หนีวุ่น! ฝูงผึ้งหลวง-แตนนับแสนตัวตื่นเสียงเบสแตกรังไล่ต่อยขบวนกฐินต้องหนีกระเจิงบาดเจ็บกว่า 30 ราย
วันที่ 9 พ.ย. 67 หน่วยกู้ภัยสว่างเมตตาธรรมสถาน รับแจ้งเหตุจากศูนย์อุบัติเหตุโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา มีผู้บาดเจ็บถูกผึ้งหลวง และแตนต่อย ภายในงานกฐิน ที่วัดดอนขวาง ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา จึงรีบรุดไปช่วยเหลือ
ในที่เกิดเหตุกำลังจัดงานทอดกฐินสามัคคี โดยมี หจก.หลานย่าโมรุ่งเรือง 168 และนายภาคิน พงษ์ธฤดี เป็นเจ้าภาพร่วมกับชาวบ้าน ต.หัวทะเล ท่ามกลางความโกลาหล และเสียงร้องขอความช่วยเหลือระงม พบผู้บาดเจ็บหลากหลายสถานะหลาย 10 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ ทนความเจ็บปวดจากพิษเหล็กในไม่ไหว ทั้งตกใจและร่ำไห้ ผู้ปกครองและพลเมืองดีต้องช่วยกันปลอบใจ และค้นหาเหล็กในตามร่างกาย
นอกจากนี้มีผู้สูงอายุแพ้พิษมีอาการหายใจไม่ออก รวมทั้งผู้ที่มาร่วมงานได้พากันใช้เสื้อคลุมศีรษะ และวิ่งหลบฝูงผึ้งและแตนที่บินว่อน เจ้าหน้าที่กู้ชีพสว่างเมตตาฯ และรถรพ.มหาราชนครราชสีมาได้คัดกรองอาการเบื้องต้น กรณีไม่มีอาการแทรกซ้อนนำไปรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโนนฝรั่ง ต.หัวทะเล ส่วนกลุ่มเสี่ยงนำไปที่ รพ.มหาราช เบื้องต้นมีจำนวนกว่า 30 ราย
จากการสอบถามนายวัชรินทร์ มะลุมกลาง อายุ 33 ปี ครูโรงเรียนปิยะศึกษา ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ในช่วงที่กำลังเตรียมขบวนกฐินสามัคคี เพื่อแห่รอบโบสถ์ จนประชาชนจำนวนมากได้เข้ามาเตรียมพร้อมรอบพระอุโบสถให้ครบ 3 รอบช่วงเข้ารอบที่ 2 บริเวณทิศตะวันออกของอุโบสถที่ชายคาหลังคามีรังผึ้งหลวงขนาดใหญ่อาศัยอยู่บริเวณใต้หลังคา ด้านหน้าและด้านหลังโบสถ์และรังแตนตามต้นไม้ใหญ่นับแสนตัวได้แตกตื่น ความดังของเสียงทุ้มหรือเบสที่กระหึ่ม พากันบินมาต่อยขบวนแห่กฐิน ต้องพากันวิ่งหนีแตกกระเจิง ส่วนผู้ที่ควบคุมเครื่องเสียงได้รับบาดเจ็บต้องทิ้งรถหนีเอาตัวรอด ปล่อยให้เครื่องปั่นไฟทำงาน โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปปิดสวิตซ์
โดยเฉพาะผู้สูงอายุเป็นชายอายุ 80 ปี หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บถูกผึ้งหลวงกว่า 30 ตัวรุมต่อยบริเวณใต้ตาแก้ม และแขน พร้อมทั้งมีเด็กนักเรียนหญิง 2 ราย อายุประมาณ 15 ปี ถูกผึ้งต่อยเข้าที่กลางหลังมีอาการหายใจไม่ออก จึงได้ให้รถพยาบาลเร่งนำส่งเพื่อรักษาต่อที่โรงพยาบาล
จากการสังเกตตนพบว่าบรรดาผึ้งหลวงได้มาอาศัยอยู่ใต้หลังคาโบสถ์มีเวลานานกว่า 2 ปีแล้ว และจะสร้างรังไว้รอบโบสถ์มีลังใหญ่อยู่ 2 รัง ด้านหน้าและด้านหลังโบสถ์ส่วนกิจกรรมการแห่ภายในโบสถ์นี้มีตลอดทั้งปี ไม่พบว่ามีการถูกผึ้งหลวง และแตนโจมตีหรือแตกรังออกมาต่อยคนเหมือนกับเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด
คาดว่าเหตุที่เกิดขึ้นวันนี้อาจเป็น เพราะมีเสียงดังเกินไปจนทำให้ผึ้งหลวงแตก หลังลงมาทำร้ายผู้คนอย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางวัดและโรงเรียนได้ประสานให้ทางเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลหัวทะเลมากำจัดรังผึ้งอยู่บ่อยครั้ง เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับพระญาติโยม และนักเรียน แต่บรรดาผึ้งหลวงก็ยังย้ายกลับมาทำรังอยู่เช่นเดิม
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลตำบลหัวทะเลได้นำอุปกรณ์มาเผากำจัดรังของผึ้งหลวง พบว่าผึ้งมีการทำรังอยู่รอบโบสถ์หลายรัง แต่รังที่มีขนาดใหญ่มี 2 รัง อยู่หน้าโบสถ์ และหลังโบสถ์อย่างละรัง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 50 ซม. ซึ่งการจะกำจัดผึ้งหลวงครั้งนี้จะต้องเผาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คาดว่าผึ้งหลวงดังกล่าวจะตื่นตกใจกับเสียงของรถแห่จึงได้แตกรังบินเข้ามารุมต่อยทำร้ายผู้คนที่เข้ามาร่วมบุญในงานแห่กฐินในครั้งนี้
Advertisement