ถกด่วน คลัสเตอร์เหล้าปลอม ป่วยหนัก 28 ดับ 2 ตาบอดชัดเจน 1

26 ส.ค. 67

 

สมศักดิ์ ถกด่วน คลัสเตอร์เหล้าปลอม ป่วยหนัก 28 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ –ฟอกไต-ปั้มหัวใจ สรุปยอดดับ 2 ราย เจอตาบอดชัดเจน 1 ราย 

จากกรณี คลัสเตอร์ซุ้มยาดองขายเหล้าเถื่อนผสมเมทานอล ส่งผลให้คนที่กินเข้าไปเกิดอาการเป็นพิษ ต้องนำส่งโรงพยาบาล โดยข้อมูลล่าสุดวันนี้พบผู้ป่วย 27 คน และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 

วันที่ 26 ส.ค. 67 นาย สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการป้องกันปัญหาการลักลอบผลิตบริโภค และอันตรายของ เหล้าเถื่อน โดยมีนายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการ รมว.สาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมที่กระทรวงสาธารณสุข 

โดยนายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการรายงานสถานการณ์ผู้ป่วยได้รับสารพิษเมทานอล หลังดื่มสุราปลอม ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.- 26 ส.ค. นี้ มีผู้ป่วยแล้ว 28 ราย ซึ่งเสียชีวิตแล้ว 2 ราย โดยส่วนใหญ่พบว่า มีอาการหนักทั้งต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 13 ราย ต้องฟอกไต 18 ราย และต้องปั๊มหัวใจ 6 ราย ซึ่งผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาพบว่ามีอาการแบ่งเป็นภาวะเลือดเป็นกรด 21 ราย หายใจเหนื่อย 19 ราย ภาวะไตวาย 16 ราย ตาพร่ามัว 14 ราย ชัก 4 รายและหมดสติ 4 ราย โดยขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวได้เร่งลงพื้นที่สำรวจจุดจำหน่ายทั้ง 9 แห่งในเขตคลองสามวา โซนกรุงเทพตะวันออกกลาง พร้อมค้นหาผู้สัมผัสร่วมวงยาดองที่หทัยราษฎร์ 33 พบผู้สัมผัสร่วมวงในชุมชนอีก 3 ราย แต่ไม่มีอาการทั้ง 3 ราย 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีการติดตามสถานการณ์ผู้ป่วยดื่มสุราปลอมหรือเมทานอล ซึ่งใช้ดื่มไม่ได้ โดยจะใช้ในอุตสาหกรรม เช่น สีทินเนอร์ โดยถ้าดื่มสุราปลอมเข้าไปจะมีอาการปวดท้องปวดหัวตาพร่ามัวมองไม่เห็น ซึ่งในทางการแพทย์สันนิษฐานว่า สิ่งที่ดื่มไม่ได้ทำมาจากแอลกอฮอล์ปกติ ดังนั้นหากใครบริโภคเข้าไปก็ให้รีบพบแพทย์ทันที เพราะการดื่มสุราปลอม จะมีอาการหลังดื่ม 24-48 ชั่วโมง อาจทำให้ผู้ดื่มไม่รู้ตัว โดยขณะนี้พบผู้ป่วยแล้ว 28 ราย เสียชีวิต 2 ราย ส่วนที่มีการรายงานข่าวว่าตาบอดแล้ว 10 รายนั้น จากรายงานยังพบแค่ 1 รายที่ตาบอดชัดเจน ส่วนที่เหลือ 10 กว่ารายยังเป็นอาการตาพร่ามัว

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส