เมียฝรั่งหายตัวปริศนาจากบ้านพักเกือบ 20 วัน เผยมีได้เงินมรดกมา 13 ล้านจากสามีเก่า แล้วมาทะเลาะกับสามีใหม่ก่อนหายตัวไร้ร่องรอย
วันที่ 26 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งในอำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา ได้ขึ้นโพสต์ติดตามหาตัวพี่สาวที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.67 ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบตัว โดยผู้ที่หายตัวไปคือนางสาวอรทัย โพสีงาม อายุ 46 ปี ภรรยาชายชาวสวิตเซอร์แลนด์ วัย 53 ปี ที่จดทะเบียนสมรสอยู่กินกันมาได้กว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งทางบรรดาญาติพี่น้องต่างมั่นใจว่าการหายตัวไปของนางสาวอรทัยฯ ในครั้งนี้น่าจะมีเงือนงำบางอย่าง เพราะมีมูลเหตุหลายอย่างที่น่าสงสัย เพราะตัวนางสาวอรทัยฯ หายไปแต่ตัว เอกสารประจำตัวสำคัญต่างๆ ทั้งบัตรประจำตัวประชาชน เอทีเอ็ม สมุดธนาคาร เสื้อผ้า รองเท้า แม้กระทั่งนาฬิกาเรือนโปรดก็ยังอยู่ที่บ้านทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปสอบถามนางสาวธิดารัตน์ โพสีงาม อายุ 31 ปี น้องสาวนางสาวอรทัยที่หายตัวไป โดยนางสาวธิดารัตน์ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า พี่สาวได้จดทะเบียนสมรสอยู่กินกับสามีชาวสวิตเซอร์แลนด์และอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาได้ประมาณ 2 ปีเศษแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้พี่สาวได้มีสามีเป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์มาก่อนหนึ่งคน ก่อนที่จะเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ.2020 ที่ผ่านมา และได้ทิ้งทรัพย์สินมูลค่ากว่า 13 ล้านบาทไทยเอาไว้ให้ ซึ่งหลังจากที่สามีเก่าเสียชีวิต นางสาวอรทัย พี่สาว ก็ได้พบรักกับสามีปัจจุบัน และตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย ซึ่งฝ่ายชายก็ได้ลาออกจากงานกลับมาอยู่ด้วยพร้อมเปลี่ยนนามสกุลตามภรรยาด้วย
โดยก่อนที่พี่สาวจะหายตัวไป เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 8 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ตนเองและพี่น้องที่นั่งดื่มสังสรรค์กันอยู่หน้าบ้านที่อยู่ติดกับบ้านพี่สาว ก็ได้ยินเสียงพี่สาวและสามีทะเลาะกันเป็นภาษาอังกฤษอย่างรุนแรง ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ก่อนที่พี่สาวจะเปิดประตูออกมาร้องไห้ที่หน้าบ้านโดยไม่ได้บอกอะไร แล้วกลับเข้าไป จากนั้นทุกอย่างก็เงียบเป็นปกติ เช้าวันรุ่งขึ้นวันที่ 9 ม.ค.67 สามีของพี่สาวก็ได้หอบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ประมาณ 2 – 3 ใบ ขึ้นรถเก๋งออกจากบ้านไป โดยไม่บอกใคร และตลอดทั้งวันนั้นก็ไม่มีใครพบพี่สาว แม้พยายามติดต่อและตามหาแต่ก็ไม่พบตัว จึงโทรศัพท์ไปถามกับสามีของพี่สาว ตอบเพียงว่าพี่สาวไปเล่นไพ่ ส่วนตัวเองอยู่พัทยามาเยี่ยมเพื่อน จึงไม่ได้ติดใจอะไร เพราะพี่สาวก็มักจะไปเล่นไพ่ประจำอยู่แล้ว และวันต่อมาทางสามีพี่สาวก็เดินทางกลับมาบ้านช่วงค่ำๆ แต่ก็ยังไม่มีใครพบพี่สาว แม้พยายามโทรศัพท์ติดต่อ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้รวมถึงทางช่องทางอื่นๆ กระทั่งมาวันที่ 10 ม.ค.67 มีคนพบรถจักรยานยนต์ของพี่สาวไปจอดทิ้งเอาไว้ที่ทุ่งนาห่างจากบ้านปราณ 2 กิโลเมตร แต่ไม่พบตัวพี่สาว จึงพากันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรครบุรี เพื่อให้ช่วยตามหา แต่มาถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่พบตัวแต่อย่างใด ซึ่งตลอดระยะเวลาที่พี่สาวหายตัวไปทางครอบครัวก็พยายามออกตามหาและสอบถามไปทุกๆ ที่ทั้งเพื่อนๆ หรือที่ที่พี่สาวเคยไป แต่ก็ยังไร้วี่แวว
นางสาวธิดารัตน์ บอกอีกว่า ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวหมดหวังแล้วว่าพี่สาวจะยังคงมีชีวิตอยู่ เพราะเวลาผ่านไปนานเกือบ 20 วันแล้ว เพราะปกติหากพี่สาวไปไหนจะหายตัวไปไม่เกิน 2 วัน และจะติดต่อกลับมาหาลูกสาวและพ่อเป็นประจำไม่เคยขาดการติดต่ออย่างนี้ จึงมั่นใจว่าพี่สาวอาจจะถูกใครพาตัวไปหรืออาจถูกฆาตกรรม แม้ว่าจะไม่รู้ว่าพี่สาวมีศัตรูที่ขัดแย้งกันรุนแรงหรือไม่ก็ตาม เพราะตั้งแต่ที่เห็นพี่สาวครั้งสุดท้ายตอนร้องไห้ออกมาหน้าบ้านเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 8 ม.ค.67 ก็ไม่เห็นว่าพี่สาวออกมาจากห้องอีกเลย
ทางด้านนายธนกฤติ ธนากรนิธิโชติ อายุ 36 ปี ลูกพี่ลูกน้องของผู้ที่หายตัวไปบอกว่า ก่อนที่กลางดึกวันที่ 8 ต่อเนื่องถึงวันที่ 9 ม.ค.67 ที่ผ่านมา กล้องวงจรปิดหน้าบ้านได้จับภาพว่ามีคนใส่เสื้อแขนยาวสวมฮู๊ดและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าออกมาจากบ้าน แล้วขี่รถจักรยายนต์ออกไป ก่อนที่จะกลับเข้ามาที่บ้าน แต่ขากลับเดินกลับมาโดยไม่มีรถจักรยานยนต์กลับมาด้วย จึงเป็นเรื่องที่น่าผิดปกติ เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบตัวนางสาวอรทัยอีกเลย ส่วนทางสามีผู้ที่หายตัวไปก็บอกเพียงว่านอนหลับอยู่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหน และตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าภรรยาของตัวเองหายไปไหน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับสามีชาวต่างชาติของผู้ที่หายตัวไป ซึ่งก็ยินดีให้ข้อมูล ผ่านทางลูกสาวของนางอรทัย ว่า ก่อนที่ภรรยาจะหายตัวไป ได้เกิดมีปากเสียงกันค่อนข้างรุนแรง เรื่องทริปที่จะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยเป็นมะเร็งที่พัทยา ซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกัน จากนั้นตัวเองก็เข้าไปนอนในห้อง จากนั้นก็ไม่เห็นภรรยาอีก จึงเดินทางไปพัทยาเพียงลำพัง และกลับมาก็ไม่เห็นภรรยาอกลับเข้าบ้านมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนความรู้สึกตอนนี้คิดถึงและเป็นห่วงภรรยา ยังมีความหวังว่าภรรยาจะกลับบ้านมาโดยเร็ว เพราะเมื่อไม่มีภรรยาแล้วตัวเองก็ไมรู้จะทำยังไงต่อไป เพราะตอนนี้ก็ฝากชีวิตเอาไว้ที่นี่แล้ว
สำหรับความคืบหน้าทางด้านการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ทาง พ.ต.อ.นพดล ช่วยบุญ ผู้กำกับการ สภ.ครบุรี ระบุว่า ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการติดตามเสาะหาตัวผู้สูญหายอย่างเต็มที่ โดยได้เชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำไปแล้ว 7 ปาก รวมถึงสามีชาวต่างชาติของผู้ที่หายตัวไป และเพื่อนชาวต่างชาติ ที่สามีผู้หายตัวเดินทางไปหาที่พัทยา พร้อมกับได้ประสานไปยังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบในบ้านซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่พบตัวนางสาวอรทัย พร้อมกับเก็บภาพวงจรปิดหน้าบ้านและบริเวณใกล้เคียงไปตรวจสอบทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่พบว่านางสาวอรทัย ออกจากบ้านหรือหายตัวไปได้อย่างไร และตอนนี้ก็ยังไม่สามารถที่จะกล่าวหาใครได้ ทำได้เพียงแค่ต้องติดตามหาตัวนางสาวอรทัย มาให้ได้โดยเร็วที่สุดไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม
ขณะเดียวกันทางสามีชาวต่างชาติของนางสาวอรทัย ก็แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บหนังสือเดินทางเอาไว้และพร้อมให้ความร่วมมือในการสอบสวนทุกอย่างด้วย.