บิ๊กเต่า ปัดจัดฉากสร้างภาพจับกุม เรือ 3 ลำหายเหมือนตบหน้าตำรวจ

18 มิ.ย. 67

บิ๊กเต่า ปัดจัดฉากสร้างภาพจับกุม บอกเรือ 3 ลำหายเหมือนตบหน้าตำรวจสอบสวนกลางต้องตามจับให้ได้ สาวถึงผู้บงการ-คนเกี่ยวข้องทั้งหมด 

จากกรณี เรือน้ำมันของกลาง จำนวน 3 ลำ หายไปจากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยตำรวจใช้เวลา 5 วันในการติดตามเรือน้ำมันเถื่อน 

จนต่อมาเมื่อเวลา 19.35 น. วันที่ 17 มิ.ย. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำ เรือของกลางทั้ง 3 ลำ เข้าเทียบที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสงขลา เป็นที่เรียบร้อย ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 18 มิ.ย. 67 ที่กองกำกับการ 7 กองบังการตำรวจน้ำ อ.เมือง จ.สงขลา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ตั้งแต่เรือหลบหนี ทางตำรวจสอบสวนกลางได้กดดันอย่างหนัก โดยมีการประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อติดตามเรือกลับมา จนสามารถจับกุมได้ ห่างจากชายฝั่ง จ.สงขลา ประมาณ 90 ไมล์ทะเล ทั้ง 3 ลำ พร้อมลูกเรือจำนวน 8 คน และมีผู้ต้องหาหนีหายไป 7 ราย ซึ่งทั้ง 8 ตายถูกสอบสวนอย่างละเอียด 

 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยอีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ให้การเป็นประโยชน์เป็นอย่างมาก โดยมีไต๋ก๋งเรือของคนหนึ่งบอกว่า ได้มีคำสั่งจากเจ้าของเรือให้นำเรือออกจากท่าเรือ และมีการวางแผนการหลบหนีเอาไว้แล้วหลายวัน แต่ไม่สบโอกาสจน ถึงวันที่เรือทอดสมออยู่นอกชายฝั่ง ประจวบกับคืนวันเกิดเหตุคลื่นลมสงบ ไต๋ก๋งเรือจึงนำเรือออกจากท่า 

โดยมีเรือเจพี เป็นเรือนำ เนื่องจากไต๋ก๋งเรือบอกว่าเรือเจพี มีเจพีเอสสำรองอยู่ที่แอบไว้ใต้เตียง ซึ่งลอดสายตาของเจ้าที่ที่เข้าจับกุม การออกจากท่าเรือสัตหีบนั้นช่วงแรกจะใช้ความเร็วประมาณ 2 นอต  เพื่อลดเสียงดัง จนพ้นแนวอ่าว จึงเร่งความเร็ว โดยมีคำสั่งให้ล่องเรือไปยังประเทศกัมพูชา และให้ถ่ายน้ำมันทั้งหมดลงเรือใหญ่ที่มีการนัดหมายเอาไว้แล้ว และลูกเรือจำนวน 7 คนได้ขึ้นเรือใหญ่ไปด้วย หลังจากนั้นได้มีคำสั่ง จากเจ้าของเรือให้เรือทั้ง 3 ลำ เดินทางลงมาทางใต้  

จากการสอบสวนลูกเรือ เปิดเผยว่า ได้รับคำสั่งให้เดินเรือไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษ  AEC ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเศรฐกิจเฉพาะ 3  ประเทศ  มีเวียดนาม กัมพูชา และไทย แต่เมื่อมาถึงเขตชายฝั่งสงขลา เรือดาวรุ่งได้เกิดเสีย ทำให้ต้องลากไปจนเกิดความล่าช้า จนเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ 

 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยอีกว่า จากการตรวจสอบเรือทั้ง 3  ลำ มีการดัดแปลงสภาพโดยเฉพาะเรือซีฮอท หรือเรือกำไรเงินนั้น มีความพยายามทาสีเรือใหม่ จากสีน้ำเงินเป็นสีเขียว สำหรับการสอบสวนลูกเรือยังทรายอีกว่า ลูกเรือทั้งหมดจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้เพียงว่าไต๋ก๋งเรือสั่งให้ไปทางไหนก็ต้องไปตามคำสั่ง มีเพียงไต๋ก๋งเรือเท่านั้นที่จะติดต่อกับเจ้าของเรือโดยผ่านโทรศัพท์ดาวเทียม 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยอีกว่า การสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจสัตหีบทั้ง 4 นายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตหรือไม่ อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งจะเสร็จภายใน 7 วัน ยอมรับว่าวงการค้าน้ำมันเถื่อนมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นขบวนการที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง แต่ยืนยันว่าหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ บุคคลอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องหรือกระทำผิดชัดเจนก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด 

ในส่วนของความเสียหายเสียที่เกิดขึ้นต่อรัฐทางตำรวจจะมีการฟ้องละเมิด จะต้องมีการฟ้องแพ่งกับบุคคลที่มีการกระทำความผิด เพื่อนำเงินไปชดใช้ให้กับรัฐ 

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พฐ. เปิดเผยว่า น้ำมันที่หายไปคือน้ำมันดีเซล สีเหลืองโดยไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าน้ำมันที่เหลืออยู่เหลือกี่ลิตร จะต้องรอทางตำรวจน้ำดูดน้ำมันขึ้นมา ถึงจะให้ความชัดเจนได้ ส่วนน้ำมันที่อยู่ในเรือและน้ำมันที่ถูกจับกุมได้ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. จะเป็นน้ำมันชนิดเดียวกันหรือไม่ จะต้องนำผลการตรวจครั้งเก่า และครั้งล่าสุดนี้มาเทียบเคียงกัน จึงจะสามารถทราบได้ 

พล.ต..ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้ไม่ได้เป็นการจัดฉาก หรือสร้างภาพ หรือมีการประสานกับทางผู้บงการ เพื่อส่งมอบเรือคืนให้กับทางเจ้าหน้าที่

ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามยุทธวิธีของตำรวจน้ำ เรือที่มีเรือใหญ่ที่เป็นศูนย์บัญชาการคอยกำกับดูแล ก่อนจะส่งชุดปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งเป็นเรือเล็ก พร้อมกำลังคน และอาวุธครบมือเข้าจับกุมทันทีเมื่อพบเรือทั้ง 3 ลำ ลอยลำต่อกันเป็นแพอยู่กลางทะเล เนื่องจากเรือดาวรุ่งเครื่องยนต์เสีย จึงทำให้อีก 2 ลำต้องเข้ามาช่วยลากจูง พอผู้ต้องหาเห็นเจ้าหน้าที่ก็ยอมจำนน โดยให้ความร่วมมือกับตำรวจชุดจับกุม 

พล.ต..ต.จรูญเกียรติ ยังเผยถึงขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนกลางทะเลว่า การซื้อขายนั้น เจ้าของเรือหรือผู้บริหารจะทำการซื้อขายจ่ายเงินกันบนฝั่ง หลังจากนั้นจะแจ้งพิกัดไปให้ลูกน้องที่อยู่ของทั้งคู่ให้ไปตามพิกัดและขนถ่ายน้ำมันกัน

สำหรับเรือของกลางทั้งหมดจะจอดไว้ที่ท่าเรือตำรวจน้ำสงขลาก่อน และจะมีมาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้มีประวัติศาสตร์ซ้ำลอยจะเป็นความรับผิดชอบของจำรวจน้ำสงขลา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส