โดยในครั้งนี้ได้มีคณะของ พลเอกสมชาย วิษณุวงศ์ สส.จังหวัดกาญจนบุรี นายแพทย์ ชาติชาย กิติยานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี รวมถึงเจ้าหน้าที่ อสม.ในพื้นที่ให้การต้อนรับคณะ ที่เดินทางไปร่วมพิธีตัดต้นกัญชา ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านวังเย็น เป็นกลุ่มแรกที่ทำการปลูกกัญชาสายพันธุ์หางกระรอก ในแปลงจำนวน 60 ต้น และอีก 8 แห่ง กำลังทยอยครบอายุในการตัดตามเวลาที่กำหนดไปแต่ละชุมชน โดยกัญชาที่ทำการตัดในครั้งนี้มีน้ำหนักสดทั้งสิ้นเกือบ 200 กิโลกรัม เมื่อตัดแล้วจัดนำลงกล่องเก็บรักษาไว้ที่ รพ.สต.ในพื้นที่ทั้งหมด เพื่อนำไปผลิตเป็นยารักษาตามที่กระทรวงสาธารณสุข ต้องการต่อไป
สำหรับต้นกัญชามนโรงเพาะปลูกแห่งนี้เกิดฮือฮา มากคือมีต้นกัญชาใบด่าง รวมอยู่ด้วยในโรงเพาะปลูกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านวังเย็น ซึ่งจากการที่นำสายพันธุ์กัญชา ไปเพาะปลูกทั้ง 8 วิสาหกิจชุมชน กว่า 400 ต้น พบเพียงต้นเดียว เท่านั้นทางกลุ่มได้เตรียมเก็บเมล็ดเพื่อทำเป็นสายพันธุ์ ให้กับทางกลุ่ม ทั้ง 8 แห่งต่อไป และต้นกัญชาที่มีลักษณะใบด่างนี้นำไปวิจัยแล้วพบว่าคุณภาพสูงเช่นเดียวกับต้นอื่นๆ มีผู้สนใจให้ราคาถึง 2 ล้านบาท แต่ขายให้ไม่ได้ผิดกฎหมาย จังหวัดกาญจนบุรี และได้ผลผลิตกัญชาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก มีลักษณะของ ราก ต้น กิ่ง ใบ ที่สมบูรณ์ และมีสาระสำคัญสูงสุด รวมถึงช่อดอกที่มีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 1.5 กิโลกรัมต่อต้น (น้ำหนักสด) ซึ่ง 1 รอบในการปลูก ปริมาณอยู่ที่ 60 ต้น และต้นที่รอดจากโรคพืชและศัตรูพืชอยู่ที่ 50 ต้น ต่อ1 โรงเรือน
และโดยลักษณะทางกายภาพของกาญจนบุรี ที่มีลักษณะร้อนชื้นเหมาะสมกับ การปลูกกัญชาสายพันธุ์ไทยในรูปแบบกรีนเฮ้าส์นี้ ถือว่าผลผลิตของต้นกัญชาในครั้งนี้มีผลผลิตที่สมบูรณ์ มีสาระสำคัญเกิดขึ้นจากต้นกัญชาครบถ้วนตามผลการที่วิจัยและทดลองของห้องปฏิบัติการกลางแห่งประเทศไทย และนับเป็นเกียรติ เป็นขวัญและกำลังใจ ให้กับกลุ่มวิสาหกิจ และยังทำให้สมาชิกมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีอาชีพที่แน่นอน รายได้ที่มั่นคง เกิดความรักความสามัคคี สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน นับเป็นโครงการที่ดีที่สุดและประสบผลสำเร็จมากที่สุด และในวันนี้ถือเป็นฤกษ์ ดีที่พี่น้องทุกหมู่เหล่าได้รวมตัวกันปลูกกัญชาทางการแพทย์ และจะนำไปใช้ในทางการแพทย์ จัดทำเป็นยารักษาโรคเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้าสู่ระบบสาธารณะสุขซึ่งเป็นทางเลือกทางการแพทย์ทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบัน และเพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน
ต่อไป
นายแพทย์ ชาติชาย กิติยานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า การเก็บดอกกัญชาครั้งนี้เป็นรูปแบบการเก็บกัญชา ทางการแพทย์ โดยทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านวังเย็น ได้ร่วมกันปลูกเพื่อนำไปใช้ทางการแพทย์ แต่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเก็บดอกกัญชาในโรงเพาะปลูกแห่งนี้ กัญชาทั้งหมดจะต้องนำไปใช้ในทางการแพทย์เท่านั้นไม่สามารถนำไปอย่างอื่นได้ เพราะมีข้อกฎหมายได้กำหนดไว้ ส่วนต้น ราก เอาไปใช้อย่างอื่นได้ แต่ต้องอยู่ในข้อระเบียบที่กำหนดไว้ทั้งสิ้น
พลเอกสมชาย วิษณุวงศ์ สส.กาญจนบุรี กล่าวว่า พืชกัญชา ถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ซึ่งอนาคตจะต้องมีการส่งเสริม แต่เวลานี้ยังมีข้อกำหนดของระบบสากลอยู่ ที่ถือว่าพืชกัญชา ยังเป็นพืชเสพติดอยู่ในประเภท 5 ซึ่งในอนาคตข้างหน้าพืชกัญชาน่าจะถูกปลดล๊อกออกจากการเป็นพืชเศรษฐกิจ ดังนั้นเราจึงจะต้องมีการเตรียมการ ในระบบปัจจุบันที่มีการอนุญาต ให้มีการปลูกได้นั้นจะต้องอยู่ในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน ร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเท่านั้น แล้วต้องทำบันทึกข้อตกลงกับทางแพทย์แผนไทยเป็นระบบที่ 1 ส่วนในอนาคตหากมีการปลดล๊อกเราจะสามารถปลูกได้บ้านละ 6 ต้น โดยจะต้องมีผู้ป่วย ภายใต้ที่ทางแพทย์ได้อนุญาตให้กับผู้ป่วยรายนั้นๆ ต่อไปก็จะเป็นของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ร่วมกันปลูกเพื่อทางการแพทย์แผนไทยเท่านั้น ส่วนต้น ราก ใบ ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ก็จะสามารถนำไปประกอบอาหารได้ แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ อย. เป็นผู้อนุญาตให้ทั้งสิ้นต่อไป
นายวิศารท์ พจน์ประสาท ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรภาคตะวันตก และประธานวิสาหกิจชุมชนศูนย์อภิบาลด้วยพืชสมุนไพร แห่งริเวอร์แคว ในฐานะผู้ส่งเสริมการปลูกกัญชาทางการแพทย์ระหว่างวิสาหกิจชุมชน กล่าวว่ากลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับอนุญาตและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลทั้ง 8 แห่ง
ตามโครงการของกระทรวงสาธารณะสุข ที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาทางการแพทย์ได้ให้ความสำคัญต่อโครงการปลูกกัญชาทางการแพทย์โดย วิสาหกิจชุมชนทั้ง 8 แห่งนี้ และครั้งนี้ ถือเป็นการเก็บดอกกัญชาทางการแพทย์ครบตามรอบในการปลูก เป็นครั้งแรก ซึ่งถือได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ของการปลูกกัญชา และสามารถเก็บช่อดอกกัญชาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เป็นครั้งแรกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน แห่งแรก
ส่วนมูลค่าของกัญชา ทั้งหมดไม่สามารถคิดเป็นมูลค่าไม่ได้ เนื่องจากจะต้องเก็บให้กับทางทางการแพทย์เพื่อนำไปประกอบเป็นยาเท่านั้น โดยการปลูกทั้งหมดรวมได้จำนวน 186 กิโลกรัมสด หากนำไปตากแห้งจะหายไปประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ หรือครึ่งหนึ่ง ทั้งหมดจะนำไปเก็บไว้ที่ รพ.สต.ก่อนนำส่งไปยัง อย. และผลการผลิตกัญชาจองจังหวัดกาญจนบุรี ผ่านการตรวจวิจัยจากห้องทดสอบกลางแล้วถือว่าดีที่สุดของประเทศไทย ผลที่ออกมาเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ทุกขั้นตอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อนุทิน ตั้งเป้าไทยเป็นฐานผลิตเวชภัณฑ์จาก กัญชา ทางการแพทย์ระดับโลก
- ตำรวจยึด กัญชา ล็อตใหญ่ 190 กก.แต่ไล่ล่าคนขนไม่ทัน ซิ่งกระบะหนีไปได้
- ธ.ก.ส. ปล่อย สินเชื่อปลูกกัญชา ดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี เช็กคุณสมบัติผู้กู้
Advertisement