บอย ปกรณ์ ยันไม่ใช่ บอส พร้อมหัก ดิไอคอน ยกเลิกสัญญา คืนเงินค่าจ้าง
บอย ปกรณ์ ยันไม่ใช่ บอส พร้อมหัก ดิไอคอน ยกเลิกสัญญา คืนเงินค่าจ้าง พรีเซนเตอร์กาแฟ จุกอกผู้เสียหายอื้อ โอดถูกใช้เป็นเครื่องมือหลอกคน
คอนเทนต์แนะนำ
เมื่อเวลา 12.35 น. วันที่ 11 ต.ค. 67 บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ นัดแสดงชื่อดัง กล่าวในรายการ “โหนกระแส” โดยมี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เป็นพิธีกร ตอนหนึ่ง หลังจากกรณีที่ถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปหรือไม่นั้นว่า
“ตั้งแต่เริ่มมีเรื่อง ก็เห็นคอมเมนต์ผู้เสียหาย ส่วนตัวก็ตกใจ เพราะเป็นข้อมูลที่ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าเราไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับตรงนี้ ความจริงก็รู้สึกไม่ค่อยดี ก่อนหน้านี้ก็ติดต่อมาทาง หนุ่ม กรรชัยว่า อยากออกมาชี้แจง แต่ขอเวลาเตรียมเอกสารในส่วนของตนให้เรียบร้อยก่อน และเมื่อวานตนอยู่ต่างจังหวัด ต่อมาตัวเอกสารที่เตรียมเสร็จเมื่อเช้า จึงติดต่อหา หนุ่ม กรรชัย เมื่อคืน เพื่อขอมาออกรายการเลยดีกว่า เพราะยิ่งมีผู้เสียหายออกมาพูด เราก็เพิ่งได้รับข้อมูลมากขึ้น
บอย ปกรณ์ กล่าวว่า ส่วนรู้จัก ดิไอคอนได้อย่างไรนั้น เนื่องจาก บอสพอล ติดต่อมา ตนรู้จักกับเขาปี 2563 ให้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าตัวหนึ่งเกี่ยวกับเวย์โปรตีน มีสัญญา1 ปี พอครบหนึ่งปี ในช่วงปี 64 ไม่ได้มีการต่อสัญญา เมื่อปี 65 บริษัทก็ติดต่อกลับมาใหม่ให้ตนไปปีไปเป็นพรีเซนเตอร์กาแฟ จากนั้นก็ต่อสัญญาปีต่อปี ในปี 66 และปี 67 โดยในสัญญาระบุชัดเจนว่าให้ตนทำหน้าที่เป็นผู้แสดงแบบ คือเป็น พรีเซนเตอร์ โปรโมทสินค้าตัวกาแฟเท่านั้น และภาพนิ่ง ภาพวิดีโอ ร่วมออกคอนเทนต์และงานอีเว้นท์กับเขา แต่ไม่มีเรื่องโมเดลธุรกิจ หรือว่าจ้างให้พูดชักชวนคนเข้ามาร่วมลงทุน แต่มีการพูดในเชิงให้กำลังใจ ซึ่งตนมีสัญญาชัดเจน หากตำรวจต้องการ ตนยินดีมอบสัญญาให้ไปตรวจสอบ และคนที่เซ็นเอกสารฉบับนี้ก็คือบอสพอล
“ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าผมไม่ใช่บอส ในส่วนของผม ยืนยันว่าไม่ใช่ผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว”
ส่วนกรณีที่มีการแชร์คลิปในโลกโซเชียลว่ามีการขึ้นเวทีพูดถึงเรื่องรับรองสินค้า และองค์กร พร้อมทั้งชักจูงคนเข้ามาร่วมลงทุน บอย ปกรณ์ กล่าวว่า “ทุกครั้งที่เห็นคลิปนี้ รู้สึกว่าผมโง่ดีเหมือนกัน เหมือนกับตอนนั้น ผมพูดไปว่าผมมั่นใจในสิ่งที่ผมพูดว่าคือความจริง มันเป็นเหตุการณ์จริง ผมไปในฐานะตัวแทนพรีเซนเตอร์ของกาแฟ ช่วงก่อนคลิปมีการพูดถึงกาแฟ จากนั้นก็พูดถึงบริษัท ซึ่งมันเป็นสคริปต์ที่เป็นตัวหนังสือและทีมงานบรีพให้พูดในทำนองเชิงให้กำลังใจ ชักชวนให้คนมาร่วมลงทุน ส่วนใครจะมองว่าแถ ผมรับสภาพได้ ยืนยันว่าข้อเท็จจริงเป็นการพูดตามสคริปต์โดยพิธีกรเป็นคนถาม และผมเป็นคนตอบตามสคริปต์ ซึ่งผมรู้สึกว่าเสียใจกับที่พูดในตรงนั้น และเกิดผลเสียในวันนี้ ผมพลาดเองจริงๆ และไม่มีข้อแก้ตัวอะไร เป็นความผิดของผมเอง ซึ่งผมมารู้ว่ามีผู้เสียหายก็พร้อมกับทุกคน รู้ก็ตกใจมาก”
เมื่อถามว่าเคยรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เป็นพรีเซนเตอร์อาจทำให้คนไปหลงเชื่อ ทำให้มีคนไปซื้อคอร์สแล้วเกิดผู้เสียหาย กังวลใจไหม บอย ปกรณ์ กล่าวว่า พอรู้เรื่องก็กังวล และเป็นสิ่งที่ตนเป็นมาตลอด 3-4 วันนี้ ตนยอมรับว่าผิด และพลาดตรงนี้
บอย ปกรณ์ กล่าวว่า ตนรับงานก็เช็กแล้ว แต่เช็กได้เพียงแค่ขอบเขตที่เราเช็กได้ แต่ในเรื่องกลไกระบบ ตนไม่เคยเช็กได้ แล้วตนก็ไม่เคยรู้ เขาก็คงไม่อยากบอกด้วย ซึ่งตนก็เห็นด้วยว่าอาชีพของตนคืออาชีพนักแสดงตน เกิดมาจากประชาชน คนที่เขารักและซัพพอร์ต การที่ตนมาสร้างความเชื่อมั่น ทำให้เกิดความเสียหาย ตนก็มีส่วนที่ทำให้เกิดความเสียหายจริงๆ และรู้สึกจุกอก
“สำหรับวันนี้ผมอยากมาขอโทษผู้เสียหายทุกคนที่เดือดร้อนจากการที่มาเชื่อใจในสิ่งที่ผมได้พูดออกไป หรือว่าสิ่งที่ผมได้ทำให้ทุกคนมั่นใจในตัวบริษัท และเกิดความเสียหาย ขอโทษจากใจจริงและขอโทษผู้เสียหายทุกคน ถ้าในวันนั้นผมรู้ว่าสิ่งที่พูดบนเวทีมันจะก่อให้เกิดความเสียหาย จะไม่พูด แต่ทั้งหมดป็นความผิดพลาดของผมเองที่ไม่เช็กให้มากพอกว่านี้ จนเกิดเป็นความเสียหายขึ้นมา ยืนยันว่าพร้อมเข้าสู่กระบวนการการตรวจสอบทางกฎหมายแน่นอน และรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ผมมีส่วนร่วมไปแล้ว และผมก็รู้สึกว่าผมถูกหลอกด้วย คนอาจจะมองว่าผมมาหงายการ์ดเป็นเหยื่อ ผมไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่รู้สึกถูกเป็นเครื่องมือที่ให้คนอื่นมาเชื่อ และเกิดความเสียหายในตรงนี้ด้วย ยินดีหักกับ ดิไอคอน ขอยกเลิกสัญญา และคืนเงินค่าจ้าง พร้อมอยู่ฝั่งผู้เสียหาย” บอย ปกรณ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์นั้น บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ตาแดงและน้ำตาคลอๆ คล้ายกับจะร้องไห้เป็นระยะๆ
ขอบคุณข้อมูล : รายการโหนกระแส
Advertisement
