จากกรณีอดีตพระพงศกร ปภัสสโร หรือ "หลวงพี่กาโตะ" พระนักเทศน์ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ตกเป็นข่าวฉาวหลังมีคลิปเสียงสนทนาเผยสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งถูกให้ความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกระแสสังคมได้กดดันอย่างหนักเกี่ยวกับความไม่เหมาะสม
อดีตพระนักเทศน์ชื่อดังอย่าง ทิดไพรวัลย์ หรือ นายไพรวัลย์ วรรณบุตร ที่ได้ผันตัวมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวเองได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นของ "กาโตะ" โดย ไพรวัลย์ กล่าวว่า ‘อยากมีเมียก็สึก อย่าทำศาสนาแปดเปื้อน’
ล่าสุด ทิดไพรวัลย์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเดือดอีกครั้งหลังจากที่ตัวเองและทิดสมปองถูกพาดพิงและเปรียบเทียบ โดยเจ้าตัวระบุข้อความว่า "อย่าได้บังอาจดึงดิฉัน หรือพี่ปองสุดที่รักของดิฉัน ไปเปรียบเทียบกับสมีที่ต้องปาราชิกในขณะบวชพระนะคะ ดิฉันแม้จะหัวเราะ จนเสียงหัวเราะทำให้กลายเป็นอะไรที่หนักกระบาลใครหลายคน แต่ดิฉันไม่เคยมีเรื่องชู้สาวในขณะครองเพศบรรพชิตค่ะ ดิฉันไม่เคยขึ้นสันเขื่อนหรือขย่มรถกับใครค่ะ และถึงจะมีคนบอกว่า ดิฉันเองก็มีผัว (ซึ่งความจริงยังไม่มีและพยายามหาอยู่) แต่ดิฉันมีหรือคิดเรื่องนี้หลังจากดิฉันคืนผ้าเหลืองไปแล้วค่ะ
สลิ่มอาจไม่ชอบดิฉัน แต่ควรมีสติในการวิจารณ์เปรียบเทียบนะคะ รู้ค่ะ ว่าอกหักช้ำใจกับอดีตพระแบบกาโต๊ะ แต่ถึงอย่างไรก็ควรมีสติและสมองให้มากกว่านี้นิดหนึ่งนะคะ ขอบพระคุณค่ะ" นอกจากนี้ ยังมีการไลฟ์พูดเดือดถึงกรณีดังกล่าวด้วย จี้ไปยังสำนักพุทธฯ ว่าให้มีการตรวจสอบเรื่องเงินด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 21.34 น. ของวันที่ 30 เม.ย. 65 เจ้าตัวได้ประกาศลาสิกขาผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ให้เหตุผลว่าที่ผ่านมาตัดสินใจบวชเพราะโยมแม่ แต่เมื่อมีอุปสรรค เพื่อลบอุปสรรคนี้จึงตัดสินใจยุติในการดำรงเพศบรรพชิต จึงขอขมาพระอาจารย์ทุกรูป ทำการลาสิกขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 2 พ.ค. 65 เวลา 09.30 น. นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี พร้อมทีมงานและสื่อมวลชนเดินทางไปยังวัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อขอความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับ พระราชธรรมนิเทศน์ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว
พระพยอม กล่าวว่า กรณีของ “กาโตะ” นั้น หากเป็นเรื่องจริงก็เปรียบเสมือน “ตาลยอดด้วน” คือไม่มีโอกาสแทงยอดออกใบได้อีก หมดโอกาสเจริญงอกงามในธรรมวินัยได้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าไม่สามารถกลับมาบวชได้แล้ว และจำเป็นต้องมีการสอบเส้นทางการเงินและมีโอกาสที่จะปาราชิกได้ จึงอยากฝากไว้ว่า ทำกรรมใดไว้ ก็ต้องรับกรรมที่ทำไว้
กรณีที่พระผู้ใหญ่ใน จ.นครศรีธรรมราช อ้างว่าเป็นตัวกลางให้ฝ่ายหญิงกับกาโตะจบเรื่องนี้ต่อกัน ให้บอกสื่อฯว่าไม่ใช่เรื่องจริงและบอกว่าป่วยไบโพลาร์นั้น การกระทำของพระผู้ใหญ่ในลักษณะนี้เป็นการแนะแนวทางที่ผิดธรรมวินัย เป็นพระผู้ใหญ่ไม่ได้ ควรมีหลักธรรมสัจจะ ไม่ควรโกหก และในธรรมวินัยนั้น พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน ถือว่าเป็นพวกเนื้องอกของศาสนา
นอกจากนี้ พระพยอมพูดคุยกับหมอปลาถึงภารกิจเกี่ยวกับเปิดโปงวงการสงฆ์ที่กำลังทำอยู่ว่าในปัจจุบัน การแฉเรื่องจริงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะหลักฐานต้องแน่น ไม่อย่างนั้นจะเด้งเข้าตัว และที่สำคัญคือทำการในลักษณะนี้ควรมี Staff อย่าให้มีลักษณะก้าวร้าว อ่อนน้อมถ่อมตน ทำด้วยใจบริสุทธิ์ มองว่าเป็นการปกป้องคุ้มครอง ซึ่งน้อยคนที่จะคิดทำเพราะคนกลัว แล้วความกลัวจะทำให้เสื่อม ถ้าถามว่าเมื่อมีเรื่องราวอื้อฉาวของวงการสงฆ์ออกมาตลอด จะทำให้คนหมดศรัทธาในพุทธศาสนาหรือไม่ พระพยอมบอกว่าตราบใดที่ทุกข์ยังมี ศาสนาก็ยังอยู่ เหมือนกับไวรัสกับวัคซีนที่เป็นของคู่กัน และต่อให้คนไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ แต่ในศาสนาคำสอนเป็นอมตะ
ในขณะเดียวกัน หมอปลาถามถึงการเปิดสำนักดูดวงของเหล่าพระสงฆ์ในปัจจุบันด้วย โดยพระพยอมบอกว่า การดูดวงมันดูได้ แต่อย่าอวดอ้าง หลอกลวง เพราะพระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่าหากพระสงฆ์ยังนั่งฉันข้าวญาติโยมอยู่ ก็ไม่ควรทำอะไรแบบนี้ เพราะมันเปลืองข้าวสุกของชาวบ้าน ดังนั้นพึ่งตนก่อนที่จะพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์
Advertisement