2 เหยื่อ ร้อง สบส. ถูก คลินิกศัลยกรรม ทำนมตาย-หน้าเบี้ยว

1 มี.ค. 67

 

กัน จอมพลัง พา 2 เหยื่อ ร้อง สบส. ถูก คลินิกศัลยกรรมย่านรัชดา-ห้วยขวาง ยกกระชับหน้าอก จนถูกตัดหัวนม -ทุบโหนกแก้มเบี้ยว ไม่รับผิดชอบ 

วันที่ 1 มี.ค. 67 ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวาน (29 ก.พ.) นาย กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พาพี่ชายของผู้เสียหาย มาสอบถามความคืบหน้าของคดี เนื่องจากเมื่อปี 62 น้องสาวถูกคลินิกศัลยกรรมเเห่งหนึ่ง ย่านห้วยขวาง รักษาผิดพลาด ทำให้น้องสาวกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา และต่อมามีผู้เสียหายโผล่มาอีก 2 คน เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ จากการกระทำของหมอศัลยกรรมคนเดิม 

โดย นายกัณฐัศว์ เปิดเผยว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้ตนเองได้พาเคสของพี่ชาย ร้องขอความเป็นธรรมให้กับน้องสาว ที่ไปศัลยกรรมกับคุณหมอท่านหนึ่งที่คลินิกย่านรัชดา ก็ได้มีผู้เสียหายอีก 2 ราย ติดต่อมายังเพจของตนเองว่าถูกคุณหมอท่านนี้รักษาผิดพลาดเช่นกัน 

ซึ่งคนแรกเป็นหนุ่มนายแบบ อาชีพบาร์โฮส ไปทำศัลยกรรมกับคุณหมอคนเดียวกัน จนหน้าผิดรูป แต่พอผู้เสียหายไปสอบถามที่คลินิก กลับได้คำตอบว่าให้ไปฟ้องเอา แต่พอไปฟ้องศาล ศาลตัดสินให้คุณหมอกับคลินิกเยียวยาผู้เสียหาย แต่ทางหมอกลับนิ่งเฉย ไม่มาเยียวยา ซึ่งก่อนหน้านี้หนุ่มนายแบบมีรายได้เดือนละ 100,000- 200,000 บาท ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้หน้าตาทำมาหากินได้ 

ส่วนเคสที่ 2 เป็นหญิง ได้มาศัลยกรรมทรวงอกกับหมอคนเดียวกัน แต่พอทำเสร็จ หัวนมทั้งสองข้างกลับกลายเป็นเนื้อตาย พอกลับไปรักษาที่คลินิกเดิมกับหมอคนเดิม พอไปถึงทางคุณหมอรักษาโดยการตัดหัวนมทั้งสองข้างออก ทำให้เธอเองเปรียบเสมือนผู้พิการ ไม่สามารถให้นมบุตรได้ตลอดชีวิต จึงอยากออกมาเตือนภัยเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้สังคม วันนี้ตนจึงพาทั้ง 2 เคส รวมถึงเคสเมื่อวานนี้ ยื่นหนังสือต่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ให้ตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพ ว่า ตอนนี้ยังมีการไปรักษาผู้อื่นอยู่ไหม อยากให้ท่านช่วยประสานไปยังแพทย์สภา เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าว รวมถึงคลินิกดังกล่าวว่ายังมีการเปลี่ยนชื่อหรือไม่ และยังเปิดบริการอยู่หรือไม่ 

นายวี (นามสมมติ) อายุ 35 ปี อาชีพนายแบบอิสระ เปิดเผยว่า ตนได้เข้าไปใช้บริการ ที่คลินิกดังกล่าว เพื่อศัลยกรรมเหลากราม ทุบโหนกแก้ม แต่หลังจากทำเสร็จ โหนกแก้มของตนเองผิดรูป เป็นรอยบุ๋ม ทางคลินิกจึงนิกจึงให้ตนเองเข้าไปแก้ไข หลังจากแก้ไข ใบหน้าของตนเองก็เป็นรายเหมือนเดิม 

ตนจึงได้กลับไปสอบถามที่คลินิกอีกครั้ง กลับได้คำตอบว่าให้ไปฟ้องเอา ตอนนั้นรู้สึกเครียดเป็นอย่างมาก จึงได้มีการไปหาหมอที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจสอบ ปรากฏว่าคุณหมอทางโรงพยาบาลได้ตรวจสอบว่า ทางคลินิกไม่ได้ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ในการทำศัลยกรรม (เครื่องมือเจีย) ตามแบบศัลยกรรม แต่เป็นการใช้ค้อนกับสิ่วทุบที่กระดูก ทำให้กระดูกผิดรูป ตนจึงปรึกษาทนายความทำเรื่องฟ้องศาล ต่อมาศาลตัดสินทางหมอเป็นฝ่ายชนใช้ค่าเสียงหาย แต่ทางคลินิกและคุณหมอกลับนิ่งเฉยไม่มีการเยียวยาใดๆตามคำสั่งศาล 

ซึ่งปัจจุบันตนเองได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากเนื่องจากต้องใช้หน้าตาในการทำงาน เวลาที่ขึ้นเวทีแสงไฟสองมาที่หน้าก็จะเห็นรอยชัดเจนทำให้สูญเสียความมั่นใจ ตนเองอยากบอกว่า ถ้ารู้ว่าคลินิกทำแบบนี้ ถึงให้ทำฟรี ก็จะไม่ทำ 

ขณะที่ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 34 ปี อาชีพขายของออนไลน์ เปิดเผยว่า ตนสนใจที่จะลดขนาดของปานนม จึงติดต่อคลินิกดังกล่าวไป ซึ่งให้คำแนะนำดีและดูน่าเชื่อถือจึงได้เข้าไปใช้บริการ แต่หลังจากทำเสร็จ ตนเองกลับไปนอนพักที่บ้าน หลังจากตื่นขึ้นมารู้สึกว่าบริเวณปานนมมีอาการแข็ง ไม่ได้รับความรู้สึก 

หลังจากนั้นตนเองรีบติดต่อไปทางคลินิกทันที โดยทางคลินิกบอกว่าต้องรอให้ยาชาหมดฤทธิ์ถึงจะหาย เป็นเรื่องปกติ จนระยะเวลาผ่านมา 7 วัน ตนเองกลับไปที่คลินิก เพื่อติดตามอาการตามหมอนัด ทางคลินิกกลับเฉือนปานนมของตนเองออกโดยไม่มีการบอกสาเหตุว่าเกิดจากอะไร 

ตนเองพยายามพูดคุยกับคุณหมอและทางคลินิกว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ สุดท้ายตนจึงบอกให้ทางคลินิกชดใช้เงินจำนวน 2 ล้านบาท แต่ทางคลินิกบอกให้ไปฟ้องเอา 

ตนเองจึงแต่งตั้งทนาย เพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายและการเยียวยาจำนวน 2 ล้านบาท แต่สุดท้ายทางคุณหมอและคลินิกขอชดใช้เพียง 800,000 บาท ตนจึงยอมความ  แต่แล้วคุณหมอและทางคลินิกได้ชดใช้เงินเป็นรายเดือนแบบผ่อนจ่าย ทั้งหมด 6 เดือนจำนวน 300,000 กว่าบาท ตอนนี้หนีหาย ไม่สามารถติดต่อได้ 

ทำให้ตอนนี้ตนเองทุกข์ใจเป็นอย่างมาก หัวนมทั้งสองข้างเป็นเนื้อตาย และได้รับผลกระทบกับการทำศัลยกรรมในครั้งนี้ ทำตนเองเป็นโรคไบโพลาร์และโรคซึมเศร้าอีกด้วย ซึ่งตอนนี้ตนเองไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ตนเองเปรียบเสมือนหญิงพิการไม่สามารถให้นมบุตรได้ตลอดชีวิต ที่ตนออกมาเนื่องจากต้องการออกมาเตือนภัยเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคมในเรื่องศัลยกรรม 

อย่างไรก็ตามนายกัณฐัศว์ กล่าวอีกว่า เมื่อคืนวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา มีพี่น้องของตนติดต่อมาโดยแจ้งว่าทางฝั่งคู่กรณีต้องการขอเจอ ขอคุย อยากจะเอาข้อมูลมาให้กับตนซึ่งหากเป็นการนำข้อมูลมาให้ตอนเย็นดีที่จะรับ แต่ต้องอยู่บนจุดเริ่มต้นที่ท่านมีหัวใจที่พร้อมจะเยียวยาผู้เสียหายก่อน แต่หากต้องการคุยกับตนเพื่อให้ตนเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องมาคุยกับตน ตนทำหน้าที่เพื่อผู้เสียหาย ทำเพื่อผลประโยชน์ของเหยื่อ ไม่ได้มีความเกรงกลัวผู้ใด 

จากนั้นนายกัน จอมพลัง พร้อมผู้เสียหาย เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอความช่วยเหลือและดำเนินคดีกับฝั่งคู่กรณี ต่อ นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 

ด้าน นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า รายนี้เข้าคณะกรรมการเปรียบเทียบคดีของกรมฯ แล้ว เมื่อ 6-7 เดือนที่แล้ว เพื่อพิจารณาเปรียบเทียบปรับ อย่างไรก็ตามแพทย์ที่ทำหัตถการถูกแพทยสภาพักใช้ใบอนุญาต ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค 65 จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 67 จึงไม่สามารถเปิดบริการได้ เป็นระยะเวลา 2 ปี 

ส่วนแพทย์อีกหนึ่งคนเป็นเจ้าของหรือผู้ประกอบการ ซึ่งถูกแพทยสภาสั่งพักใช้ใบอนุญาต 3 เดือน ซึ่งครบแล้ว ขณะเดียวกันก็ทราบว่าศาลได้มีการสั่งให้ล้มละลาย  ทำให้แพทย์รายนี้ไม่สามารถเปิดให้บริการคลินิกที่ไหนได้ในฐานะเจ้าของ แต่ก็ทราบว่าแพทย์ท่านนี้ไปขออนุญาตเปิดคลินิก 2 แห่ง ที่กรุงเทพฯ 1 แห่ง เพชรบุรี 1 แห่ง จากนี้จะมีการนำเรื่องเข้าคณะกรรมการสถานพยาบาล พิจารณาสั่งปิดคลินิกดังกล่าว ภายในเดือน มี.ค. ทั้งนี้การละเมิดคำสั่งเปิดคลินิกจะมีโทษตามกฎหมาย คือจำคุก 5 ปี ถือเป็นโทษหนัก โทษฐานเปิดคลินิกเถื่อน ส่วนผู้ที่ ร่วมทำหัตถการ โดยเฉพาะแพทย์หากไปทำในคลินิกเถื่อน หรือคลินิกที่เราไม่อนุญาตให้เปิดก็จะถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน 

เมื่อถามว่า ผู้เสียหายให้ข้อมูลว่าแพทย์ผู้ดำเนินการมีการเวียนไปให้บริการในคลินิกหลายแห่ง ลักษณะเช่นนี้สามารถทำได้หรือไม่ นพ. สุระ กล่าวว่า หากจะไปดำเนินการที่คลินิกแห่งไหนก็จะต้องขออนุญาต ว่าจะดำเนินการที่คลินิกแห่งไหนบ้าง เพื่อให้คนไข้สามารถตรวจสอบได้ว่าจะมีแพทย์ ท่านใดมาให้บริการที่คลินิกนั้นบ้าง หากไม่ยื่นก็จะมีความผิดมีบทลงโทษเช่นเดียวกัน 

สำหรับคลินิกที่ทำให้พริตตี้สาว กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงนั้นเบื้องต้นทราบว่า ไม่ได้มีการยื่นมา เพราะว่าเขาไม่สามารถทำได้ 2 ปี เนื่องจากแพทย์สภาสั่งพักใช้ใบอนุญาตตั้งแต่ 1 ก.ค.2565 จนถึง 30 มิ.ย. 2567 

ทั้งนี้ สบส  เปรียบเทียบคดีได้เพียงค่าปรับธรรมดา หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี แต่ถ้าเลยกว่านั้นโทษจำคุก มากกว่า 1 ปีขึ้นไปก็จะเป็นโทษในคดีอาญาเป็นโทษทางบ้านเมืองไป การทำให้พิการหรือเสียชีวิตก็เป็นคดีอาญาไป และคดีทางแพ่งผู้เสียหายก็ต้องไปฟ้องทางแพ่งว่ามีความเสียหายเท่าไหร่ มีค่าเยียวยาเท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้มีกฎหมายเกี่ยวข้องอยู่ 3 ฉบับในขณะที่พรบสถานพยาบาลในการปรับน้อยมาก แค่ผิดมาตรฐานส่วนที่เกินจากนี้ ทางตำรวจจะเป็นผู้สั่งดำเนินคดี และขึ้นสู่ชั้นศาล ซึ่งทราบว่าคดีนี้ สาดก็สั่งไปแล้วในคดีแพ่ง 

ด้าน นพ.อาคม ประดิษฐ์สุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส .กล่าวว่า สำหรับคลินิก หากจะรับแพทย์เข้ามาเป็นคู่ทำหัตถการจะต้องมีการตรวจสอบว่าแพทย์ท่านนั้นได้รับอนุญาตจากแพทยสภาหรือไม่ เป็นแพทย์เถื่อนหรือไม่หากรับโดยพละการโดยไม่มีการตรวจสอบก็จะมีความผิด ในการเอาคนที่ไม่ใช่แพทย์มาทำ มีโทษจำคุก 2 ปีปรับไม่เกิน 40,000 บาท ไม่ถึงขั้นต้องปิดกิจการ แต่หากเป็นบุคคลล้มละลาย ก็จะต้องถูกปิดกิจการซึ่งตอนนี้มีอยู่ 2 แห่ง ก็คือที่กรุงเทพฯ 1 แห่งเพชรบุรี 1 แห่ง 

ผู้ข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ กัน จอมพลัง และ 2 ผู้เสียหาย ได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนในเรื่องดังกล่าวที่แพทย์สภาด้วย

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส