จากกรณีสาววัย 18 หนีออกจากบ้านและแจ้งมูลนิธิแห่งหนึ่งว่าถูกพ่อข่มขืนมาตั้งแต่อายุ 11 ปี และถูกบังคับให้ทำแท้งหลายครั้งด้วยวีธีต่างๆ
ล่าสุดนายอภิชาติ หรือพ่อคนดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวีว่า ตนไม่ได้มีพฤติกรรมแบบที่ถูกกล่าวหา ตนไม่ใช่คนเลวที่ข่มขืนลูก แต่ยอมรับเป็นคนช่วยลูกทำแท้งครั้งเดียว ที่ลูกตั้งท้องไม่เกี่ยวกับตน ตัวลูกเองที่ชอบออกไปเที่ยวกับแฟน และเพื่อนลูกเคยบอกกับตนว่าลูกเคยคุยกับเพื่อนว่าจะหาเรื่องแจ้งจับตน เพราะตนไม่ต่องการให้ลูกมีแฟน
ส่วนเรื่องที่ช่วยลูกทำแท้ง ตนต้องการทำให้ลูกสบายใจเลยต้องเอาร่างขอเด็กไปทำพิธี โดยการเผาซากทารก และเอาสายสิญจ์พันตัวเด็กไว้ ลูกจะได้ไม่มีปมคาใจว่าเป็นคนทำ แต่ตนทำเอง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดสงสัยว่าลูกอาจจะโกรธตน ถ้าหากมีการตรวจร่างกายน้องแล้วมีร่องรอยอสุจิในตัว อภิชาติชี้แจงว่าตนเคยสำเร็จความไคร่ ซึ่งอาจจจะมีน้ำอสุจิเปื้อนกางเกง ลูกสาวอาจจจะเอาเสื้อผ้าที่เปื้อนไปสัมผัสร่างกาย เพื่อจะได้แจ้งจับตน
"ถ้าผมทำประหารผมเลย ผมยังหวังว่าลูกจะสำนึกได้เล่าความจริงว่าโกรธพ่อเรื่องอะไร "
ด้าน นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม เผยข้อมูลในกรณีนี้ว่าที่บอกว่าลูกสาวเอาอสุจิพ่อไปใช้เพื่อแจ้งจับพ่อข่มขืนว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะอสุจิอยู่นอกร่างกายได้ไม่เกิน 20 นาที ยิ่งอยู่บนเสือผ้าความแข็งแรงยิ่งน้อยลง เป็นไปไม่ได้ที่สุจิที่เปื้อนกางเกงพ่อ แล้วเด็กเอาไปถูช่องคลอดจนตั้งครรภ์ขอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน