ซาฟิเอตู คาเบงเกเล รองอันดับ 3 Miss Grand International 2024 นางงามผู้สร้างตำนานถอดวิกบนเวที TOP5 คนแรกของประเทศ ผู้มีแม่เป็นทุกอย่างของการประกวดครั้งนี้
เรียกว่าเป็นขวัญใจแฟนนางงาม โดยเฉพาะ พี่ๆ กะเทยอย่างท่วมท้น สำหรับ ซาฟิเอตู คาเบงเกเล (Safiétou Kabengele) มิสแกรนด์ฝรั่งเศส เจ้าของตำแหน่งรองอันดับ 3 Miss Grand International 2024 จากการสร้างตำนานถอดวิกฝากเพื่อนเก็บ จนกลายเป็นไวรัล
อมรินทร์ออนไลน์สัมภาษณ์พิเศษ ซาฟิเอตู คาเบงเกเล ถึงความสำเร็จในเส้นทางนางงาม ที่เจ้าตัวเล่าว่าเคยคิดจะแขวนส้นสูงแล้ว แต่ทว่าแฟนๆ ของเธอเรียกร้องให้เธอกลับมาสู้อีกครั้ง จนในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จคว้ามงมิสแกรนด์ฝรั่งเศส และมาได้ตำแหน่งรองอันดับ 3 ในการประกวด Miss Grand International 2024 เป็นตัวแทนของมิสแกรนด์ฝรั่งเศสคนแรกที่ได้ตำแหน่ง นับตั้งแต่ส่งตัวแทนเข้าร่วมประกวด
TOP 5 Miss Grand International 2024
ไม่คิดไม่ฝันจะมาได้ไกลขนาดนี้
โอเค บอกตามตรงเลยนะคะ บางคนที่ได้รางวัลอาจจะพูดว่าดีใจมาก ปลื้มใจสุดๆ แต่สำหรับฉันแล้ว ช็อกค่ะ ฉันประหลาดใจในฐานะที่เป็นผู้หญิงผิวสี ที่เป็นตัวแทนจากฝรั่งเศส มันเป็นอะะไรที่ท้าทายมากๆ สำหรับฉัน ในหัวของฉันคิดแค่ว่า งั้นอย่าไปกดดันอะไรตัวเองให้มากเลย แค่ทำให้ดีที่สุด สนุกให้เต็มที่ แค่ให้ทั้งโลกเห็นตัวตนของฉันก็พอ แล้วก็ปล่อยให้เป็นตามที่พระเจ้ากำหนดไว้
พอการแข่งขันผ่านมาถึงจุดนี้แล้ว ว้าว ฉันทำได้แล้ว พอกลับถึงโรงแรมแค่นั้นแหละ น้ำตาแตกเลยค่ะ ฉันร้องไห้หลังจากที่รูมเมทของฉันกลับบ้านไปกับครอบครัวแล้ว ซึ่งหนึ่งในเพื่อนที่ฉันสนิทที่สุดระหว่างการแข่งขันก็กลับบ้านเช่นกัน ฉะนั้นมันเกิดขึ้นแล้ว ฉันติด Top 5 และต้องอยู่เมืองไทยต่อ ฉันมีความสุขมากค่ะ จากนั้นก็เริ่มตั้งสติได้แล้วว่า ฉันทำได้แล้วนะและฉันก็รู้สึกค่อนข้างกดดันมาก อย่างไรก็ตาม ฉันก็สนุกและเอ็นจอยมากอยู่ดีค่ะ
เป้าหมายของฉันมีแค่ทำให้ดีที่สุด ทำให้ดีโดยที่ไม่ไปหมกมุ่นกับมันจนเกินไป เพราะเวลาที่เราหมกมุ่นกับการแข่งขันเกินไป มันบังคับให้เราทำสิ่งที่ไม่อยากทำ เพียงแค่เพราะว่าเราอยากได้มงกุฏ ฉันเลยสัญญากับตัวเองว่าจะเป็นตัวของตัวเอง รักษาคุณค่าของตัวเอง ฉันก็เลยแบบ เอาเลย แต่อย่างน้อยก็ขอให้ติด Top 10 นะ แค่นั้นเเอง
พอตอนที่ติด Top 10 ก็มีความสุขมากแล้วค่ะ แต่ฉันก็ยอมรับกับตัวเองนะว่า มีผู้เข้าแข่งขันหลายคนเลย ที่มาแข่งพร้อมกับทีมงานกลุ่มใหญ่ที่ติด Top 10 มาพร้อมกับฉัน สำหรับฉัน ฉันมาแข่งคนเดียวเลยค่ะ มากับคุณแม่ 2 คน
คนฝรั่งเศสแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมิสแกรนด์เลย ก็มีแค่ฉันนี่แหละกับกลุ่มเล็ก ๆ ของฉัน ประมาณไม่เกิน 10,000 คน มีแม่คอยช่วย กับทีมเล็กๆ ในขณะที่ผู้เข้าแข่งขันบางคนมีผู้ติดตามเป็นล้านๆ ฉันก็เลยแบบ…เออ โอเคแล้วล่ะ ที่ฉันได้ Top 10 เพราะเราก็ผ่านมาได้ด้วยทีมเล็กๆ ของเรา และก็สร้างอิมแพคได้ในการแข่งขันนี้ ดังนั้นฉันภูมิใจในตัวเองแล้ว
แต่พอฉันได้ยินชื่อฉัน(ตอนประกาศ Top 5) คุณก็เห็นหน้าฉันใช่ไหม (หัวเราะ) ฉันช็อคค่ะ นานีนั้นคิดแค่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ภูมิใจในตัวเองแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงฝรั่งเศสคนแรกที่ติด Top 10 มิสแกรนด์ แล้วก็ติด Top 5 อีก และฉันก็เป็นผู้หญิงผิวสี นั่นแหละ ในหัวยัง งงๆ อยู่เลย (หัวเราะ)
ตัวแทนฝั่งเศส คนแรกที่มีมง
ทุกที่ในฝรั่งเศสเลย ฉันปรากฏอยู่ทุกที่เลยตอนนี้ แม้ว่าตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ฝรั่งเศส แต่ทั้งครอบครัวและกลุ่มของฉันก็ส่งคลิปข่าวมาให้ดูทุกวัน รายการทีวีที่พูดถึงฉันด้วย ฉันก็รู้สึกว่า อุ้ย อยากกลับบ้านจัง อยากกลับไปสนุกกับการมีพื้นที่สื่อ เพราะคนฝรั่งเศสตอนนี้ดูมีความสุขที่ฉันมาเป็นตัวแทน เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาได้สนุก ไม่ใช่แค่ว่าการประกวดนางงามต้องโชว์ความสวยงามบนรันเวย์ แต่ฉันทำให้ทั้งโลกเห็นว่า ฉันมีสีสันนะ ไม่ใช่แค่หน้านิ่งๆ สวยๆ แม้ว่าในตอนนี้ที่คุยกับคุณอยู่ ฉันเพิ่งจะได้รับอีเมลล์จากสื่อฝรั่งเศส ที่ติดต่อมาขอสัมภาษณ์ นี่ไง เขาถามว่าฉันจะให้สัมภาษณ์กับพวกเขาได้ไหม นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในทุกๆ วัน ฉันภูมิใจมากค่ะ
ตอนนี้ใจของฉันแบ่งเป็นสองทางเลยค่ะ อยากกลับฝรั่งเศสเลยตอนนี้เพื่อที่จะโชว์ตัวกับสื่อฝรั่งเศส แต่อีกใจก็อยากอยู่ไทยค่ะ อยากเรียนรู้เมืองไทยให้มากขึ้น เรียนรู้เอเชีย และสร้างสัมพันธ์กับองค์กร Miss Grand International ด้วยค่ะ
เกือบทิ้งฝัน-แขวนส้นสูง แต่เพราะแฟนนางงามจึงมีวันนี้
ใช่ค่ะ สองครั้งเลย ในฝรั่งเศส ผู้คนก็รู้สึกโกรธด้วยเกี่ยวกับการแข่งขันที่ฉันเข้าร่วมในฝรั่งเศส เพราะเป็นเวทีที่ดังที่สุดในฝรั่งเศสเลย ชื่อว่า Miss France ฉันพยายาม 2 รอบแล้วค่ะ ก็ได้รับรางวัลรองอันดับ 2 และรองอันดับ 1 แม้แต่โปรดิวเซอร์ก็มาพูดว่า รู้สึกผิดหวังกับผลการแข่งขัน เพราะหวังไว้ว่าฉันจะชนะ ตั้งแต่นั้นมากลุ่มแฟนคลับนางงามฝรั่งเศสรู้สึกโกรธค่ะ เพราะฉันทุ่มเทเต็มที่เพื่อจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่มันก็ยังไม่พอ ฉันก็โกรธแต่โกรธอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงมั้ง พอหลังจากนั้นก็คิดได้ว่ามันก็เป็นแบบนี้แหละ ก็เป็นผู้หญิงผิวสีนี่เนอะ มูฟออนดีกว่า กลุ่มนางงามเลยดันให้ฉันเป็นโค้ชไปเลย ถ้าฉันไม่อยากลงประกวดแล้ว โปรดช่วยให้เราเก่งได้เหมือนคุณ แล้วฉันก็เป็นโค้ชนางงามให้จริงๆ ค่ะ
ระหว่างที่เป็นโค้ชอยู่นี่ ฉันก็ได้รับข้อความอย่างล้นหลามเลยค่ะ ว่าอยากให้ฉันลองลงประกวดเป็นครั้งที่ 3 ลองเป็นครั้งสุดท้าย พยายามอีกครั้ง และฉันก็ลงแข่ง Miss Grand France ฉันก็เลยบอกกับทุกคนว่า ถ้าฉันทุ่มเทในการประกวดครั้งนี้ ทุกคนพยายามไปพร้อมกันกับฉันด้วยนะช่วยดันหลังกันด้วย ซึ่งฉันก็ทำได้สำเร็จ ทุกคนก็บอกว่า เรามั่นใจว่าฉันต้องติด Top 5 แน่นอน ฉันก็แบบ เดี๋ยวก่อนนะ อย่างแรกติด Top 10 ให้ได้ ที่เหลืออะไรจะเกิดก็เกิดค่ะ
สร้างตำนานถอดวิกฝากเพื่อนบนเวที ซีนนี้จัดให้ตามคำขอบอสณวัฒน์
จริงๆ แล้ว ในวันพรีลิมมินารี คุณแม่ของฉันพยายามไปหาซื้อวิกมาค่ะ และก็หามาให้ฉันจนได้ แต่วันก่อนหน้านั้น คุณณวัฒน์ถามว่าขึ้นเวทีโดยใส่วิกได้ไหม ซึ่งจริงๆ แล้วฉันไม่ค่อยชอบใส่วิกค่ะ มันคลุมกรอบหน้าฉัน รู้สึกว่าเห็นหน้าตัวเองไม่ชัด นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่ใส่วิกเลย แต่ฉันก็ชอบนะที่จะได้เปลี่ยนลุคบ้าง ได้ลองอะไรใหม่ๆ
พอได้วิกมา ก็มาคิดว่าฉันคงจะไม่ใส่วิกตลอดทั้งโชว์ชุดว่ายน้ำหรอก ฉันจะกระชากมันออก แค่นั้นแหละ เพื่อที่จะให้ทั้งโลกเห็นว่า ฉันภูมิใจที่ได้เป็นผู้หญิงหัวโล้นและฉันก็สวยได้ไม่ว่าจะใส่หรือไม่ใส่วิก นั่นคือความตั้งใจของฉัน คุณณวัฒน์ขอให้ฉันทำ ฉันก็โอเค แต่ก็ขอแสดงความเป็นตัวตนด้วยนะ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงหัวโล้น
เป็นที่รักของแฟนนางงามชาวไทยและพี่กะเทย
ฉันว่าฉันก็เป็นทูตที่ดีของ MGI นะคะ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่ฉันรู้สึกว่าคนไทยให้ความรักกับฉัน แบบที่ฉันคิดถึงจากคนฝรั่งเศส จากครอบครัวและเพื่อน ๆ คนไทยก็กลายเป็นครอบครัวของฉันแล้ว เพราะความรักและบรรยากาศดี ๆ แบบนี้ ทำให้ฉันมีกำลังใจที่จะทำให้ดีที่สุด ฉันดีใจมาก ขอบคุณคนไทยและแรงสนับสนุนจากทั่วโลก เพราะทุกที่ที่ฉันไป คนไทยจะเข้ามาบอกว่าฉันเห็นคุณนะ ฉันจำคุณได้ เห็นจากในโซเชียล น่ารักมาก ฉันรักการแสดงออกของเธอ ซึ่งเป็นคำชมที่ดีที่สุด ดีกว่าคำชมเรื่องความสวยซะอีก นี่คือการแสดงออกของฉัน นี่คือตัวตนของฉัน พวกเขารักมัน ไม่ใช่แค่หน้าตา ไม่เพราะฉันเป็นคนผิวสี หัวโล้น พวกเขารักนิสัยและรักที่ตัวตนของฉันจริงๆ
ก่อนเจ้าตัวจะพูดภาษาไทยว่า หนูชื่อซาฟิเอตู คาเบงเกเล ขอบคุณพี่กะเทย ที่รักหนู!
แม่..ผู้เป็นทุกอย่างของการประกวดครั้งนี้
นั่นคือของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันได้รับมาในการแข่งขันครั้งนี้ค่ะ เพราะแม่มาได้ถูกเวลาพอดี มาในตอนที่ฉันเห็นผู้เข้าแข่งขันมาพร้อมกับทีมซัพพอร์ต แต่ฉันตัวคนเดียว ฉันไม่มีใครเลยในการแข่งขันนี้ ก็เลยพยายามทำให้ดีที่สุด สนุกกับมัน แต่ฉันก็คิดถึงครอบครัว คิดถึงแม่ คิดว่าถ้าแม่อยู่ที่นี่ด้วยก็คงดีนะ แล้วนาทีสุดท้ายแม่ก็โทรมา เพราะว่าชุดรอบพรีลิมจะต้องถูกส่งมาทางเครื่องบินแต่มันช้าไป แม่ก็แบบ อุ้ย นี่เป็นโอกาสที่จะมาหาลูกนะ เดี๋ยวแม่เอาชุดมาให้แล้วก็กลับฝรั่งเศสเลย
ตอนแม่มาถึง ฉันร้องไห้หนักมาก เพราะเหมือนเป็นของขวัญให้ฉัน แม่เห็นฉันร้องไห้ แม่บอกให้หยุดร้อง แล้วบอกว่าจริงๆ แล้วแม่ตั้งใจจะอยู่กับฉันจนถึงรอบไฟนอลเลย หลังจากนั้นแม่ก็มาหาฉันที่โรงแรมทุกคืนเลย มานวดเท้าให้ หาอะไรมาให้กิน ซึ่งมันมีผลต่อใจมาก เพราะฉันต้องการคุยกับใครสักคน ต้องการระบายให้ใครสักคนฟัง เธอเหมือนมาเป็นนักจิตวิทยาให้ฉัน ทำให้ฉันทำได้ดีที่สุดในการแข่งขัน
แม้แต่ในการแข่งขันชุดประจำชาติ แม่ก็อยู่ด้วยมาช่วยซ่อมชุด เพราะชุดประจำชาติฉันมีปัญหา แล้วเธอก็มาช่วยเย็บช่วยซ่อม รวมถึงชุดในรอบพรีลิมด้วย แม่มาช่วยซ่อมอยู่หลังเวที นั่งเย็บแบบนี้ (ทำท่าเย็บผ้าให้ดู) แล้วฉันก็เล่าลงช่องทางของฉันด้วยว่าแม่เป็นทีมของฉัน เป็นผู้ช่วยคนเดียว ฉันลงรูปแม่นั่งเย็บชุดด้วย ผู้คนก็ชอบชมว่ายอดเยี่ยมมากเลย ชื่นชมฉันกับแม่ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันภูมิใจ ที่ได้โชว์ให้ทั้งโลกเห็น ว่าไม่เห็นต้องมีพร้อมทุกอย่าง เราก็ทำได้
หนึ่งในกำลังใจสำคัญของซาฟิเอตู คาเบงเกเล ที่เป็นเสมือนลมใต้ปีกช่วยให้เจ้าตัวมีกำลังใจและสู้จนถึงที่สุด จนสามารถคว้าตำแหน่งรองอันดับ 3 Miss Grand International 2024 เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ให้ตัวเองและคุณแม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้วันนี้เธอกลายเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์นางงามของฝรั่งเศสที่ปรากฎชื่อบนทำเนียบ Miss Grand International ได้สำเร็จสมความตั้งใจ