อีกกรณีที่ทางเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อยv plus" ออกมาโพสต์ตั้งคำถามกับสังคมถึงพฤติกรรมของคนเป็นพ่อเป็นแม่ เมื่อล่าสุดมีชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 5 บ้านหนองสมัคร ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี ไปเจอหนูน้อยวัย 4 ขวบ หลงอยู่ในป่าเขาท้ายหมู่บ้าน ในเขตสุสานสุขาวดีเพียงลำพัง ห่างจากตัวหมู่บ้านประมาณ 500 เมตร และห่างจากที่พักของพ่อเลี้ยงแม่เด็กประมาณ 1 กม.
สภาพเด็กตอนที่พบเจอ เนื้อตัวมอมแมม ร้องไห้ แต่โชคดีที่ชาวบ้านในละแวกไปเจอ จึงช่วยกันตามหาพ่อแม่เด็กจนเจอ และเมื่อสอบถามกับพ่อแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น คำตอบที่ได้คือ "เพราะลูกดื้อ แล้วต้องการจะดัดนิสัย ก็เลยเอาไปปล่อยไว้กลางป่า" อ้างว่าหลังเอาไปปล่อยก็ได้ซุ้มแอบดูลูกอยู่ตลอด แต่เกิดพลัดหลงกันลูกช่วงเผลอ จนสุดท้ายหาไม่เจอ
เวลาประมาณ 19.30 น. หลังชาวบ้านพบกับพ่อแม่เด็ก จึงทราบว่าคนเป็นพ่อที่มาแสดงตัวคือพ่อเลี้ยงของเด็ก ทราบชื่อ นายขวัญ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ส่วนแม่เป็นแม่แท้ ๆ ทราบชื่อ นางสาวนกยูง (นามสมมติ) อายุ 29 ปี โดยทั้งคู่จัดเตรียมเสื้อผ้าให้กับเด็กสำหรับอยู่ในป่าด้วย 1 ถุง มีทั้งชุดเสื้อผ้าและเสื้อนักเรียน
ล่าสุด วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ทีมข่าวเดินทางไปยัง สภ.หนองแค นายยุรนันต์ สิงห์คำพุด หรือ หนึ่ง อายุ 29 ปี พ่อแท้ ๆ ของ น้องไท (นามสมมติ) อายุ 4 ขวบ บอกว่า ตนกับแม่เด็กได้พบรักกันตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่งานวัดแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี จึงมีการศึกษาดูใจพามาอยู่ที่บ้านตนใน ต.เจริญธรรม อ.วิหารแดง จ.สระบุรี แล้วก็มีลูกด้วยกัน คลอดออกมาในช่วงปลายปี 2561 โดยไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่ครอบครัวทั้ง 2 ฝั่งฝ่ายรับรู้ ช่วยกันทำงานโรงงานเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว
จากนั้นช่วงกลางปี 2562 ตนมาทราบว่าฝ่ายหญิงมีคนใหม่กับคนในโรงงานเดียวกัน เป็นพ่อเลี้ยงที่พาลูกตนไปทิ้ง หลังจากนั้นตลอด 1 ปีกว่า ตนก็ไม่ได้เจอลูกอีกเลย เพราะแม่เด็กไม่ยอมให้เจอลูก บอกว่าตนไม่มีสิทธิ์ จนกระทั่งเมื่อกลางปี 2563 ตนมีโอกาสได้เจอหน้าลูกเป็นครั้งล่าสุด เพราะพี่ชายเป็นคนไปขอเอามาเลี้ยง 1 วัน ตนก็เลยมีโอกาสได้แอบไปเล่นกับลูก หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้เจอลูกหรือคุยกับลูกอีกเลย จนเกิดเรื่องครั้งนี้ขี้น
ตนยอมรับว่าที่ผ่านมาแอบรู้สึกน้อยใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตนก็ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่อยากยื้อแย่งให้กลายเป็นปมของลูก แต่พอเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ตนมองว่ามันทำเกิดกว่าเหตุไปมาก สวนทางกับภาพที่โพสต์ในเฟซบุ๊ก ซึ่งดูเหมือนรักเด็ก และการที่อ้างว่าทำไปเพราะเด็กดื้อนั้น จริง ๆ แล้วเด็กซนบ้างก็เป็นเรื่องปกติ
ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ และโกรธจนพูดไม่ออก เมื่อเห็นลูกอยู่ในสภาพแบบนั้น จึงเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับทั้ง 2 คนและเพื่อปรึกษากับเจ้าหน้าที่ว่าหลังจากที่ทั้งคู่โดนจับ ตนสามารถรับลูกไปเลี้ยงดูแทนทั้ง 2 คนได้ไหม เพราะปัจจุบันลูกใช้นามสกุลตน แต่ชื่อไปอยู่ในทะเบียนบ้านของนางสาวนกยูง ที่ จ.ร้อยเอ็ด ในฐานะพ่อแท้ ๆ ก็อยากให้เรื่องราวนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับพ่อแม่ที่ไม่พร้อมจะเลี้ยงลูก
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังเส้นทางป่าสุสาน นายบุญ คนที่เห็นเด็กเดินออกมาจากสุสานเป็นคนแรก บอกว่า ตอนนั้นตนกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน ฝั่งตรงข้ามของสุสาน แล้วก็เห็นเด็กเดินร้องไห้ออกมา มายืนอยู่หน้าบ้านตนด้วยสภาพเท้าเปื้อนโคลน เนื้อตัวมอมแมม
ตอนนั้นตนก็เลยตกใจและถามว่า "หนูไปไหนมา" น้องไทก็ตอบกลับมาว่า "หนูหลงป่า พ่อหนูไปไหนไม่รู้" จากนั้น ตนก็ออกมายืนเป็นเพื่อนน้องเพื่อรอ เผื่อว่าพ่อน้องจะกลับมา พร้อมกับถามว่า "กินข้าวมาหรือยัง" น้องบอกว่า "กินมาอิ่มแล้วครับ" จากนั้นก็รออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ไม่มีใครมา ตนก็เลยพาน้องไปบ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อตามหาผู้ปกครอง
นางสาวนกยูง แม่แท้ ๆ ของเด็ก ยืนยันว่า ตนเป็นคนต้นคิดที่จะนำลูกไปปล่อยในป่า เพราะลูกเป็นเด็กที่ดื้อมาก ตนพยายามสอน ดุด่า ตีสั่งสอน ลงโทษทุกวิธีแล้ว ตนได้ดูคลิปในติ๊กต็อกที่บอกว่าให้ลูกยืนกางแขน กางขาแบบทหาร จะทำให้ลูกหายดื้อ อันนี้ก็ทำแล้ว แต่ไม่เป็นผล เมื่อวานตอนเย็นจึงออกอุบายด้วยความคิดตัวเอง บอกกับลูกว่า "เดี๋ยวจะเอาไปปล่อยในป่านะ แล้วค่อยไปรับลงมา แต่ถ้าดื้ออีก ก็จะเอาไปปล่อยอีก ถ้าไม่อยากไป ก็ต้องห้ามดื้อ"
หลังจากนั้น ตนเอาเสื้อนักเรียนกับเสื้อผ้าใส่ถุงพลาสติก แล้วบังคับให้นายขวัญ สามีใหม่ ขับรถจักรยานยนต์พาลูกไปปล่อย บอกว่า "เอาไปเลย เอาไปเลย ไม่ไหวแล้ว" ตอนนั้นลูกก็ร้องไห้ แต่ตนก็ยังทำ ส่วนแฟนก็ยอมพาไป เพราะถูกตนบังคับ แต่บังเอิญว่าพอแฟนพาลูกไปปล่อยในป่าเสร็จ เขาก็ขับรถกลับมาที่บ้านเช่า จากนั้นไม่ถึง 5 นาทีก็กลับเข้าไปเพื่อจะรับกลับออกมา แต่ปรากฏว่าแฟนตนหายไปประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเอะใจและโทรไปถาม แฟนก็บอกว่า "ลูกหาย ยังหาไม่เจอ" แต่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจแจ้งความ เพราะอยากหาด้วยตนเองก่อน ถ้าไม่เจอจริง ๆ ค่อยแจ้งความ
ทั้งนี้ ที่ทำไปเป็นอุบายเพื่อให้ลูกรู้สึกว่าตนจะทอดทิ้งเขาจริง ๆ แล้วลูกจะได้ไม่ดื้ออีก ตอนที่ตัดสินใจทำก็แอบหวั่นใจเหมือนกันว่าลูกจะเข้าใจผิดคิดว่าตนทอดทิ้งเขาจริง ๆ แต่ตอนนั้นหมดความสามารถ หมดหนทางแล้ว และตนไม่ใช่คนในพื้นที่ด้วย จึงไม่รู้จะหันไปปรึกษาใคร ก็เลยใช้อารมณ์ตัดสินใจทำแบบนั้นไป ตอนนี้รู้สึกผิดมาก
ส่วนที่พ่อแท้ ๆ ของเด็กเข้ามาแจ้งความเพื่อที่จะเอาเด็กไปเลี้ยง ตนไม่ยอมเด็ดขาด ต่อให้ตนต้องรับโทษติดคุก 10 ปีก็จะไม่ยอมให้ลูกไป ต้องคุยกันด้วยเรื่องของกฎหมายอีกครั้ง และอยากบอกกับลูกว่า "รักมาก ที่แม่ทำแบบนี้ไป เพราะอยากให้ลูกเติบโตมาเป็นคนดี ก็เลยอยากสอน" ตนเห็นวัยรุ่นผู้ชายสมัยนี้เติบโตไปในทางที่ไม่ค่อยดี ตนก็ไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนั้น ส่วนกับชาวบ้านและกระแสสังคมที่กำลังโจมตีตนกับแฟนนั้น ส่วนตัวก็อยากบอกว่าถ้าไม่รู้เรื่องตื้นลึกหนาบางก็ให้เบาหน่อย
นางสาวหวาน (นามสมมติ) อายุ 33 ปี เพื่อนบ้าน วบอกว่า จริง ๆ แล้ว นอกจากตนจะได้ยินเสียงพ่อเลี้ยงกับแม่จะดุด่าและทุบตีเด็กแล้ว ก่อนที่จะเกิดเรื่องเมื่อวาน ตนได้ยินแม่เด็กบอกกับพ่อเลี้ยงเด็กว่า "เอามันไปปล่อยป่า ถ้าไม่เอาไปกูจะเชือดคอมัน" ตอนนั้นตกใจมาก ไม่คิดว่าพ่อเลี้ยงของเด็กจะกล้าเอาไปปล่อย แต่พอผ่านไปไม่นานประมาณเกือบ 6 โมงเย็น ตนได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ขับออกไป แล้วสัก 10-15 นาทีก็ขับกลับมา จากนั้นผ่านไปสักพักตนก็ได้ยินเสียงรถขับออกไปอีกรอบ ยืนยันว่าไม่ใช่ 5 นาที
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้คนที่ดูแลเด็กก็คือตัวของแม่ เพราะแม่เด็กยังไม่มีงานทำ แต่ช่วงประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตนเห็นว่าทั้ง 2 คนออกไปทำงานแล้วขังเด็กไว้ในห้อง ล็อกกุญแจไม่ให้ออกมา ตนได้ยินเสียงเด็กถีบเตะประตู ทุบประตู ทุบฝาผนังพร้อมกับร้องตะโกนกรี๊ดลั่นทุกวัน คล้ายกับเก็บกด เพราะอยากกออกมาเล่นข้างนอก แต่ทำไม่ได้
Advertisement