ออกัส วชิรวิชญ์ เปิดใจเคลียร์ดราม่า หลัง กันสมาย เปิดแชตแฉ เป็นเรื่องเข้าใจผิด เผยโดนขู่ให้ไปกราบเท้าขอโทษหรือถูกปล่อยแชตแฉ ยืนยันไม่เคยยุ่งกับแฟนเก่าเพื่อน
จากกรณีกระแสดราม่าที่ กันสมาย ชนกันต์ ได้ออกมาปล่อยแชตที่พูดคุยกับนักแสดงหนุ่ม ออกัส วชิรวิชญ์ และได้กล่าวอ้างถึงพฤติกรรมแย่ๆจนเกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียล
จากนั้น ออกัส วชิรวิชญ์ จะออกมาโพสต์ผ่านไอจีสตอรี่ ยอมรับแชตส่วนตัวที่ถูกเปิดเผยออกมาเป็นของตนเองจริงเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ที่ผ่านมาพยายามจะขอโทษ กันสมาย แต่ไม่สามารถติดต่อได้เพราะโดนบล็อกทุกช่องทาง พร้อมทั้งขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้อง และสัญญาจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก
ล่าสุด ออกัส วชิรวิชญ์ ได้เปิดใจถึงประเด็นดราม่าดังกล่าวครั้งแรกเผยว่า “ก็ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้อธิบายชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวเลยนอกจากออกมาขอโทษและพูดในด้านของเราบ้าง”
“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า เรื่องการเข้าใจผิดและจะเกิดมาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ที่ผมไปเที่ยวสงกรานต์กับเพื่อน 3 คน ซึ่งเป็นเพื่อนผู้ชายหมดเลย ซึ่งผมก็อยู่ที่โต๊ะกันเฉยๆนี่แหละครับ ซึ่งก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาขอร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งทางเพื่อนผมได้อนุญาตเพราะเรารู้จักกันมาก่อน แล้วก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนคนล่าสุดของคนที่โพสต์ พอได้ยินก็กลัวนิดหนึ่ง ค่อนข้างระวังตัวมากเคยกระเด็นกับคนที่โพสต์มาก่อน”
“วันนั้นก็ไม่มีอะไรเขาก็ขอตัวกลับไปซึ่งผม 3 คนก็อยู่จนงานเลิก ผมก็แยกย้ายกลับบ้านหมดไม่มีอะไร จนถึงวันที่ 16 เมษายน คนที่โพสต์ก็ได้ทักไลน์ส่วนตัวส่วนตัวมาหา แล้วก็ยื่นข้อเสนอให้ผม 2 อย่าง ก็คือ 1 ให้ไปกราบเท้าขอโทษ 2 ก็คือจะแฉผม ซึ่งผมก็อธิบายให้เขาฟังทุกอย่างแล้วแต่เขาก็ไม่ฟัง ผมก็ได้เพื่อนสนิทของผมและเพื่อนสนิทของเขาด้วยที่อยู่ในงานวันนั้น ช่วยยืนยันว่าไม่มีอะไร แต่ก็ไม่เป็นผมครับ”
“หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โพสต์ลงสตอรี่ พอผมเห็นสตอรี่ ผมก็โทรตรงไปหาเขาเลย พอโทรผมก็พยายามจะอธิบายแต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาก็คือ คำขู่จากเพื่อนของเขาให้ไปกราบเท้า หลังจากนั้นผมก็วางสายไปไม่ได้ตอบว่าจะไปหรือไม่ไป ผมไม่มั่นใจว่าการที่ผมไปแล้วมันจะมีอะไรที่กระทบต่อตัวผมไหม ไม่รู้ว่าผมจะเป็นไงบ้างถ้าผมไป เรื่องก็ประมาณนี้ (ส่งมาว่าให้ขอโทษ?) ใช่ครับ ส่งมาเขามีตัวเลือกให้ 2 อย่างแค่นั้นเอง”
“ผมคิดว่าเขาก็น่าจะเข้าใจผิดในวันที่ 15 เมษายน (คิดว่าเรามีความรู้จักพิเศษกับผู้หญิง?) ไม่รู้จักครับ เพิ่งเคยเจอ ซึ่งทางเพื่อนผมยังบอกเลยว่าเป็นแฟนคนล่าสุดของคนนั้น ผมก็ยืนยันกับเขาแล้วให้เพื่อนสนิททั้งผมและเขาที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วยยืนยัน ก็ไม่ฟัง”
“ไม่ได้บอกครับ เขาบอกว่าให้เวลาถึงพรุ่งนี้ ซึ่งแต่มันยังไม่ถึงครับ แล้วก็ไม่ถึงชั่วโมงเขาก็โพสต์สตอรี่เลย (รู้ไหมจะแฉอะไร?) ไม่ทราบครับว่าจะแฉเรื่องอะไร เพราะเรื่องก่อนหน้านี้มันก็นานแล้ว 3-4 ปีแล้ว และคิดว่าการตัดเพื่อนของเขาไม่มีอะไรแล้ว เราก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แต่ผมยังมองเขาเป็นเพื่อนอยู่นะ ถึงเขาจะตัดไปก็ไม่เป็นไร แต่ผมก็ไม่ไปก้าวล่วง ไม่ไปยุ่งกับเขาอีกเลย ผ่านมา 3-4 ปี”
“ผมรู้ก็กังวล เพระว่าทางโน้นเขาเคยมีประเด็นกับผม แล้วผมก็รู้สึกว่าเกินไปหน่อย บางทีเรื่องพวกนี้ผมว่ามันเคลียร์กันได้ถ้าหันหน้ามาคุยกันหรือนัดเจอก็ได้ มีประเด็น 3-4 ปีที่แล้ว ก็ไม่เคยมีอีก ผมก็เลยคิดว่าเป็นครั้งนี้วันที่ 15 เมษายนที่มีปัญหา ที่ผ่านมาไม่คุยกัน ไม่รู้เรื่องในชีวิตเขา ไม่เคยเจอกันเลย ตัดขาดกันไปเลย แล้วผมก็ไม่มีคอนแทคน้องผู้หญิงด้วย ผมเลยมั่นใจว่ามันไม่มีอะไร ถ้าผมไปคุยกับเขา ไปขอไอจี ขอไลน์ ผมก็คงจะรู้สึกว่าผมผิด (เซฟตัวเองพอสมควร?) ใช่ครับ ใช้คำว่าผมกลัวเลยดีกว่า เลยตั้งใจที่จะห่างและเซฟตัวเองมาก เพราะผมไม่อยากให้เกิดการเข้าใจผิดอีก”
“มีการคุยที่เขาคุยกับเพื่อนผมด้วย แต่โต๊ะมันเล็ก เขาถามว่าคนนั้นไม่มาเหรอ ผมก็ยังถามซ้ำกับเพื่อนผมว่ามาเหรอ ผมอยากเจอด้วยซ้ำ เพราะว่าผ่านมา 3-4 ปีแล้ว เราลืมไปแล้ว ในมุมผมอยากเจอแล้วคุยด้วยซ้ำ (ไม่มีเผลอเลอคุย?) ไม่มีครับ ตอนนั้นไม่มีแก้วครับ วันนั้นผมมั่นใจว่าไม่มีอะไรแน่นอน เพื่อนที่อยู่ด้วย 2 คน ก็ยืนยันว่าไม่มีอะไร ผมเชื่อตอนนี้ทางคนโพสต์รู้แล้วว่าไม่มีอะไร เพื่อนผมอธิบายแล้ว ตอนนั้นเขาน่าจะไม่ฟัง ตอนนี้เขาน่าจะมั่นใจแล้วว่าผมไม่ผิดแล้วก็ให้เกียรติจริงๆ”
“ในส่วนของผมคงไม่ไปอะไรกับเขาแล้วครับ เพราะสิ่งเกิดขึ้นมันได้เสียหายไปแล้ว ถึงผมจะไปทำอะไรเขาก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น อันนี้ต้องเป็นเรื่องกับทางบริษัทผม เพราะเสียหายเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพรีเซ็นเตอร์ อีเวนต์ ลูกค้าซีรีส์ แฟนมีตติ้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทุกอย่างมีการเลื่อนและยกเลิกด้วย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกเสียใจกับทางบริษัทครับ เสียใจกับทางครอบครัวผม เพราะผมก็เป็นผู้ชายคนนึงที่เป็นเสาหลักของครอบครัว”
“เรื่องนี้ทั้งหมด เวลาจะทำอะไร พิมพ์อะไร ต้องมีสติ คิด แล้วความเป็นส่วนตัวของผมก็คงจะไม่มี”