ตำรวจเตรียมนำเรือลำเกิดเหตุ ตรวจยืนยันจีพีเอส พิสูจน์เส้นทาง ความเร็ว สอดคล้องกับเหตุการณ์หรือไม่ ด้านผู้ช่วย ผบ.ตร.เผยต้องรอผลนิติวิทยาศาสตร์และการตรวจพิสูจน์หลักฐาน เพื่อตอบประเด็นสงสัยของสังคม
วันที่ 2 มีนาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมคณะทำงานคลี่คลายคดีมาพบเพื่อรายงานตามข้อสั่งการที่ได้เคยสั่งการไว้แล้ว ซึ่งคณะทำงานของตำรวจภูธรภาค1 กองบังคับการสืบสวน และตำรวจภูธรนนทบุรี ได้รายงานในหัวข้อที่ ผบ.ตร.ได้สั่งการในหลายๆ เรื่อง โดย ผบ.ตร.ได้สั่งการกำชับให้ดำเนินการทุกอย่างให้รัดกุมรอบคอบ และเร่งรัดติดตามผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ และทางพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งในวันนี้ได้ตอบประเด็นในหลายเรื่องก็ได้เคลียร์ไป
พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวต่อว่า วันนี้จะนำเรือลำจริงไปทดลองอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบหาพิกัด เวลาที่ได้รับจากจีพีเอสมา เพื่อให้ถูกต้องตามเวลาที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งทาง พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จะเป็นผู้กำหนดว่าจะมีใครลงไปในเรือบ้าง ในเวลาเท่าไหร่ ส่วนจะมีความจำเป็นที่จะต้องเชิญทั้ง 5 คนมาด้วยหรือไม่ทางตำรวจภูธรภาค 1 จะเป็นผู้พิจารณา แต่ในความเป็นจริงก็ไม่จำเป็น เพราะการตรวจพิสูจน์พิกัดตามจีพีเอส รวมถึงเส้นทางต่างๆ ความเร็ว จะตรงกันกับแผนที่ หรือความเร็วต่างๆ ที่ได้รับจากจีพีเอสความเป็นจริงจะสอดคล้องตรงกันหรือไม่ ซึ่งการตรวจซ้ำจะทำให้ได้ประโยชน์ เพราะจะทำให้เรารู้ กำหนดเวลา สถานที่ ความเร็ว คลื่นของเรือ เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ตำรวจไม่ได้ทำงานล่าช้า ทุกฝ่ายที่เห็นทั้ง ผบช.ภ. 1ได้ลงมาทำงานทุกวัน เราทำงานกันทุกวัน แต่บางอย่างก็ต้องอาศัยเวลา ในเรื่องของการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ และการพิสูจน์หลักฐานก็ดี เพื่อให้เกิดความรัดกุมรอบคอบ ทั้งนี้สามารถเก็บรวบรวมพยานหลักฐานได้พอสมควรที่จะพิสูจน์การคลี่คลายคดีได้ แต่เราต้องรอผลการยืนยันที่ชัดเจนที่จะสามารถพิสูจน์และตอบสังคมได้ ส่วนการตรวจร่างกายผู้ที่อยู่บนเรือนั้นไม่ได้ล่าช้าหรือบิดพลิ้ว เพราะสามารถตรวจพิสูจน์ได้อยู่แล้ว ส่วนผลการตรวจเลือดยังไม่ออก กำลังเร่งรัดอยู่
เมื่อถามว่าปล่อยให้ทั้ง 5 คนกลับบ้านไปก่อนแล้วค่อยมาตรวจเลือดจะล่าช้าไปหรือไม่ พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า เราขอความเห็นจากแพทย์ที่ตรวจเสร็จแล้ว ว่าระยะเวลาที่เราตรวจกับการเกิดเหตุ สามารถที่จะนำมาผลการตรวจมายืนยันได้หรือไม่อย่างไร ซึ่งรอแพทย์ยืนยันมาอีกครั้ง ส่วนการตรวจสอบโทรศัพท์ ทั้ง 5 คนทาง บก.ปอท.ได้รายงานผลการตรวจมาส่วนหนึ่งแล้ว ก็เป็นหลักฐานทางคดีที่เรากำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งขณะนี้ที่ตรวจสอบยังไม่มีความขัดแย้ง ทั้งนี้ทุกอย่างที่ได้รับมาก็จะนำมาประมวลผล ส่วนไหนที่สอดคล้องกันก็เป็นส่วนหนึ่ง ส่วนไหนที่ไม่ไปในทิศทางเดียวกันก็ตรวจสอบให้ละเอียดมากขึ้น เพื่อให้เกิดความชัดเจน
เมื่อถามว่าตำรวจให้น้ำหนักไปในประเด็นอุบัติเหตุ หรือการฆาตกรรม มากกว่ากัน พล.ต.ท.ประจวบ ยังยืนยันว่า ตำรวจยังคงดำเนินการในทั้ง 2 ส่วน ซึ่งต้องรอผลการตรวจยืนยันจากนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนจะมีการออกหมายจับใครเพิ่มเติมหรือไม่นั้นจะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยก่อน เพราะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนและไม่สามารถบิดพลิ้วไปเรื่องอื่นได้ คำให้การนั้นจะบอกอย่างไรก็ได้ แต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และการพิสูจน์หลักฐานเป็นเรื่องที่ยืนยันชัดเจนที่สุด ซึ่งตำรวจกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่ ถ้าหากได้ผลการตรวจเหล่านี้มาก็จะสามารถตอบคำถามสังคมได้
ถามว่าคดีนี้พนักงานสอบสวนจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ทางผบ.ตร.ได้กำชับเร่งรัดมาทั้งการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์และการพิสูจน์หลักฐาน ถ้าได้ส่วนนี้มาก็จะสอดคล้องกับคำให้การและพยานหลักฐานต่างๆ พยายามเร่งรัดทำให้เต็มที่ เข้าใจว่าบางอย่างอยู่ในเรือถูกน้ำชำระล้างพัดพาไป บางครั้งการเก็บหลักฐานต่างๆ ก็ต้องอาศัยระยะเวลาให้เกิดความชัดเจน ซึ่งผบ.ตร.ได้สั่งการให้เร่งรัดผลการตรวจพิสูจน์ต่างๆ ให้ชัดเจนและนำเรือไปตรวจสอบตามสภาพของความเป็นจริงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจว่าเครื่องจีพีเอสที่ได้รับมาจะสอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ ทั้งนี้ในที่ประชุมมีการพูดคุยกันถึงสภาพแวดล้อมของสภาพแวดล้อมบนเรือที่เกิดเหตุ บุคคลต่างๆ ที่นั่งอยู่ในที่เกิดเหตุว่าได้ดำเนินการอย่างไร และจะหาจุดที่จะทดสอบจากจีพีเอสว่าจะตรงกันหรือไม่ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร
เมื่อถามถึงภาพศพที่หลุดออกมาสู่โซเชียล อ้างว่าหลุดมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ พฐ. พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่เราไม่มีหลุดแน่นอน ถามต่อว่าเจ้าหน้าที่มูลนิธิก็ยืนยันว่าภาพไม่ได้หลุดมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ฝากสื่อมวลชนช่วยกันดูด้วย เราสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้วว่าใครโพสต์ลง ส่วนจะมีการเรียกเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ประกอบด้วยมูลนิธิ ตำรวจ อาสา มาสอบปากคำหรือไม่นั้น ทางฝ่ายสืบสวนจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบ แต่ยืนยันว่าภาพไม่ได้หลุดมาจากตำรวจ
ส่วนกรณีที่มีภาพจากโซเชียลเป็นภาพที่นายจ๊อบยื่นมือออกไปทำอะไรซักอย่างบริเวณทุ่นเรือ พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า จากระบบจีพีเอสของเรือที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับมา บ่งชี้ได้ถึงจุดพิกัดหรือระยะทางความเร็ว เสียงต่างๆ ที่แจ้งมาตรงตามข้อเท็จจริงหรือไม่จะต้องมาดูกัน รวมถึงหลักฐานทั้งหลายทั้งมวลที่เรารวบรวมมา จะนำมาวิเคราะห์และตรวจสอบทั้งหมด
เมื่อถามว่าทั้ง 5 คนที่อยู่บนเรือมีการเตรียมคำพูดกันมาหรือไม่นั้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า อันนี้เราไม่ทราบ แต่ไม่เป็นไรจะให้การกันอย่างไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนจะนำทั้ง 5 คนเข้าเครื่องจับเท็จได้หรือยังนั้น จะต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ก่อน แล้วค่อยมาพิจารณากันอีกครั้ง
เมื่อถามมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าบางคนมีความสัมพันธ์มีญาติเป็นตำรวจ จะตอบคำถามกับสังคมอย่างไร พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า เราไม่สามารถไปห้ามใครได้ ว่าใครรู้จักกับใคร ขอยืนยันว่า คดีนี้ ผบ.ตร.ได้ลงมาควบคุมกับกำด้วยตัวเอง ไม่ต้องเป็นห่วงว่าใครจะรู้จักกับใคร เราทำตามหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทำตามหลักฐานที่เราได้รับมาทั้งหมด ขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนที่ช่วยกันค้นหาความจริงให้กับพวกเราด้วย สิ่งใดที่สงสัยและอยากรู้ พวกเราก็จะพยายามค้นหาคำตอบทุกเรื่องให้กับสังคม
เมื่อถามว่าการเข้าเครื่องจับเท็จจะช้าไปหรือไม่ถ้าเกิดรอผล ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่ช้า เพราะต้องรอผลก่อน
ส่วนกรณีที่มีคนในพื้นที่สะพานพระราม 8 นั้นมีการปิดไฟตั้งแต่สามทุ่ม แต่ว่าในรูปหลักฐานของคนบนเรือที่ถ่ายรูปออกมาคือสามทุ่มกว่า ได้มีการตรวจสอบการเปิด-ปิดไฟบนสะพานหรือไม่ พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบกับทางเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
ส่วนเจ้าของอู่เรือจะเรียกมาดำเนินคดีหรือไม่ ที่ให้บุคคลไม่มีใบอนุญาตขับเรือ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ให้ทางพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ใครที่เกี่ยวข้อง หรือทำผิดเราก็ต้องดำเนินการทั้งหมด
ส่วนคนที่อยู่กับแตงโมเป็นคนสุดท้ายจะต้องถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่นั้น ทางพล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ต้องรอหลักฐานการตรวจพิสูจน์ตามที่แจ้งให้ทราบ อย่าใช้ความรู้สึก จะต้องใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ตอบโจทย์สังคมได้ ยืนยันขณะนี้ตำรวจดำเนินคดี 2 คน ใน 2 ข้อหา ส่วนจะแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับกับใครเพิ่มเติมหรือไม่นั้นจะต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบก่อน ซึ่งขณะนี้ตำรวจทราบรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีมากพอสมควรแล้ว
ด้านพล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า เตรียมที่จะนำเรือลำที่เกิดเหตุไปจำลองอีกครั้งในช่วงเย็นของวันนี้ เพื่อดูทิศทางที่ปรากฏตามจีพีเอส และความเร็วในแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะทิศทางที่เรือวิ่ง การหันหัวเรือไปมา เพื่อดูว่าตรงกับจีพีเอสหรือไม่ ซึ่งวันนี้เป็นการลงพื้นที่เฉพาะ พนักงานสอบสวน และกองพิสูจน์หลักฐาน ไม่นำทั้ง 5 คนที่อยู่บนเรือวันเกิดเหตุไป ทั้งนี้จะวัดเสียงเครื่องยนต์ด้วย
ส่วนบาดแผลที่ขาของแตงโม จะเป็นบาดแผลจากการถูกใบพัดเรือหรือไม่นั้น ทางพล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ต้องรอผลจากพฐ.เป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง รวมถึงการตรวจสอบDNAจากคาบเลือด ใบพัดเรือ และตามส่วนต่างๆ ของเรือ ซึ่งพฐ.ได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐาน 2 ครั้งแล้ว โดยเฉพาะใบเรือมีการไปตรวจสอบตั้งแต่เรือจอดอยู่ในอู่ และครั้งที่ 2 คือ การถอดใบพัดเรือมาตรวจสอบ ซึ่งยังไม่สามารถตอบได้ว่าผลการตรวจสอบจะเสร็จเมื่อไหร่ ทั้งนี้ยอมรับว่า ยังคงต้องมีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติม ตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และ หลังเกิดเหตุ ซึ่งมีมากกว่า 12 คนที่ถูกสอบปากคำไปแล้ว
ขณะที่การชันสูตรศพเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับแม่ของแตงโม ว่ายังมีจุดไหนที่ยังเคลือบแคลงใจหรือไม่ ส่วนการขอขมาเมื่อวานนี้ ไม่มีผลต่อรูปคดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ยืนยันว่าทำคดีไปตามหลักฐานที่ปรากฎจะทำให้เกิดความเป็นธรรม และความกระจ่าง ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา รับรองว่าไม่มีอิทธิพลจากที่ไหนมาทำให้พนักงานสอบสวนขาดความยุติธรรม ส่วนกระแสข่าวที่มีข้าราชการชุดสีเขียวเข้ามาวิ่งเต้น ตนเองไม่สนใจ ทำงานด้วยความตั้งใจและตรงไปตรงมาโดยตลอด
ส่วนการเชิญผู้เชี่ยวชาญ และ นักวิชาการมาให้ความเห็นในคดีดังกล่าว พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า หลายท่านเป็นนักวิชาการ และเป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ และมีความเชี่ยวชาญ ตำรวจจึงอยากรับฟัง รวมถึงประเด็นที่บอกว่า คนบนเรือยังพูดไม่หมด การตรวจสอบวันนี้จะนำไปเทียบเคียงกับคำให้การของผู้ที่อยู่บนเรือ และพยานหลักฐานที่ตำรวจมีว่าตรงกันหรือไม่ ซึ่งตนไม่ได้บอกว่าคำให้การไม่ตรงกัน แต่ต้องตรวจสอบพยานหลักฐานให้ละเอียด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าสามารถปิดคดีนี้ได้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคดีอุบัติเหตุตกเรือ หรือ เป็นคดีฆาตกรรม เพราะการตรวจสอบพยานและหลักฐานจะทำให้พบว่าใครมีเหตุผลที่จะปองร้ายหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โคนันเทียบภาพชี้พิรุธ แตงโม กระติก แก้วคนละแบบ บนเรือมีไวน์อย่างน้อย 2 ชนิด โซเชียลสงสัยเจอขวดครบไหม?
- ทักษิณ เผยก่อนปีใหม่ แตงโม ไลน์มาขอโทษอดีตเคยขึ้นเวทีต่อว่า เชื่อ ผบ.ตร.ลงดูคดีเอง คลี่ไม่ยาก
- แอนนา ฝากถึงคนๆ นั้น รู้ไหม แตงโม นิดา ใส่ชื่อลูกรับผลประโยชน์จากประกัน