สาวหน้าตาดีเปลือยท่อนล่างขึ้นอืดในห้องนอน คาดตายไม่ต่ำกว่า 2 วัน แต่ พ่อเลี้ยงสามี ยืนยัน เห็นนั่งกินข้าว พูดคุยปกติ เมื่อช่วง 5 ทุ่ม วานนี้
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 23 มี.ค.67 ร.ต.ท.ณัฐชยากร ชัยมงคลรัตน์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในบ้านพัก หมู่ 5 ต.วัดประดู่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.เพชรกล้า ผกก.สภ.อัมพวา, พ.ต.อ.นฤนาท อ้อยทองทิพย์ หัวหน้าพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.สมุทรสงคราม พร้อมชุดสืบสวน, พิสูจน์หลักฐาน, พญ.ปิยกมล กล่ำสวัสดิ์ แพทย์เวร รพ.อัมพวา และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณหลังบ้านถูกสร้างเป็นห้องนอน มีห้องน้ำในตัว จากการภายในห้องพบศพ น.ส.อัจฉรา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี นอนหงายอยู่บนที่นอน สวมเสื้อสีขาว เปลือยท่อนล่าง มีผ้าห่มลายการ์ตูนสีชมพูปิดบริเวณช่วงเอวลงมาไว้ ข้างศพด้านขวา มีกางเกงสีขาววางอยู่ 1 ตัว ด้านซ้ายมีแก้วน้ำ 1 ใบ ข้างเตียงมีที่ชาร์จแบตมือถือ และหวีสีเขียว 1 อัน รวมทั้งมีตุ๊กตาตั้งพิงไว้ริมหน้าต่างหลายตัว ภายในห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นแต่อย่างใด จากการตรวจสอบสภาพศพไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน
น.ส.สมหมาย อายุ 57 ปี แม่สามีของผู้ตาย เล่าว่า ช่วงเย็นวันนี้ตนรดน้ำต้นไม้อยู่หลังบ้าน ได้กลิ่นเหม็นเน่า และก็เอะใจว่าวันนี้ยังไม่เจอหน้าลูกสะใภ้ จึงไปตามสามีให้มาเปิดประตูห้องดู ซึ่งห้องไม่ได้ล็อก ก็พบว่าลูกสะไภ้เสียชีวิตไปแล้ว
ด้าน นายสุวิทย์ อายุ 59 ปี พ่อเลี้ยงของสามีผู้ตาย กล่าวว่า เมื่อช่วง 5 ทุ่มวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนยังเห็นลูกสะใภ้นั่งกินข้าวอยู่ ยังทักทายพูดคุยกันตามปกติ แล้วก็แยกย้ายกันไปนอน กระทั่งรุ่งเช้าตนไม่เห็นลูกสะใภ้ ก็คิดว่าคงอยู่ในห้องตามปกติที่ลูกสะใภ้จะอยู่ในห้องไม่ออกไปไหนทุกวัน กระทั่งมาเจอศพดังกล่าว
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายเป็นลูกสะใภ้อาศัยกับพ่อเลี้ยงสามี แม่สามี และหลานวัย 17 ปี อีก 1 คน ส่วนสามีอยู่ภายในเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร (ซึ่งจะพ้นโทษเดือนตุลาคม) โดยพ่อเลี้ยงสามีเพิ่งไปรับจาก อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร มาอยู่ที่บ้านประมาณ 1 เดือน 5 วันและอยู่ในห้องพักไม่ได้ออกไปไหน
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตพบพิรุธที่เปลือยกายท่อนล่าง เนื่องจากผู้ตายเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ผิวขาว หุ่นดี จึงอาจเป็นสิ่งจูงใจทำให้เปลือยกายท่อนล่างเสียชีวิตก็เป็นได้
เจ้าหน้าที่จึงเก็บพยานวัตถุต่างๆ ไปตรวจสอบและส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดที่ สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ว่ามีร่องรอยการกระทำชำเราหรือไม่ และเสียชีวิตจากสาเหตุอะไรเพื่อประกอบกับพยานวัตถุ และได้เชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป