นักวิจัย คาด วัคซีนโควิด ของประเทศพัฒนาแล้ว อาจต้องทิ้งเปล่า 240 ล้านโดส หลังกำลังจะหมดอายุลงภายใน 2 เดือน เสี่ยงใช้งาน-ส่งมอบให้ประเทศอื่นไม่ทัน
วันที่ 12 ต.ค.64 สำนักข่าวซินหัว รายงาน อ้างอิงรายงานล่าสุดจากนิตยสารนิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ของญี่ปุ่น ระบุว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้วครอบครองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ส่วนเกินหลายร้อยล้านโดส ที่เสี่ยงหมดอายุก่อนส่งมอบให้ประเทศกำลังพัฒนาที่เผชิญปัญหาใหญ่ด้านการจัดหาวัคซีน
รายงานอ้างบทวิเคราะห์ของแอร์ฟินิตี (Airfinity) บริษัทวิจัยสหราชอาณาจักร ระบุว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ราว 100 ล้านโดส ที่กลุ่มประเทศจี 7 (G7) และประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ได้สั่งซื้อหรือทำสัญญานั้นจะหมดอายุภายในสิ้นปีนี้ แม้จะพิจารณาการฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นแล้วก็ตาม
ขณะเดียวกันวัคซีนของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วราว 240 ล้านโดส จะหมดอายุภายใน 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากต่อการขนส่งวัคซีนไปยังกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
แอร์ฟินีตีเผยว่า ปริมาณวัคซีนคงคลังของกลุ่มประเทศจี 7 และประเทศสมาชิกอียู จะสูงเกิน 1 พันล้านโดส ณ สิ้นปี 2021 เนื่องจากปริมาณวัคซีนมีมากกว่าความต้องการ พร้อมสันนิษฐานว่าทุกประเทศจะฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นให้ประชาชน แต่ไม่รวมการอนุมัติวัคซีนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี
ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ส่งมอบให้กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว มักมีอายุเก็บรักษานาน 6-7 เดือน
ด้านญี่ปุ่นได้สั่งซื้อหรือทำข้อตกลงซื้อวัคซีน 560 ล้านโดส โดยขณะนี้มากกว่าร้อยละ 60 ของประชากรญี่ปุ่นได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว แม้เริ่มฉีดวัคซีนล่าช้ากว่ายุโรปและสหรัฐฯ แต่มีการคาดการณ์ว่าปริมาณวัคซีนคงคลังของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้น หลังทุกคนในประเทศที่ต้องการฉีดวัคซีนเข้ารับวัคซีนภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
ขณะที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีชี้ว่าญี่ปุ่นได้แจกจ่ายวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาให้หน่วยงานทางการท้องถิ่น แต่ไม่ได้จดบันทึกวันหมดอายุไว้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- องค์การอนามัยโลก แนะฉีด วัคซีนเข็ม 3 ให้ผู้สูงอายุ 60 ปีที่ฉีด ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม
- องค์การอนามัยโลก ยกไทยกำกับดูแล วัคซีนโควิด มีประสิทธิภาพเกือบสูงสุด
- ผลวิจัยวัคซีนเข็ม 3 แอสตร้าฯ - ไฟเซอร์ ฉีดใต้ผิวหนัง ภูมิใกล้เคียงฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ผลข้างเคียงน้อย