เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 เวลา 18.30 น. พ.ต.ท.นิพนธ์ วันดีศรี สว.(สอบสวน) สภ.พนมไพร รับแจ้งเหตุพบหญิงชราถูกทำร้ายเสียชีวิต ที่กระท่อมกลางทุ่งนา หมู่ 6 บ้านโนนศิลา ต.คำไฮ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด จึงรุดออกตรวจสอบพร้อม อาสาสมัครกู้ภัยอุดมเวท และแพทย์เวรโรงพยาบาลพนมไพร
ที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมกลางทุ่งนา ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 300 เมตร พบร่างหญิงสูงอายุ ทราบชื่อนางสอน พนมโผ่ อายุ 79 ปี นอนหงายเสียชีวิต เปลือยท่อนล่าง แพทย์เวรทำการพลิกตรวจสอบพบรอยทุบด้วยของแข็งที่ท้ายทอย กระโหลกยุบ และริมฝีปากฉีก ใกล้กันพบขวาน 1 ด้ามวางอยู่ และยังพบเศษขวดแตก 1 ขวด พบท่อนไม้ 1 ท่อนอยู่ข้างแคร่ ธนบัตรอยู่ในถุงพลาสติกเป็นเงิน 3,140 บาท นอกจากนี้พบกระเป๋าคาดอกลายพราง มีอุปกรณ์เสพยาบ้าบ้องไม้ไผ่ด้วย
ตรวจสอบบริเวณโดยรอบ พบเศษกางเกงและเศษกระเป๋าเงินอยู่ในกองขี้เถ้าข้างแคร่ไม้ คาดว่าเป็นของผู้ตายที่มีคราบเลือดติดอยู่ ผู้ก่อเหตุจึงทำการเผาเพื่อทำลายหลักฐาน พนักงานสอบสวนจึงทำการเก็บขวานและกระเป๋าเงิน รวมถึงเศษกางเกง และกระเป๋าในกองขี้เถ้าไว้เป็นหลักฐาน เพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือ ส่วนศพผู้ตายได้นำส่งโรงพยาบาลพนมไพร เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนจะส่งผ่าพิสูจน์ ที่โรงพยาบาลศรีนิครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต
หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุ สอบถามกับหลานผู้ตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ประสานกำลังชุดสืบสวน พร้อมขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในพื้นที่ตามหาตัวผู้ต้องสงสัย
จนสามารถคุมตัว นายอำนวย พนมโผ่ อายุ 45 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต ในสภาพมึนเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง ได้ที่บ้านสวนห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม. ตรงกับที่หลานผู้ตายสันนิษฐานในตอนแรก จึงคุมตัวมาไว้ที่โรงพักเพื่อสอบปากคำเมื่อสร่างเมา
ล่าสุด วันที่ 27 มกราคม 2565 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านของผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุ นางสาวณัฎฐธิดา พนมโผ่ หรือ แพรว อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นลูกของผู้ก่อเหตุ เป็นหลานของคนตาย เล่าว่า ปกติแล้วพ่อกับย่าจะพากันอยู่อยู่ที่กระท่อมเกิดเหตุทุกวัน เพื่อดูวัวดูนา บวกกับย่าจะเป็นคนติดพ่อมา พ่อไปไหนย่าก็จะตามไปที่นั่น และเวลา 16.00-17.00 น. ของทุกวัน หลังตนเลิกเรียนและกลับมาบ้าน พ่อจะขับ จยย. พาย่ามาส่งที่บ้าน แล้วรับตนไปดูวัวที่ทุ่งนาแทน
แต่เมื่อวานตอน 17.00 น. ตนยังไม่เห็นย่ากลับมา จึงได้โทรหาพ่อ แต่ตนติดต่อพ่อไม่ได้ จนเวลาเกือบ 17.30 น. จึงตัดสินใจไปหาแม่ ซึ่งเลิกรากับพ่อไปกว่า 10 ปีแล้วและอยู่ต่างหมู่บ้าน จึงทราบจากแม่ว่าพ่อกินเหล้าเมาตั้งแต่เมื่อคืน 25 มกราคม 2565 แล้วก็มาก่อกวนโยนขวดใส่บ้านแม่ ก่อนจะออกจากบ้านไป
หลังจากนั้นตนก็ตัดสินใจเดินไปทุ่งนาด้วยตนเอง แต่ระหว่างทางเจอเพื่อน ก็เลยให้เพื่อนขับรถไปส่ง พอไปถึงกระท่อมใกล้ทุ่งนาประมาณ 18.00 น. ก็เห็นว่ารถของพ่อจอดอยู่และมีกองฟืนที่เริ่มมอดแล้ว นตนก็พยายามมองหาพ่อ จนเหลือบไปเห็นย่านอนอยู่บนแคร่ คิดว่าย่านอนพักผ่อน แต่ขณะที่ตนแก้เชือกให้วัว ก็รู้สึกผิดสังเกตว่าทำไมย่าหลับลึก ปกติตอนค่ำย่าจะกลับไปนอนบ้าน ทำไมวันนี้พ่อไม่พาย่ากลับบ้าน ก็ตกใจเพราะเห็นว่าย่าไม่ได้ใส่กางเกง คิดว่าเพราะย่าถ่ายอุจจาระพ่อก็เลยช่วยย่าถอดกางเกง แต่ไม่ได้ใส่กลับให้ บวกกับย่าอายุเยอะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ตนสังเกตเห็นย่าหน้าซีด มีเลือดออกตรงจมูกและเลือดก็เริ่มแห้งแล้วด้วย มั่นใจว่าย่าคงเสียชีวิตแล้ว ตนมั่นใจว่าพ่อเป็นคนทำร้ายย่าจนตาย เพราะทั้งย่าทั่งพ่อจะอยู่กันแค่ 2 คน ไม่เคยมีปัญหากับคนอื่น ที่สำคัญคือย่ารักพ่อมาก ห่างจากพ่อไม่ได้เลย เนื่องจากในบรรดาลูก 5 คนของย่า มีแค่พ่อคนเดียวที่ตามใจ ย่าจึงเชื่อใจและฝากโฉนดที่ดิน สมุดบัญชี เงินจำนวนหนึ่งให้พ่อดูแล แต่ก็ยังไม่ได้มีการแบ่งหรือเอ่ยปากจะยกมกรดกส่วนไหนให้ใคร
ทั้งนี้ พ่อตนก็เสพยาเสพติดมาตั้งแต่ตนยังไม่เกิด และมีนิสัยขี้อิจฉา คือถ้าย่าไปสนิทสนมกับใครมากกว่า ก็จะตะคอกใส่ย่า ปาข้าวของใส่ย่าแล้วก็ขับรถออกจากบ้าน ก่อนหน้านี้เวลาพ่อเมายา อาการจะไม่ได้คลุ้มคลั่งขนาดลงมือทำร้ายใคร แต่พักหลังช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเวลาพ่อเมายาจะชอบเอะอะโวยวาย ตนเองยังเคยโดนตบหน้าเพราะพยายามบอกให้พ่อเลิกโวยวาย แต่ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร และพ่อมักจะบอกกับตนบ่อย ๆ ว่า “ถ้าพ่อไม่อยู่แล้ว ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”
ส่วนพฤติกรรมที่ว่าจะล่วงละเมิดทางเพศคนในบ้านนั้น ตนมีความรู้สึกระแวงมาก แต่ละคืนจะนอนหลับไม่สนิท ทุกครั้งที่พ่อตื่นหรือขยับตัวตนจะต้องตื่นแล้วก็มองตลอด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกจุกภายในใจมาก คิดไม่ถึงว่าพ่อจะทำแบบนี้ ตนไม่สามารถให้อภัยกับพฤติกรรมของพ่อได้จริง ๆ ปรึกษากับคนในครอบครัวแล้วว่าอาจจะไม่มีการประกันตัว ปล่อยให้พ่อได้รับโทษและไม่มีอะไรจะบอกพ่อด้วย
นางพรทิพย์ พนมโผ่ อายุ 54 ปี พี่สาวคนโตของผู้ก่อเหตุ บอกว่า ผู้ตายมีลูก 5 คน ตัวเองเป็นคนโต ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นคนสุดท้าย ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2555 นายอำนวยถูกตั้งข้อกล่าวหาในข้อหาลักทรัพย์ แต่เมื่อมีการไปเคลียร์กับผู้เสียหายที่โรงพักก็ตกลงกันได้ เพราะเป็นการเข้าใจผิด จึงไม่ติดคุก
พฤติกรรมของนายอำนวยเขากินเหล้าเมายาจริง แต่ไม่เคยไประรานทำร้ายชาวบ้าน ส่วนใหญ่ก็จะเอะอะโวยวายแต่กับคนในครอบครัว อย่างตนก็เคยโดนขู่ฆ่าเป็นประจำ เวลาที่พยายามบอกให้เขาเลิกเสพยา เหตุการณ์เมื่อวานเวลา 11.30 น. ขณะที่ตนอยู่บ้าน นายอำนวย ขับ จยย. มาจากกระท่อมกลับมาบ้าน พร้อมถือขวานมาด้วย อาการเอะอะโวยวายเหมือนทุกวัน ตนก็ไม่ได้แปลกใจ จึงปั่นจักรยานออกไปที่กระท่อมเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ นั่งคุยกับแม่อยู่พักใหญ่ ถามว่าแม่ไปทำอะไรให้มันโมโหหรือเปล่า แม่ก็บอกว่า ไม่ได้ทำอะไรเลย แค่นั่งสวดมนต์ที่เปลข้างกระท่อม
เวลาประมาณ 14.30 น. ตนกลับบ้าน ก็ยังเห็นนายอำนวยนั่งอยู่ จนกระทั่งเวลา 15.00 น. นายอำนวย ขับ จยย. กลับไปที่กระท่อมพร้อมกับขวานด้ามเดิมที่ถือมา ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่านายอำนวยก่อเหตุตอนไหน มารู้อีกทีคือตอนที่หลานเข้าไปเห็นแล้วมาบอกครอบครัว ซึ่งสาเหตุหลักก็น่าจะหลอนยาแล้วเกิดอาการคลั่ง บวกกับอาจจะรำคาญที่แม่สวดมนต์แล้วก็บ่นพึมพำไปเรื่อยตามประสาคนแก่ ส่วนปมที่นายอำนวยฆ่าแม่เพราะอยากได้โฉนดที่ดินและเงินในบัญชีหรือเปล่านั้น ตนมองว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะแม่ยังไม่ได้ทำพินัยกรรม
พ.ต.ท.บุญมี ไทยอ่อน รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.พนมไพร เผยหลังมีการสอบปากคำนายอำนวย ผู้ก่อเหตุ เมื่อสร่างเมาและมีการคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ว่าเบื้องต้น นายอำนวยให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าแม่ตัวเองจริง เนื่องจากเมายา เมาเหล้า เพราะเมื่อช่วงเที่ยงได้เสพไป 3 เม็ด ทำให้ขาดสติ บวกกับแม่ชอบบ่นชอบว่า ก็เลยจับหัวแม่โขกกับแคร่ไป แต่จำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง และไม่ได้ใช้อาวุธอื่นในการก่อเหตุ
ส่วนประเด็นที่ว่าผู้ก่อเหตุนำกางเกงของผู้ตายไปเผาเพื่อปกปิดรอยเลือดหรือเปล่านั้น เป็นเพียงแค่การตั้งข้อสงสัย เพราะนายอำนวยให้การว่าตัวเองจำรายละเอียดเหตุการณ์ไม่ได้ รู้แค่ว่าเป็นคนฆ่าแม่เท่านั้น จึงต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐานทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง
ปกติแล้วจากที่มีการสอบถามพยานแวดล้อม ทราบว่าแม้ผู้ก่อเหตุจะเมาแล้วชอบเอะอะโวยวายใส่ผู้ตาย แต่ก็ไม่เคยถึงขั้นลงไม้ลงมือและหากวันไหนไม่เมาทั้งคู่ก็จะรักกันดี ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เบื้องต้นได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าบุพการี และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ซึ่งจะนำฝากขังที่ศาลจังหวัดในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาเก็บ DNA ของนายอำนวย ทั้งช่องปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้น รวมถึงรอยนิ้วมือ ที่ห้องขัง เพื่อนำไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์และนำมาประกอบสำนวนในการดำเนินคดีต่อไป