ไขคดีสังหาร 6 ศพ หญิงวางยา โดนผัวเมียทวงเงิน 10 ล้าน เคลียร์ไม่ลงตัว

17 ก.ค. 67

ไขคดีสังหาร 6 ศพ หญิงมือวางยาพิษ โดนผัวเมียทวงเงิน 10 ล้าน เคลียร์ไม่ลงตัว ตอนแรกจะไปญี่ปุ่น แต่ติดปัญหาวีซ่าเลยมาไทย

สำหรับความคืบหน้า ในคดีการเสียชีวิตของชาวเวียดนาม 6 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 2 ราย ถือสัญชาติอเมริกา ถูกวางยาพิษ ในบริเวณห้องพักชั้น 5 โรงแรมดังย่านราชประสงค์ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 

วันที่ 17 ก.ค. 67 ที่สน.ลุมพินี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงว่า คดีที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ความคืบหน้า ณ วันนี้จากการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และผู้การสืบสวนสอบสวน ตำรวจนครบาล และทีมงานสืบสวนสอบสวนทั้งหมด 

จากการตรวจสอบข้อมูลตามที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ชี้แจงเมื่อคืน เราได้ตรวจสอบพบทั้งหมด 6 ศพภายในห้องพักห้องเลขที่ 502 ของโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งจากการตรวจชันสูตรพลิกศพ รวมถึงการตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานทั้งหมดแล้วรวมถึงฝ่ายสืบสวนสอบสวนได้ทำการซักถามพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ประจักษ์พยานพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ รวมถึงญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งได้มาพบเมื่อคืนนี้ รวมถึงการก็บหลักฐานในกระเป๋าเสื้อผ้า 8 ใบ ตรวจสอบเรียบร้อยหมดแล้ว ณ วันนี้สรุปว่าที่มาที่ไปของบุคคลทั้ง 6 คนนั้น รวมถึงข้อสงสัยว่าบุคคลที่ 7 มีอยู่หรือไม่ นั้นในห้องที่เกิดเหตุดังกล่าวห้องเลขที่ 502 

เราพบศพทั้งหมด 6 ศพ แบ่งเป็นชาย 3 คนและหญิง 3 คน ซึ่งที่มาที่ไปของทั้ง 6 รายนั้น ได้ตรวจสอบการเดินทางเข้าออก และประวัติการเข้าพักที่โรงแรมดังกล่าว โดยมีการเดินทางเข้ามาทยอยพักที่โรงแรมนี้ไม่พร้อมกัน ส่วนในบุ๊คกิ้งที่เราตรวจสอบพบตอนแรกแจ้งว่ามีการเข้าพักทั้งหมด 7 คนนั้น ปรากฏว่าคนที่ 7 เป็นน้องสาวของ 1 ในผู้เสียชีวิต เดินทางเข้ามาพร้อมกันเมื่อวันที่ 4 ก.ค. และปรากฏว่าเดินทางกลับดานังก่อนในวันที่ 10 ก.ค. ดังนั้นตัวละครทั้งหมด 7 ราย เราได้ชื่อทุกอย่างครบถ้วนหมดแล้ว 

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ พบว่าการมาเช็กอินที่โรงแรมดังกล่าวแต่ละคนมาด้วยตัวเอง มาเช็กอินด้วยตัวเอง และเข้าพักตามห้องของตัวเอง ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดแปลกปลอมเข้าไปพักร่วมด้วย สรุปได้ว่ามีแค่เพียง 6 คนที่เข้ามาพักตามบุ๊คกิ้ง 

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในวันที่ 15 ก.ค. ในครั้งนี้ ที่เกิดเหตุมีบุคคลภายนอกหรือมีผู้หนึ่งผู้ใดเข้ามาที่เกิดเหตุหรือไม่นั้น จากการตรวจสอบ ณ เวลานี้ยืนยันว่ามีเพียงแค่ 6 คน ที่เข้าไปในห้องพักของหมายเลข 502 และเสียชีวิต ไม่มีบุคคลภายนอกใดๆ เข้าไปยังห้องที่เกิดเหตุเลย เพราะจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดด้านหน้า และด้านหลังห้องพัก ซึ่งเมื่อเราได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรมว่า พนักงานโรงแรมเข้าไปตรวจสอบเนื่องจากเลยช่วงเวลาเช็คเอาท์ ซึ่งตอนแรกพนักงานโรงแรมเห็นมีคนนอนอยู่ตรงประตูนึกว่าเป็นลม จึงไปตามหาเครื่องปั๊มหัวใจจะมาช่วย จากนั้นก็พบว่าประตูด้านหน้าล็อกจึงได้บอก รปภ.ให้อ้อมไปด้านหลัง ซึ่งบริเวณด้านหลังได้ตรวจสอบแล้วจากกล้องวงจรปิดไม่พบว่ามีบุคคลใดที่จะเข้าออกด้านหลังนอกจากตัว รปภ. ที่เข้าไป และพบว่าประตูด้านหลังไม่มีการล็อกไว้ จึงเข้าประตูด้านหลังได้แล้วเดินข้ามศพมาเปิดประตูด้านหน้า เพื่อให้แม่บ้านและหัวหน้า รปภ. เข้าไปตรวจสอบ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

ทั้งนี้ยืนยันว่าเราพบศพทั้งหมด 6 ศพ ส่วนบุคคลที่ 7 นั้นกลับไปก่อนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. ซึ่งตามไทม์ไลน์ตั้งแต่คืนวันที่ 14 ก.ค. เราตรวจสอบพบว่า ที่ห้อง 502 คนที่มีชื่อเข้าพักคือ คือ มิสเชอรีน ชอง เป็นเจ้าของห้องพัก โดย 5 คนที่เหลือได้มาห้องพักดังกล่าว ตั้งแต่คืนวันที่ 14 ก.ค. ช่วงห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน และแยกย้ายกลับที่พัก จากนั้นวันที่ 15 ก.ค. รุ่งขึ้นต่างนั้นต่างคนต่างเช็กเอาท์ และทยอยเอากระเป๋าไปที่ห้อง 504 โดยมีผู้ชายสั่งอาหารจากโรงแรม ซึ่งเรานำพนักงานโรงแรมมาสอบปากคำแล้ว 2 ปาก ยืนยันชัดเจนว่ามีการสั่งข้าวผัด ต้มยำกุ้ง ผัดผัก ผัดผักบุ้ง และชาร้อน 2 กาพร้อมกับแก้วน้ำ น้ำชา 6 ใบ และต่อมาปรากฏว่ามีคนโทรสั่งข้าวผัดเพิ่มอีกหนึ่งจานเป็นจานที่ 6 และขอให้มานำส่งที่ห้อง ซึ่งกล้องวงจรปิดยืนยันชัดเจนได้ว่าตัวพนักงานได้เข้าไปที่ห้องในช่วงเวลาประมาณ 13.51 น. และออกมา 13.57 น. ซึ่งก็ไปทั้งหมด 6 นาที ตอนเข้าไปพบแค่เพียงผู้หญิง  คือ มิสเชอรีน ชอง เจ้าของห้องรับอาหารและเครื่องดื่มเพียงคนเดียว โดยพนักงานบอกว่าจะขอชงชาให้ แต่มิสเชอรีน ชอง บอกว่าไม่ต้อง ขอจัดการเอง เมื่อพนักงานออกมาแล้ว มิสเชอรีน ชองอยู่ที่ห้องคนเดียว จากนั้น 6 นาที ก็พบว่ากลุ่มผู้เสียชีวิตทยอยลากกระเป๋าเข้าห้องมาที่ดังกล่าว 

ซึ่งการรวมตัวดังกล่าวนั้น หลังจากนั้นเราไม่พบการเดินออกมาอีกเลย ซึ่ง ณ วันนี้จากการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐานและนิติเวช ซึ่งนิติเวชรอตรวจชันสูตรพลิกศพ รอผลช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ เพื่อต้องตรวจสอบอย่างละเอียดทุกเรื่องทุกประเด็น ส่วนกองพิสูจน์หลักฐาน ณ วันนี้เบื้องต้นพบถ้วยชาพบสารไซยาไนด์ และแก้วทั้ง 6 ใบพบสารไซยาไนด์  แสดงว่า 1 ใน 6 หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟนำถ้วยชากับกระติกน้ำร้อน 2 อันและกาน้ำชาร้อนเข้าไปในห้องแล้ว 

นี่คือจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ครั้งนี้ว่ามีผู้หนึ่งผู้ใดหนึ่งใน 6 ที่ทำให้เกิดเหตุขึ้น โดยใช้สารไซยาไนด์ พร้อมกันนี้เรายังได้ประสานงานกับสถานทูตเวียดนาม และสถานทูตสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อคืนมีเจ้าหน้าที่เอฟบีไอเข้ามาร่วมกันคลี่คลายคดีนี้ให้เกิดความกระจ่า งและโปร่งใสอย่างถูกต้องและรัดกุม 

นอกจากนี้เมื่อคืนนี้เราได้สาเหตุส่วนหนึ่งที่ญาติติดใจและมีล่ามแปลเรียบร้อยว่า มิสเชอรีน ชอง คล้ายกับเป็นนายหน้ามาชักชวนลงทุน โดยมีสามีภรรยา 2 ใน 6 ที่เสียชีวิตร่วมลงทุน 10 ล้านบาท อ้างว่าลงทุนสร้างโรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่น และมอบเงินให้กับ มิสเชอรีน ชอง ไปแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า และไม่พบความเคลื่อนไหวในการดำเนินการ มีการทวงถามมาอย่างต่อเนื่อง และมีการนัดหมายจะไปเคลียร์กันประเทศญี่ปุ่น แต่ติดขัดเรื่องการขอวีซ่า จึงนัดหมายมาที่เมืองไทย และนัดหมายจะไปไหว้พระ อย่างไรก็ตามขอเวลาเรารวบรวมเอกสารรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อความกระจ่างและความถูกต้อง ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ยืนยันว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคลทั้ง 6 ราย ไม่ได้เกี่ยวกับการที่มีแก๊งหรือองค์กรอาชญากรรมใดๆ ที่จะมาผลักดันหรือก่อเหตุเกิดขึ้นในเมืองไทย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส