สิตางศุ์ บัวทอง เปิดใจทั้งน้ำตา โดนข่มขู่ทวงคืนลูกบุญธรรม แฉแม่แท้ๆ ทรมานลูกจนสมองช้า

สิตางศุ์ บัวทอง แจงปมดราม่าโดนทวงคืนลูกบุญธรรม ลั่นแม่แท้ๆ ทรมานลูกตัวเองตั้งแต่เด็กจนสมองช้า เผยจุดเริ่มต้นที่รับเด็กคนนี้มาดูแล

โดย สิตางศุ์ บัวทอง เผยว่า แม่แท้ ๆ ของลูกชายต้องการเงินจากตนเพิ่มจากที่ก่อนหน้านี้ได้เคยตกลงกันไว้เพื่อแลกกับการที่ให้ลูกชายมาเป็นลูกบุญธรรมของตน ซึ่งตนก็เข้าใจที่เขาเรียกเงินเพราะเขาเลี้ยงลูกมาตั้งนานกว่าจะโต แต่ตอนหลังเขาจะเอาเพิ่ม รวมถึงข่มขู่ตนด้วย และไปร้องเรียนหน่วยงานต่าง ๆ แต่ลูกชายอายุ 23 ปีแล้ว เขาบรรลุนิติภาวะจึงสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่กับใคร

"ข่มขู่ฉันเลยเหรอ ข่มขู่อย่าให้ข่าวเลยนะ และนี่เป็นการแบล็คเมล์ ไม่ใช่ครั้งที่ฉันโดนแบล็คเมล์ ฉันโดนมาหลายเดือนด้วยซ้ำไป พอเขาโลภอันนี้ต้องถามลูกเขาเอง เพราะเราไม่รู้รายละเอียดครอบครัวเขา"

นอกจากนี้ยังเล่าว่า ตนมีลูกบุญธรรมคอยปกป้อง "เพราะเขาเป็นคนปกป้องแม่ คือ ถ้าไม่มีเขาแม่โดนแล้วนะ (ร้องไห้) เพราะเขา (แม้แท้ๆ) ไปร้องเรียนหน่วยงานอะไรตั้งเยอะ แต่ลูกชายอายุ 23 แล้วค่ะ แล้วเขาเลือก เซ็นเป็นลูกบุญธรรมแล้ว และจะเปลี่ยนนามสกุล แต่ต้องเช็คหลายอย่าง ซึ่งตอนนี้ก็เช็คเรียบร้อยแล้ว เขา (ลูกบุญธรรม) เป็นคนใจบุญชอบทำบุญเหมือนแม่ (สิตางศุ์)"

"ทางฝั่งแม่แท้ๆ ฉันเสนอไปว่า ทำสัญญาแฟลตให้ 4 แสน และส่งเสียเขารายเดือนโดยไม่ต้องทำงาน ตอนแรกก็โอเค เรียบร้อย ตอนหลังไปให้ข่าวและโทรมาข่มขู่ฉัน"

"เรื่องนี้ไม่อยากเล่าเลย ขยะแขยง คือ แม่เขาป่วย แล้วไม่รับยา แล้วเด็กโทนทรมานมาตั้งแต่เด็กจนเขาสมองช้า แต่พอมาอยู่กับแม่ (สิตางศุ์) รู้เลยเขาเหมือนเด็กออทิสติก แต่เขาเกิดมาสมบูรณ์ แต่เขาเคยโดนบีบคอแล้วกรอกน้ำเปล่า (ร้องไห้) แล้วตอนแรกมาสมัครงานกับแม่ แม่บอกให้กลับไปเอาเสื้อผ้า แต่เขาบอกผมไม่มีเสื้อผ้า เขาเป็นเด็กหาเงินเก่งมากนะ ขายของในแอปช้อปปี้ได้เดือนเป็นแสนนะ แต่เขาไม่รู้เมนูอาหาร นี่เพิ่งรู้นะ ว่ามีเด็กโดนขังไว้แล้วโดนทรมานจนสมองได้รับคววามกระทบกระเทือน อันนี้มันเรื่องใหญ่ของสัมคมไทยนะ"

"เรามั่นใจว่าเด็กคนนี้เป็นลูกฉันเอง แล้วเราก็ไม่อยากให้ตัวทางนั้นมีบาปเพิ่ม ก็เลยไม่อยากเอาเรื่องใคร แม้แต่จะเล่าให้คนอื่น ยังไม่อยากเล่าเลย เพราะเรื่องมันน่าเกลียด มันมีคนแบบนี้จริงๆ ด้วยเหรอ มีเด็กโดนทำร้าย ก็สำหรับแม่บางท่านนะคะ อย่าทำร้ายลูกตัวเองเลย เด็กคนนี้ที่ฉันรับไว้ ตอนนี้เขาหายจากอาการเส้นเกร็ง อาการทางสมองแล้ว เราก็เริ่มที่จะส่งเขาเรียนภาษาก่อน แล้วก็เรียนตามระบบไปติดต่อครูมาสอน"