พ่อน้องหญิง เปิดใจ หลังทนายตั้มเคยว่าคดีให้คู่กรณี จากฆาตกรรมให้เป็นอุบัติเหตุ ซึ้งใจ อัจฉริยะ ช่วยคดีฟรี ส่วนตั้มขอให้เป็นไปตามกรรม
จากกรณีครอบครัวของ น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช หรือ น้องหญิง วัย 19 ปีที่เสียชีวิตปริศนา โดยผู้ต้องหาอ้างว่า ตกรถเทรลเลอร์ พร้อมด้วยนาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม เคยเดินทางมาร้องเรียน และร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผบ.ตร. สมัยดำรงตำแหน่งเป็น ผบช.ภ.1 ในตอนนั้น
โดยทางทนายตั้มพยายามเปลี่ยนคดีน้องหญิงตกรถให้เป็นแค่อุบัติเหตุ รอดในศาลชั้นต้น แต่สุดท้ายฎีกาให้ความยุติธรรมน้อง เพราะตรวจพบรอยช้ำหลายจุดจากการโดนตีหัวด้วยของแข็ง จนลูกความทนายตั้มโดนพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต
ซึ่งเหตุเกิดตั้งแต่ปลายปี 2561 ที่ผ่านมา และจนวันนี้ทางทนายตั้มก็เจอวิบากกรรมอยู่ในตอนนี้
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 9 พ.ย. 67 นาย สุบิน ยาวิราช อายุ 47 ปี พ่อของ น.ส.นรีกานต์ เล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตั้งแต่เริ่มตั้นของคดี ตนก็ไปร้องกับนายอัจฉริยะ ให้เข้ามาช่วยเหลือในคดีนี้ แล้วตอนหลังก็มีทนายท่านนึงที่เข้าไปช่วยของฝั่งจำเลยแล้วเขาก็ออกไป จนทนายตั้มก็เข้ามาแทน มาช่วยฝั่งโน้น โดยการสู้คดีศาลชั้นต้นได้ตัดสินของคดีว่าให้ยกฟ้อง ทางจำเลยตอนนั้นทางทนายตั้มได้เข้ามาช่วยเหลือฝั่งเขาแล้วคือจริงๆ แล้วทางคดีนี้ถ้าตั้งแต่เริ่มเหตุการณ์ตั้งแต่ที่น้องตกรถทางประชาชนทั่วไปที่มองก็คือคงไม่ใช่อุบัติเหตุ
ส่วนที่ทนายตั้มถอนตัวไปตอนไหนนั้น คือว่าทนายตั้มช่วยสู้คดีจนสุดถึงฏีกา พอศาลอุทธรณ์เราก็ไปหาข้อมูลใหม่ๆ เข้ามา เพื่อยื่นต่อศาลอุทธรณ์ พอถึงขั้นศาลอุทธรณ์เราก็ชนะคดีศาลตัดสินให้จำเลยจำคุกตลอดชีวิต
นาย สุบิน กล่าวต่อว่า ทางนายอัจฉริยะได้เข้ามาช่วยเหลือเราตั้งแต่แรก เลยพาไปกองปรามฯ พาไปร้อง ทำทุกอย่างเลย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งในตอนนั้นก็มีหลายคนถามเขามาว่านายอัจฉริยะเรียกร้องอะไรไหม ตนเองต้องให้เครดิตเขาเลย และต้องขอบคุณนายอัจฉริยะมากๆเลย ว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ตนเองไม่เคยควักเงินเลยสักบาท มีแต่เขาคอยช่วยจ่ายค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าข้าวให้ตนเอง
“อยากฝากถึงพี่อัจฉริยะว่า ก็ขอบคุณพี่อัจฉริยะมาก ถ้าไม่มีพี่ ลูกผมคงจะตายฟรี คดีคงจะไม่ถึงศาลฏีกา คงจะจบด้วยลูกสาวตายฟรี และอยากฝากถึงทนายตั้มว่า เขาทำอะไรไว้ก็ขอให้เป็นไปตามผลกรรมที่เขาเคยทำ ตอนนี้เยอะมากที่เขาเจอ ใครทำอะไรไว้ก็ขอให้ได้รับผลกรรมไปตามนั้น ก็ขอให้เป็นไปตามกรรมของการกระทำ”
Advertisement