กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก “ฝนหน่วยกู้ภัยผี แกล้วทนงค์” โพสต์ข้อความระบุว่า พบผู้เสียชีวิต 1 ราย ภายหลังทราบชื่อว่า อนันต์ โลเกตุ หรือ บอย นักกิจกรรมทางการเมือง อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด แขวนคอเสียชีวิตอยู่บริเวณศาลารอรถข้างที่ว่าการ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา เวลา 03.42 น. ของคืนวันที่ 19 เมษายน 65
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิต หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 65 ที่ผ่านมา ภายหลังเดินทางไปร่วมจัดงานสัมมนาว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จัดขึ้นภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 16-18 เมษายน 65
จากรายงานของเจ้าหน้าที่กู้ภัย ฮุก31 จุดเฉลิมพระเกียรติ ที่เดินทางมาดูศพ ในเบื้องต้นสังเกตด้วยตา พบว่านายอนันต์ มีร่องรอยแผลแตกที่ศีรษะบริเวณท้ายทอยฝั่งขวา บริเวณฝ่ามือทั้ง 2 ด้านมีร่องรอยถลอก และบริเวณแผ่นหลังฝั่งขวามีบอบช้ำ ใกล้กับศพยังพบแว่นตาผู้ตายตกอยู่ด้านหลังของศพ ศพหันหน้าไปคนละทางกับแว่นตาที่ตก และพบกองเลือด 1 กอง อยู่บนพื้นห่างศพไปประมาณ 1 เมตร
นอกจากนี้ หากสังเกตบริเวณกางเกงของผู้ตาย กางเกงท่อนล่างบางส่วนเปียกน้ำ และสภาพศพแขวนคออยู่ในลักษณะลิ้นไม่จุกปาก ส่วนเชือกที่ใช้ผูกเป็นเชือกฟางสีเขียว และสายผ้าของกระเป๋าผูกเป็นปมต่อกัน หลังเกิดเหตุ ครอบครัวของนายอนันต์ เดินทางมาดูศพต่างแปลกใจและติดใจสาเหตุการตายว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และไม่คิดว่า จะคิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะนายอนันต์ ไม่เคยเดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ เนื่องจากไม่เคยมีญาติอาศัยอยู่ละแวกนี้
ล่าสุดวันที่ 20 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง จับภาพนายอนันต์ ขณะไปร่วมจัดงานสัมมนาว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จัดขึ้นภายในโรงแรม จังหวัดนครราชสีมา
กล้องตัวที่ 1 พบว่าช่วงเวลาประมาณ 11.57 น. ของวันที่ 18 เมษายน 65 ก่อนที่งานสัมมนาจะเสร็จสิ้น นายอนันต์ เดินลงมาจากห้องสัมมนาของโรงแรมชั้น 2 ลักษณะการแต่งกายสวมเสื้อสีฟ้า กางเกงยีนต์ ไม่ได้สะพายกระเป๋าติดตัวไปด้วย ท่าทางก็ดูไม่เร่งรีบแต่อย่างใด
กล้องตัวที่ 2 พบว่านายอนันต์ เดินผ่านหน้าล็อบบี้ของโรงแรม โดยไม่ได้เดินเข้าไปสอบถามพนักงาน เพื่อที่จะเช็กเอาต์แต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่เวลานั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว
กล้องตัวที่ 3 พบว่านายอนันต์เดินออกจากโรงแรมทางประตูหลัก ส่วนด้านหน้าโรงแรม มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงแรมเป็นผู้เปิดประตูให้นายอนันต์ ท่าทางก็ไม่ได้เร่งรีบแต่อย่างใด
กล้องตัวที่ 4 พบว่านายอนันต์ เดินออกจากโรงแรมผ่านลานจอดรถ มุ่งหน้าออกทางประตูหลักของโรงแรมเพียงคนเดียว ไม่ได้ขับรถ หรือมีใครเดินทางมารอรับออกจากโรงแรม
กล้องตัวที่ 5 พบว่านายอนันต์ เดินเท้าออกจากโรงแรม และเดินเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้า ซอยตรอกจันทร์ ก่อนจะหายตัวไปตั้งแต่เวลานั้น และไม่มีใครพบเจอนายอนันต์อีกเลย
นางหนูพิศ โลเกตุ อายุ 48 ปี แม่ของนายอนันต์ เปิดเผยว่า ตนไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าลูกชายจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในวันหยุดสงกรานต์ (12-16 เม.ย.65) ลูกชายเดินทางมาที่บ้านที่จังหวัดร้อยเอ็ด นั่งเล่นพูดคุยกับตน และพี่น้องอย่างมีความสุข นั่งกินหมูกระทะ ร้องเพลง เต้นอย่างสนุกสนาน ไม่มีความเครียด หรือตัดพ้อเรื่องใด ๆ
แต่ทันทีที่ตนทราบข่าวก็รู้สึกช็อกและเสียใจมาก ๆ ตั้งใจจะโทรศัพท์หาลูกชาย แต่กลับเป็นตำรวจรับโทรศัพท์แทน “คุณแม่ ทำใจดี ๆ นะ ลูกชายคุณแม่เสียชีวิตแล้ว ผูกคอตาย” หลังจากได้ยินตนก็ทำอะไรไม่ถูก ร้องไห้ไม่หยุด เมื่อได้ยินจากปากตำรวจว่า สภาพศพศีรษะแตก แผ่นหลังและมือทั้ง 2 ข้างมีรอยช้ำ ตนก็ยิ่งแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะปกติลูกชายเป็นนักสู้ เป็นนักกิจกรรมทางการเมือง ผ่านอะไรมาก็มากมาย แรงจูงใจที่จะผูกคอตัวเองนั้นก็ไม่มี ตนจึงอยากร้องขอความยุติธรรมให้กับลูกชาย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นายอนันต์ เคยเป็นนักกิจกรรมทางการเมือง สมัยเป็นนักศึกษาเคยร่วมรณรงค์การ Vote NO ในการลงประชามติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในวันที่ 23 มิ.ย.2559 ที่ตลาดเคหะบางพลี จ.สมุทรปราการ ต่อมาถูกตำรวจและทหารควบคุมตัว และตั้งข้อหาฝ่าฝืน ตกเป็น 1 ใน 7 จำเลยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559
ต่อมานายอนันต์ ยังเป็นหนึ่งใน 5 ผู้ถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ประชามติฯ อีกครั้ง เมื่อถูกจับกุมจากการร่วมขึ้นรถเดินทางไปยัง จ.ราชบุรี โดยรถคันดังกล่าวมีสติกเกอร์ Vote NO ไปด้วยเมื่อปี 2559 โดยต่อมา ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องทั้ง 2 คดี
นายธนากร ชะม้ายกลาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา (ฮุก31) เจ้าหน้าที่ชุดที่เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุทีมแรก เล่าให้ฟังว่า ตนได้รับแจ้งเหตุเวลาประมาณ 03.30 น. เมื่อเดินทางมาถึงจึงพบศพของชายรายหนึ่ง ผูกคอเสียชีวิตอยู่ภายในศาลาริมถนน ลักษณะของศพแขวนคอหันหน้าไปออกถนน สภาพศพลิ้นไม่จุกปาก ส่วนลักษณะเสื้อผ้าที่สวมใส่ บริเวณเสื้อและกางเกงเลอะดินทรายและโคลน ส่วนล่างของกางเกงเปียกน้ำซึ่งแปลกมาก เนื่องจากในพื้นที่ก่อนหน้าจะพบศพ ช่วงเวลา 19.00 น. ฝนได้ตกลงมาจริงแต่ฝนหยุดตกในเวลาประมาณ 22.00 น. เหตุใดส่วนล่างของกางเกงยังเปียกน้ำ
ส่วนสภาพศพเมื่อสังเกตด้วยตาเบื้องต้น พบว่าศพมีร่องรอยแตกของศีรษะ และมีเลือดออกบริเวณท้ายทอยด้านขวา บริเวณแผ่นหลังฝั่งขวามีรอยฟกช้ำอย่างเห็นได้ชัด และฝ่ามือทั้ง 2 ข้างมีรอยถลอก นอกจากนี้ ยังพบกองเลือด 1 กองห่างจากศพประมาณ 1 เมตร เลือดยังสด ๆ และบริเวณด้านหลังของศพ พบแว่นตาของผู้เสียชีวิตตกอยู่ ซึ่งตนมองว่าค่อนข้างแปลกที่ศพผู้ตายมีบาดแผลหลายจุด
จากการสอบถามคนเจอศพคนแรก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำป้อมสายตรวจ ห่างจากศาลาไม่ถึง 20 เมตร เล่าให้ตนฟังว่า ก่อนพบศพเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ ได้ยินเสียงหมาเห่า แต่เมื่อเดินออกมาดูก็ไม่พบความผิดปกติหรือใครจะมาผูกคอที่ศาลา กระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น.ตำรวจสายตรวจได้เดินออกมาจากป้อมและเห็นศพแขวนคออยู่ จึงรีบแจ้งให้ตนทราบ
ด้านนางสาวภัทรกาญจน์ ทองแดง คณะทำงานพรรคก้าวไกลจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยสมาชิก หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของนายอนันต์ จึงเดินทางลงพื้นที่มาดูจุดเกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อที่จะหาคำตอบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยนางสาวภัทรกาญจน์ กล่าวว่า ในวันที่ 17-18 เมษายน 65 ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลจัดงานสัมมนาว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เมื่อทีมงานจะเดินทางกลับ แต่กลับไม่พบตัวของนายอนันต์ เห็นแต่เพียงข้าวของส่วนตัวในห้อง ทีมงานจึงออกตามหา และพยายามโทรศัพท์ติดต่อ แต่ก็ติดต่อไม่ได้ ก่อนจะไปแจ้งความคนหายไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 19 เมษายน 65 ตนมาทราบว่านายอนันนต์ กลายเป็นศพแขวนคอ ห่างจากโรงแรมออกไป ประมาณ 30 กิโลเมตร ทุกคนที่ทราบข่าวตกใจมาก ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตลอดเวลาที่นายอนันต์อยู่ในงานสัมมนาก็ไม่มีความผิดปกติอะไร แต่เท่าที่เห็นสภาพศพก็ค่อนข้างติดใจในหลายประเด็น และพวกตนจะขอรอคำตอบจากแพทย์ก่อนว่าผลการชันสูตรเป็นอย่างไร
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาพูดคุยกับ รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีดังกล่าวตนแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 2 ประเด็น ดังต่อไปนี้ 1.ลักษณะการแขวนคอ 2.บาดแผลที่ตรวจพบ
สำหรับประเด็นที่ 1 ลักษณะการแขวนคอด้วยเชือกฟาง แล้วขาผู้ตายแตะพื้น รวมถึงไม่ลิ้นไม่จุกปาก ญาติจึงสงสัยสาเหตุการตายนั้น ถ้าเส้นเลือดบริเวณลำคอถูกกดรัดด้วยเชือกฟาง ถึงเชือกฟางจะรับน้ำหนักได้ไม่มาก แต่กรณีดังกล่าวจะเห็นว่ามีการมัดเชือกฟางที่ลำคอผู้ตายหลายทบ ก็ถือว่าสามารถรับน้ำหนักผู้ตายได้ ทำให้เชือกไม่ขาด ถึงแม้เชือกจะกดไปที่ลำคอของผู้ตายข้างเดียว แต่ถ้าถูกกดไปโดนเส้นเลือด ก็จะทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้ จึงมีโอกาสที่จะทำให้ขาดอากาสหายใจในลักษณะขาแตะพื้น
ส่วนกรณีที่ลิ้นไม่จุกปากนั้น โดยปกติถ้าลิ้นจะจุกปากต้องเป็นลักษณะการรัดของเชือกที่ตำแหน่งของคอ ที่สามารถไปกดบริเวณโคนลิ้น และทำให้ลิ้นถูกดันออกมา มีลักษณะจุกปากได้ แต่ผู้เสียชีวิตรายนี้มีลักษณะแขวนคอเอียงข้างหนึ่ง เชือกไม่ได้พาดมาด้านหน้าที่จะทำให้ไปกดโคนลิ้นพอที่จะจุกปากได้
ส่วนประเด็นที่ 2 บาดแผลที่พบในศพ อาทิ บาดแผลที่ศีรษะ บาดแผลช้ำที่แผ่นหลัง และรอยถลอกที่ฝ่ามือทั้ง 2 ข้าง ตนคิดว่าจะต้องมีการผ่าชันสูตรเพิ่มเติมว่าจะเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ และบาดแผลดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร ยกตัวอย่าง ถ้าบาดแผลดังกล่าวทำให้ผู้ตายหมดสติ หมายความว่าผู้เสียชีวิตไม่สามารถที่จะยืนแขวนคอตัวเองได้ รวมถึงต้องตรวจชันสูตรศพในเรื่องของยา หรือสารพิษ สารเสพติดอื่น ๆ อีกด้วย
"ข้อมูลที่ว่ามีหยดเลือดห่างจากศพ 1 เมตร ก็ต้องไปดูว่าเลือดเป็นเลือดของใคร ถ้าเป็นของผู้ตายเลือดน่าจะออกจากบาดแผลตรงไหน และบาดแผลเกิดจากอะไร ซึ่งผมก็เห็นว่าผู้ตายเป็นรายที่ต้องตรวจชันสูตรในเรื่องของบาดแผลที่พบเพิ่มเติมว่าบาดแผลเกิดจากอะไร เพื่อสรุปว่าเสียชีวิตจากการแขวนคอ หรือถูกฆาตกรรม หากผู้ตายแขวนคอจริงและสวมใส่แว่นตา ถ้าหมดสติอาจจะหมุนขยับตัว ทำให้แว่นตาหล่น แต่ก็ต้องดูความสอดคล้องว่าเป็นไปได้หรือไม่" รศ.นพ.วีระศักดิ์ กล่าวให้ฟัง