบายน้ำแต่จะทำการเพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งหากมวลน้ำยังไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนมีปริมาณระดับสูงทางเขื่อนอาจมีการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนในระดับสูงขึ้น 1,200-1,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามทางเขื่อนก็จะมีการแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณท้ายเขื่อนป่าสักตั้งแต่อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ประชาชนที่อยู่ในจังหวัดสระบุรีและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้เตรียมตัวในการยกของขึ้นที่สูง โดยน้ำที่ระบายออกจากเขื่อนป่าสักจะใช้เวลาในการเดินทางไปถึงเขื่อนพระรามหก ประมาณ 1 วันหรือ 12 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
Advertisement