บิ๊กต่าย สรุปเหตุรถบัสมรณะคณะทัศนศึกษา รร.วัดเขาพระยาสังฆาราม จ่อออกหมายจับคนขับที่หนี ครูเล่าเหตุการณ์ไฟลุกเร็วมาก หยิบโทรศัพท์ยังไม่ทัน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาราชการแทน ผบ.ตร. แถลงถึงอุบัติเหตุ รถทัศนศึกษาเด็กจังหวัดอุทัยธานี เกิดไฟไหม้ จนมีผู้เสียชีวิต ว่าจากการสอบสวนพยานเบื้องต้น พบยางรถยนต์ระเบิด ทำให้เกิดประกายไฟและมีถังแก๊สที่เป็นเชื้อเพลิงอยู่ในรถดังกล่าว จึงทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วเข้าไปในห้องโดยสาร
ส่วนตัวของคนขับรถ ขณะนี้เราให้เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งตรวจสอบข้อมูลบุคคลและบริษัท และขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวและจะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ เนื่องจากคนขับอยู่ระหว่างหลบหนี
สำหรับรถคันเกิดเหตุ มีเด็กจำนวน 39 ครู 6 คน ซึ่งพบครูแล้ว 3 อีก 3 คนยังไม่พบ ส่วนนักเรียนเจอที่โรงพยาบาล 3 คน และอยู่ที่ศูนย์พักพิง 16 ดังนั้น นักเรียนยังหาไม่เจอ 20 คน เราจึงขอยืนยัน สูญหาย 23 ราย ยอมรับมีผู้เสียชีวิต แต่อยู่ระหว่างพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล โดยจะนำร่างผู้เสียชีวิตไปที่สถาบันนิติเวช เพื่อเก็บ DNA ก่อนจะประสานกับทางญาติผู้ปกครองโดยสายเลือด เพื่อที่จะนำ DNA ไปเปรียบเทียบและตนได้สั่งการหากได้รับ DNA ของ 2 ฝ่ายเป็นที่เรียบร้อย ต้องตรวจให้เสร็จสิ้นโดยเร็วภายใน 2 วัน เพื่อให้ญาติผู้เสียชีวิตรับร่างไปดำเนินการตามประเพณี
เมื่อถามว่ารถบัสมีประตูฉุกเฉิน แต่ทำไมเปิดไม่ได้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า จากการสอบถามคุณครู ทราบว่าเหตุที่เกิดขึ้นเร็วมาก ประกายไฟที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นมาเกิดอย่างรวดเร็ว ขนาดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมายังไม่ทัน ส่วนประตูนั้นมีทั้งเด็กและครูลงมาได้ แสดงว่าประตูเปิดได้และมีเด็กบางคนกระโดดออกทางหน้าต่างและส่วนที่เหลือคิดว่ายังอยู่ในอาการตกใจ จึงไม่สามารถออกมาได้ทัน และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นเด็กคนใดบ้าง
หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบว่าสภาพรถเป็นอย่างไรบ้างและจะอยู่ในขั้นตอนความประมาทหรือไม่
สำหรับกระแสข่าวที่บอกว่าคนขับรถเป็นภารโรงไม่ใช่คนขับรถที่มีความเชี่ยวชาญนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบให้มีความชัดเจนว่าเป็นพนักงานที่บริษัทรถส่งมาหรือไม่อย่างไร เพราะรถที่ใช้เป็นของเอกชน
ทั้งนี้ตนย้ำทางผู้การจังหวัดปทุมธานีว่าการสอบสวนต้องหาข้อเท็จจริงว่า เกิดจากความประมาทและบริษัทรถหรือไม่ แต่หากไม่มีอุปกรณ์ในการป้องกัน แสดงว่าไม่มีความพร้อมในการแก้ปัญหาเมื่อเกิดเหตุเบื้องต้น ซึ่งเข้าข้อกฎหมายเรื่องการประมาทหรือไม่ และตนย้ำว่าทั้งบุคคลและบริษัทจะต้องถูกดำเนินคดี และช่วงเกิดเหตุเรายังไม่ทราบข้อมูลว่าในขณะนั้นคนขับได้มีการช่วยเหลือเด็กและผู้ปกครองหรือไม่ ส่วนคนขับทราบว่าเป็นคน จ.สิงห์บุรี
สำหรับเรื่องการตรวจสอบสภาพรถนั้น มีมานานแล้วเป็นมาตรการทั้งขนส่ง ตำรวจ รวมถึงรถสาธารณะที่มีมาตรการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และในกระบวนการสอบสวนจะดูประเด็นพวกนี้ด้วยถ้าบริษัทเจ้าของผู้ขับขี่ละเลยถือว่าเป็นองค์ประกอบความผิด และยืนยันว่ากองพิสูจน์หลักฐานจะดูรายละเอียดทุกประเด็นทั้งเรื่องความเร็วของรถทั้ง 3 คัน เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดความเศร้า สลด การจะไปช่วยปกปิดเป็นไปไม่ได้.
Advertisement