กรณีเหตุการณ์ยิงสนั่นกลางตลาดเกษตร จ.ภูเก็ต พ่อค้าขายกุ้งสุดทนก่อเหตุยิงแม่ค้าขายกุ้งแผงติดกันยกครัว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย แต่เสียชีวิตแล้ว 2 คน เนื่องจากมีเหตุขัดแย้งเรื่องราคาขายกุ้ง เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งติดตามตัวคนก่อเหตุ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 8 ม.ค.65 เวลาประมาณ 18.00 น. ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ที่ทำการย่อยหาดใหญ่ นายมณีนพ หมีทอง อายุ 49 ปี หรือ บังนพ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาก่อเหตุปืนยิงครอบครัวแม่ค้าขายปลา “เจ๊แต๋ว กุ้งสด” เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บ 3 ราย ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจชุดสืบสวนภาค 8 และชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวเอาไว้สอบสวนในเบื้องต้น ก่อนที่จะพาตัวกลับไปดำเนินคดีที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ
จากการถาม นายมณี ให้การอ้างว่ามูลจูงใจในการก่อเหตุ มาจากปัญหาเรื่องการซื้อขายกุ้งที่เรื้อรังมา 5-6 ปี เพราะตนถูกอีกฝ่ายพูดจาเหน็บแนมเกือบทุกเช้า แม้ตนจะพยายามอดทนมาโดยตลอดทุกครั้งที่มีเรื่องกัน ก็จะกลับบ้านไปนับหนึ่งถึงพันเป็นร้อย ๆ ครั้ง เพื่อควบคุมสติอารมณ์ กระทั่งในวันเกิดเหตุอีกฝ่ายได้ทะเลาะกับแฟนของตน ซึ่งตนก็พยายามห้ามแล้ว สุดท้ายก็บันดาลโทสะก่อเหตุดังกล่าว
"หลังจากที่ก่อเหตุยิง ผมก็ได้เช่าเรืออวนปู 7,000 บาท หลบหนีออกจากจ.ภูเก็ต มาขึ้นฝั่งที่จ.กระบี่ และเดินทางต่อด้วยรถตู้มายังอ.หาดใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจครับ" นายมณีนพ กล่าว
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พบว่าช่วงเช้าวันนี้ภายในตลาดเปิดให้บริการตามปกติ โดยมีลูกค้าเดินทางมาจับจ่ายซื้อสินค้ากันเป็นจำนวนมาก จากการสังเกตพบว่าแผงขายกุ้งของครอบครัวนายมณีนพ ผู้ก่อเหตุ ก็มาเปิดทำการขายตามปกติ แต่ฝั่งครอบครัวผู้เสียชีวิตไม่ได้มาตั้งแผงขายของทะเลในวันนี้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.เสาวภา จุลทอง อายุ 27 ปี หลานสาวผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า วันนี้ครอบครัวของตนต้องเปิดแผงขายกุ้งเหมือนตามปกติ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องหารายได้ จึงไม่สามารถหยุดขายของได้ หลังเกิดเรื่องตนยืนยันว่าครอบครัวยังไม่สามารถติดต่อนายมณีนพได้ เพราะหลังเกิดเหตุนายมณีนพ ไม่ได้พกอะไรติดตัวไปด้วย ครอบครัวจึงไม่ทราบว่าขณะนี้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน จึงต้องรอติดต่อกลับมา พร้อมทั้งรอฟังความคืบหน้าจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
แต่อย่างไรก็ตาม หากตนมีโอกาสได้บอกกับนายมณีนพ ตนก็อยากให้รีบเดินทางกลับมามอบตัว เพื่อจะได้รับผิดกับสิ่งที่กรพทำไว้ "ผิดก็ว่าไปตามผิด" ส่วนเรื่องคดีความก็ค่อยมาช่วยกันหาทางแก้ไข ทั้งนี้ ในฐานะที่ตนเป็นหลานสาวผู้ก่อเหตุ ตนก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรู้สึกว่าถึงแม้จะให้การอย่างไร ฝั่งของตนก็เป็นฝ่ายผิดอยู่ดี เนื่องจากเป็นครอบครัวของผู้ก่อเหตุ แต่ตนขอยืนยันว่าสาเหตุเป็นเรื่องของธุรกิจค้าขายกุ้งและมีปัญหากันมานานนับปีแล้ว ทั้งนี้ ตนอยากจะขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ หากจะสามารถช่วยรับผิดชอบอะไรได้บ้าง ครอบครัวก็พร้อมและยินดีช่วยเหลือ
ด้าน น.ส.ภัทรวดี ปูหัด อายุ 21 ปี แม่ค้าขายอาหารทะเลร้านแผงใกล้เคียง กล่าวว่า ปกติแล้วทั้ง 2 ฝ่าย "นิสัยดีทั้งคู่" แต่ก่อนหน้านี้มักจะมีปัญหาขัดแย้งเรื่องค้าขายตัดราคากัน และมักมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง จนกลายเป็นเรื่องปกติของพ่อค้าแม่ค้าในตลาด นอกจากนี้ เท่าที่ตนสังเกตหากทั้ง 2 ฝ่ายมีปากเสียงกัน ตนก็มักจะเห็นนายมณีนพ เลือกที่จะนิ่งเงียบก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลาย กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าวตนก็รู้สึกตกใจ
"ส่วนตัวมองว่า การที่นายมณีนพ ตัดสินใจลงมือก่อเหตุ คงเป็นเพราะรับความรู้สึกและเก็บปัญหาสะสมมานาน วันเกิดเหตุจึงทนไม่ไหวเลยตัดสินใจก่อเหตุ ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วเขาก็เป็นคนที่นิสัยดีคนหนึ่ง" น.ส.ภัทรวดี กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพ ตนอยากจะให้นายมณีนพ ที่กำลังหลบหนีอยู่ รีบเดินทางกลับมามอบตัว พร้อมทั้งขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย
หลังจากนั้น ทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับนางกัญนิกา เทพณรงค์ หรือ ป้าติ๋ม อายุ 54 ปี ญาติผู้เสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า สำหรับความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ประสานหรือแจ้งความคืบหน้ามาให้ทางครอบครัวทราบ เท่าที่ตนรู้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี สำหรับสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ตนยืนยันเหมือนเดิมว่า นอกจากเรื่องปัญหาความขัดแย้งขายของตัดราคาและแย่งลูกค้ากันแล้ว ก็ยังไม่มีสาเหตุจูงใจอื่น ๆ ที่จะทำให้ผู้ก่อเหตุตัดสินใจลงมือดังกล่าว
โดยส่วนตัวแล้วตนกล้าพูดว่า ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุก็เป็นคนนิสัยดี และนับถือกันมาโดยตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุทำร้ายคนในครอบครัวของตนเช่นนี้ ถ้าตนมีโอกาสได้พูดกับเเขา ตนก็อยากให้ผู้ก่อเหตุคิดไตร่ตรองดูให้ดีว่า สิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูก และให้รีบมามอบตัว "หากเป็นคนในครอบครัวของคุณโดนกระทำในลักษณะเดียวกัน คุณจะรู้สึกอย่างไร" ดังนั้น ตนจึงยืนยันว่าไม่สามารถให้อภัยนายมณีนพ ส่วนเรื่องคดีความก็ว่าไปตามความผิดและขั้นตอนของกฎหมาย
ทั้งนี้ อาการอัปเดตล่าสุดของผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต นายศรายุธ ถิ่นสถาน อายุ 57 ปี ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ศีรษะและหลังเสียชีวิต, นางต้อย ลิมปนานุรักษ์ อายุ 51 ปี ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าบริเวณศีรษะได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่ รพ.วชิระภูเก็ต หลังจากนี้คนในครอบครัวจะทำเรื่องรับศพไปประกอบพิธีสวดอภิธรรม ที่วัดถาวรคุณาราม (วัดแสนสุข) อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตามขั้นตอนของศาสนาต่อไป
ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 3 ราย ได้แก่ นายเกรียงไกร ลิมปนานุรักษ์ อายุ 56 ปี, นางอาพร ถิ่นสถาน อายุ 52 ปี เบื่องต้นทั้ง 2 คนอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดภายในโรงบาล ส่วนนายพรชัย ลิมปนานุรักษ์ อายุ 26 ปี ขณะนี้ออกมารักษาตัวที่บ้านแล้ว
นอกจากนี้ รายงานข่าวแจ้งว่าภายหลังจากนายมณีนพ ก่อเหตุยิงคู่กรณีภายในพื้นที่จุดเกิดเหตุ ตลาดเกษตร (ข้างห้างโรบินสัน) อ.เมือง จ.ภูเก็ต ก็ได้ขึ้นรถกระบะฟอร์จูนเนอร์สีดำ ทะเบียน กอ 1631 ภูเก็ต ออกจากพื้นที่ไปยังบ้านพักภายในพื้นที่ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 5-6 กม. ก่อนจะขับรถไปจอดทิ้งไว้ภายในพื้นที่ ท่าเรือแหลมหิน ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อหลบหนีต่อ ห่างบ้านพักประมาณ 10 กม. เนื่องจากหากนั่งเรือออกจากท่าเรือสามารถเดินทางต่อไปได้หลายเกาะ เช่น เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ เกาะพีพี ในเขตพื้นที่ จ.ภูเก็ต จ.พังงา และ จ.กระบี่
อย่างไรก็ตาม ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ร่วมกับชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต นำกำลังไปตรวจสอบบริเวณท่าเรือแหลมหิน ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่นายมณีนพ หมีทอง อายุ 49 ปี พ่อค้ากุ้ง คนร้ายที่ก่อเหตุกราดยิงพ่อค้าแม่ค้าตลาดเกษตร ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บอีก 3 ราย เมื่อช่วงสายวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา
หลังก่อเหตุได้ขับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีดำ ทะเบียน กอ 1631 ภูเก็ตหลบหนีไป กระทั่งพบรถคันดังกล่าวจอดทิ้งไว้ที่บริเวณท่าเรือแหลมหิน ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากนั้นได้นั่งเรือหางยาวหลบหนีไปยังเกาะมะพร้าว ต.เกาะแก้ว อ.เมือง ห่างจากฝั่งประมาณ 1 กม.แล้วหายตัวไป โดยชุดสืบสวนทั้ง 2 ทีมได้กระจายกำลังออกค้นหาบนเกาะมะพร้าวตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา แต่ไม่พบตัว
เบื่องต้นศาลจังหวัดภูเก็ต ได้อนุมัติออกหมายจับนายมณีนพ ในข้อหาข้อหาความผิดฐาน ดังต่อไปนี้
1.ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
2.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ให้รับอนุญาต
3.พาอาวุธปีนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีเหตุอันควร
3.ยิงปืนในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ทั้งนี้ ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบเส้นทางหลบหนีของนายมณีนพ จากการสอบปากคำคนขับเรือหางยาวที่พานายมณีนพ จากท่าเรือแหลมหินไปส่งที่เกาะมะพร้าว จนทราบว่าหลังจากที่คนขับเรือหางยาวมาส่งนายมณีนพ ที่บริเวณหลังเกาะมะพร้าวแล้ว ได้มีเรือหางยาวมารอรับอีกทอด เพื่อมุ่งหน้าไปยังอ่าวนาง จ.กระบี่ ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 ม.ค.65 ที่ผ่านมา โดยชุดสืบสวนได้นำกำลังออกค้นหาและกดดันอย่างหนัก แต่ยังไม่พบตัว
จากแนวทางการสืบสวนล่าสุดพบว่านายมณีนพ หลบหนีไปถึงอ่าวนาง จ.กระบี่ เมื่อกลางดึกวันที่ 7 ม.ค.65 และได้ขึ้นรถต่อไปยัง จ.สงขลา ในเวลาต่อมาเพื่อกบดาน โดยชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ตและชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ตได้ประสานไปยัง กก.สส.ภ.จว.สงขลาและตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อนำกำลังไปติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่หลบหนีรายดังกล่าว
