เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้า มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ EV อย่างต่อเนื่อง ในครั้งนี้ได้เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 Thailand International Motor Expo 2022 เพื่อรวบรวมบริการ และนวัตกรรมของ MEA ที่เกี่ยวข้องกับ EV มาทั้งหมด โดยเริ่มจากบริการ KEN by MEA ในการติดตั้งระบบไฟฟ้ารองรับ EV Home Charger ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานสูงสุด มีการควบคุมคุณภาพด้วยการตรวจสอบทุกขั้นตอน โดยผู้เข้าร่วมงาน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่บริเวณหมายเลขบูท V7, V8 อาคาร Challenger 1-3 IMPACT เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ถึง 12 ธันวาคม 2565
รองผู้ว่าการ MEA กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ Package การติดตั้งระบบไฟฟ้ารองรับ EV Home Charger ยังครอบคลุมการติดตั้งเครื่องตัดวงจรกระแสเกิน เครื่องตัดไฟรั่ว (RCD) Type B ซึ่งเป็นการยกระดับความปลอดภัยจากมาตรฐานการติดตั้งทั่วไป โดย MEA ได้คำนึงถึงความเพียงพอต่อการใช้งาน EV Home Charger รวมถึงการขยายการใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติมในอนาคตภายในบ้าน ตลอดจนอุปกรณ์ของ MEA ที่มาต่อเชื่อมเพิ่มเติมด้านระบบไฟฟ้า เช่น กล่องต่อสาย ท่อร้อยสายไฟฟ้า อุปกรณ์จับยึดสายต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่ง MEA มีการออกแบบ การพิจารณาเลือกใช้อุปกรณ์ รวมถึงสามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้ง ในกรณีฉุกเฉิน MEA ยังมี Call Center 1130 ตลอด 24 ชั่วโมง รับแจ้งปัญหาการขัดข้องของระบบ EV Charger เพื่อให้ MEA เข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า
สำหรับผู้สนใจติดตั้ง EV Charger สามารถเลือกรับบริการจาก KEN by MEA ได้ 2 Package คือ Package ติดตั้ง EV Charger ขนาด 7.4 kW 1 Phase ราคา 29,000 บาท และ Package ติดตั้ง EV Charger ขนาด 22 kW 3 Phase ราคา 46,000 บาท ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของคุณสมบัติแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่เลือกใช้ โดยทั้ง 2 Package ดังกล่าวยังครอบคลุมการติดตั้งสายเมนที่ 2 สำหรับ EV, อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกินหลัก Main CB 40A, อุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว RCD Type B 40A และระบบสายดิน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
นอกจากนี้ MEA ยังมีบริการทดสอบอุปกรณ์อัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มต่าง ๆ โดยให้บริการครอบคลุมการทดสอบในห้องปฏิบัติการ (In laboratory test) และการทดสอบ ณ สถานีอัดประจุไฟฟ้า (On site test) เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์อัดประจุไฟฟ้าเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การทดสอบระบบการสื่อสารระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับอุปกรณ์อัดประจุไฟฟ้า และ Server ของ MEA มีการจำลองสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อดูการทำงานของอุปกรณ์อัดประจุไฟฟ้า ตลอดจนการทดสอบด้านความปลอดภัยหลัง อีกทั้งยังมีบริการตรวจสอบประจำปี เสมือนการตรวจสภาพรถยนต์ ทำมั่นใจว่าอุปกรณ์อัดประจุยังมีคุณภาพดี และปลอดภัยกับผู้ใชังาน
ขณะเดียวกัน MEA ยังได้นำนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ MEA วิจัยและพัฒนามาจัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชาร์จเจอร์รุ่นล่าสุดที่ได้ร่วมกับ SCG Chemical ซึ่งมีการออกแบบด้วยวัสดุที่แข็งแรงส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบเซ็นเซอร์ป้ายทะเบียนรถที่ MEA จัดทำขึ้น สามารถนำมาใช้ต่อยอดในธุรกิจการชาร์จ EV ในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ อีกทั้งผู้มาร่วมชมบูทของ MEA ยังจะได้พบกับบริการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ที่ MEA พร้อมให้บริการตั้งแต่การออกแบบระบบ คำนวณขนาดที่เหมาะสม ประเมินมุมแสงตกกระทบรวมถึงการป้องกันน้ำรั่วซึมจากหลังคาที่ติดตั้งแผง และที่สำคัญคือการติดตั้งให้สามารถบำรุงรักษาและทำความสะอาดได้ง่าย โดยทั้งหมดนี้ MEA จัดเต็มโปรโมชันให้กับลูกค้าภายในบูทของ MEA บริเวณหมายเลขบูท V7, V8 อาคาร Challenger 1-3 IMPACT เมืองทองธานี หรือ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่สนใจงานบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเกี่ยวเนื่องของ MEA ดูรายละเอียดบริการ KEN by MEA ได้ที่
https://www.mea.or.th/minisite/ken และสามารถติดต่อ KEN by MEA ได้ผ่านช่องทาง
ken@mea.or.th และศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 ตลอด 24 ชั่วโมง “ถามมืออาชีพ ถาม KEN”
ที่ผ่านมา MEA ได้ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 เป็นวาระครบรอบ 10 ปี ที่ MEA ขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ EV มีโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาครอบคลุมทั้งในด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้า และรูปแบบยานยนต์ไฟฟ้าต่าง ๆ มีการสร้าง MEA EV Application ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้รถ EV อย่างครบวงจร สามารถค้นหาพิกัดสถานีอัดประจุไฟฟ้าของทุกแบรนด์ชั้นนำ มีการดำเนินโครงการมหานครสดใส ชาร์จไฟกับ MEA ปัจจุบันมีการตั้งสถานีชาร์จ 24 แห่ง และอยู่ระหว่างขยายจำนวนเพิ่มถึง 100 หัวเครื่องชาร์จ เพื่อให้บริการทั้งลูกค้าอย่างเพียงพอ
อีกทั้งยังมีการส่งเสริมให้มีการเติบโตของธุรกิจบริการสถานีชาร์จยานยนต์ EV ด้วยการประกาศใช้อัตรา Low priority ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสถานีชาร์จมีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต่ำ พร้อมอำนวยความสะดวกในการขอใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจสถานีชาร์จ และให้คำแนะนำอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านช่องทาง Online ที่สามารถติดต่อกับ MEA ได้สะดวก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน