รถแสวงบุญเขาคิชฌกูฏ ทะเบียนป้ายแดงคว่ำ กรมอุทยานฯ สั่งเข้มความปลอดภัย เพื่อนเผยผู้ตายเป็นคนชี้เองว่าจะขึ้นคันนี้ ยันไม่ได้มีการบอกให้ขับเร็วๆ ตามที่โซเชียลบอก
จากกรณีรถแสวงบุญเขาคิชฌกูฏ ทะเบียนป้ายแดงพลิกคว่ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 9 คน วานนี้ (29 ก.พ.67) ทีมข่าวได้พบกับนายแบงค์ผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งรอดชีวิตจากเหตุการณ์ รถกระบะคว่ำโดยเจ้าตัวกระดูกหักและต้องใส่เฝือกแขนเอาไว้ โดยเปิดเผยว่าในช่วงเกิดเหตุนั้นเป็นช่วงที่รถกระบะพานักท่องเที่ยวลงจากเขาบนรถมีทั้งหมด 10 คน กลุ่มพวกตน 6 คน ชาวต่างชาติ 3 คนและคนขับอีก 1 คน ซึ่งตอนเกิดเหตุใกล้จะถึงเชิงเขาแล้วแต่ตนสังเกตว่าคนขับเองก็ขับประมาทขับกระชากตั้งแต่อยู่บนเขาแล้ว เข้าใจว่าเขาอาจจะเห็นว่าไม่มีรถสวนขึ้นมาจึงขับแบบรีบเร่ง และพวกตนยืนยันว่าไม่ได้มีการขอให้ขับเร็วๆ อย่างที่มีกระแสข่าวออกไป
กระทั่งตรงจุดเกิดเหตุถนนไม่ได้ลื่นแต่อย่างใด แต่มีก้อนหินขนาดใหญ่ที่ล้อไปเบียดก้อนหินทำให้รถพลิกคว่ำ เป็นผลให้เพื่อนผู้หญิงของตนเสียชีวิต ส่วนกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกันต่างบาดเจ็บ แฟนของตนก็หัวแตก อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ามีอะไรอุบัติเหตุครั้งนี้ต้องมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับเพราะเพื่อนของตนที่เสียชีวิตเป็นคนชี้เลือกรถเองว่าจะลงจากเขาด้วยรถคันไหน ทั้งๆ ที่รถกระบะมีถึง 3 คันแต่เพื่อนกลับเลือกคันที่เกิดเหตุ ซึ่งสุดท้ายก็มาเกิดอุบัติเหตุจนเขาเสียชีวิต
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (ออส.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์บริการในงานประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาท (พลวง) เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี พลิกคว่ำ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น ได้รับรายงานจากนายชวินทฐ์ ปิ่นแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ว่ารถยนต์คันที่เกิดอุบัติเหตุคือรถยนต์บริการคิวรถวัดพลวง ทราบชื่อคนขับ คือ นายทศพร อายุ 30 ปี ขับรถยนต์บริการ ยี่ห้อ โตโยต้า (ป้ายแดง) หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ก-3948 จันทบุรี คิวรถยนต์บริการคิววัดพลวงเบอร์ที่ 77/2 ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ บริเวณเนินไทร ในเส้นทางลงเขา ห่างจากด่านเก็บค่าบริการหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ คก.1 (พระบาทพลวง) ประมาณ 600 เมตร มีผู้โดยสารจำนวน 10 ราย เป็นชาวต่างชาติ 3 ราย (ชาวรัสเซีย) ชาวไทย 7 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
ด้านผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ได้ประสานไปยังผู้ประกอบการรถยนต์บริการ (คิวรถวัดพลวงและคิวรถวัดกะทิง) เพื่อกำชับมาตรการด้านความปลอดภัย โดยให้พนักงานขับรถยนต์บริการ ขับรถด้วยความระมัดระวังและหมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์และคนขับให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอและได้ออกมาตราการให้คิวรถยนต์บริการ ดำเนินการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ ช่วงล่าง เบรก และรายการที่เกี่ยวข้องโดยละเอียด โดยอุทยานฯ จะดำเนินการกวดขันอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างในครั้งนี้ขึ้นอีก
ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ได้กำหนดมาตรการควบคุมการให้บริการรถยนต์ในการรับ – ส่งผู้แสวงบุญ ดังนี้
รถยนต์บริการรับ – ส่งผู้แสวงบุญ
- เป็นรายชื่อเดิมหรือรายชื่อทดแทนที่ได้รับมอบอย่างถูกต้อง มีเอกสารมาแสดง โดยอ้างอิงจากบัญชีรายชื่อที่จัดทำไว้เมื่อ ปี 2559 จำนวน 142 คิว
- ได้รับอนุญาตจากทางอุทยานฯ โดยต้องยื่นเอกสารแสดงตัวตนเจ้าของคิวพร้อมเอกสารรถแต่ละคันกับทางอุทยานฯ และต้องมีสติ๊กเกอร์คิวรถ/หมายเลขติดรถ
- มีสภาพพร้อมที่จะใช้งานตามเกณฑ์กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ โดยต้องผ่านการตรวจสภาพจากอู่หรือศูนย์บริการรถยนต์ที่เชื่อถือได้ (การตรวจสภาพก่อนเริ่มงานประเพณีฯ และมีการตรวจสภาพทุก 7 วัน)
- มีการประกันภัยสำหรับผู้แสวงบุญ กรณีเกิดอุบัติเหตุ
- กำหนดให้บรรทุกผู้แสวงบุญได้ คันละ 10 - 12 คน
- ชำระเงินค่า “บัตรบริการให้ความสะดวกต่างๆ ในอุทยานแห่งชาติ สำหรับ ยานพาหนะ” ในอัตรา 30 บาท/คิว/วัน
ส่วนพนักงานขับรถยนต์ มีข้อกำหนดต่างๆ เช่น มีใบอนุญาตขับรถ ,ได้รับอนุญาตจากอุทยานฯ โดยต้องยื่นเอกสารแสดงตัวตนพร้อมใบอนุญาตขับขี่กับทางอุทยานฯ และต้องมีบัตรประจำตัวคนขับรถ ,ไม่เสพสารเสพติด/ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และต้องมีสภาพร่างกายพร้อมที่จะปฏิบัติงาน โดยจะมีการสุ่มตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด/ปริมาณแอลกอฮอล์ ,พักผ่อน ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 10 ชั่วโมง (มีสมุดลงชื่อ - เวลาที่ปฏิบัติงาน)
เป็นต้น
สำหรับหากกรณีมีการฝ่าฝืนเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น จะพิจารณาลงโทษตามฐานการกระทำผิด โดยพิจารณาเป็นกรณีไป ดังนี้ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ,ให้หยุดรถรับ - ส่งผู้แสวงบุญ (7 วัน) ,ตัดรายชื่อออกจากพนักงานขับรถ (ยกเลิกสิทธิ์ในการขับรถ)
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีอุบัติเหตุดังกล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวของผู้เสียชีวิตมา ณ โอกาสนี้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตนได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงของการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหากเกิดจากความประมาทของคนขับให้ยกเลิกสิทธิ์ในการวิ่งรถบริการนักท่องเที่ยวได้ทันทีและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะเดียวกัน พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยเฉพาะหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ให้เตรียมความพร้อมเรื่องสถานที่ การดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ให้ท่องเที่ยวอย่างสะดวก ปลอดภัย อีกด้วย
Advertisement