เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 63 พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อโควิด-19 เปิดเผยว่า หลังจากผ่อนคลายมาตรการระยะ 2 ให้สามารถดำเนินกิจกรรมและกิจการ ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดในเกณฑ์ปานกลาง แต่มีผลทางเศรษฐกิจและสังคมได้ และจะประเมินผลก่อนนำไปสู่การพิจารณาผ่อนคลายมาตรการระยะ 3 ต่อไป ซึ่งจะต้องพิจารณาควบคู่ไปกับการพิจารณาเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะครบกำหนดใช้ในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ต้องมีความสอดคล้องกันด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับ มาตรการผ่อนคลาย
- กทม.สั่งเปิด 10 สถานที่ จัด จนท.คุมเข้ม หลังมีมาตรการผ่อนปรนระยะ 2
- เคาะผ่อนปรนระยะ 2 เปิดห้างฯ 17 พ.ค.นี้ 10 โมงถึง 2 ทุ่ม - เคอร์ฟิว ปรับเป็น 5 ทุ่มถึงตี 4
- “อนุทิน” ลงพื้นที่ดูความพร้อมห้างสรรพสินค้า ก่อนเปิดกิจการในระยะต่อไป
- ศบค.เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการผ่อนปรน ระยะที่ 2 กิจการ 3 กลุ่มต่อไปเช็กเลย!
ดังนั้น สมช.จะประชุมในวันที่ 21 พ.ค. 63 เวลา 11.00 น. ว่าจะขยายเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ โดยคาดว่าจะได้ผลสรุปเบื้องต้น จากนั้นจะเสนอตามขั้นตอนต่อไป โดยเสนอต่อ ศบค.ชุดใหญ่ และครม.พิจารณา ทั้งการผ่อนปรนระยะที่ 3 และการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยคาดว่าจะประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ช่วงใกล้ครบเวลา 14 วันหลังผ่อนคลาย ดังนั้นการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 อาจใช้ได้ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.นี้
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการผ่อนปรนมาตรการในระยะที่ 1 และ 2 พบว่าประชาชนมีความเคร่งครัดและให้ร่วมมือ ส่งผลให้ตัวเลขการติดเชื้อภายในประเทศ และการปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่สิ่งที่กังวลคือการติดเชื้อจากภายนอกประเทศ ที่ต้องหามาตรการและแนวทางที่เหมาะสมมารองรับก่อนที่จะมีการทยอยเปิดให้เดินทางระหว่างประเทศ