ความคืบหน้าคดีพบศพถูกฆ่ายัดกระสอบฝังดิน บนเนินเขาป่าสวนยาง ในพื้นที่หมู่ 9 ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จ.สงขลา และเหลือเพียงโครงกระดูกคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วเกือบ 1 เดือน โดยมีคนไปพบศพเมื่อวานนี้ (22พ.ค.)
ล่าสุด วันที่ 23 พ.ค.63 ตำรวจรู้ตัวผู้เสียชีวิตแล้วคือ นาย ชาญชัย ปลอดแก่นทอง อายุ 21 ปี ชาวจ.พัทลุง และมารับจ้างกรีดยางอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ โดยตำรวจได้เชิญตัวนางสาวกุ้ง ภรรยา มาสอบสวนและยืนยันว่า เป็นศพของสามี ทั้งจากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ ทั้งสร้อยคอ นาฬิกา ไฟแช็ก บุหรี่ ยาดม และชุดที่สวมใส่
จากการสอบสวนางสาวกุ้ง ทราบว่า สามีได้หายไปตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่สำคัญยังบอกอีกว่าคนที่ฆ่าสามี น่าจะเป็นฝีมือของ นายอรุณ ปลอดแก่นทอง อายุ 41 ปี พ่อแท้ ๆ ของสามี จากปัญหาเรื่องชู้สาว เนื่องจากตัวเธอกับพ่อของสามีเคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน และสามีจับได้ทำให้พ่อลูกคู่นี้ทะเลาะกันหลายครั้ง โดยวันสุดท้ายที่สามีหายตัวไปคือวันที่ 30 เม.ย. ซึ่งได้ออกไปกรีดยางกับพ่อเพียงสองคนที่ป่าสวนยางใกล้กับจุดที่พบศพถูกฝังอยู่ แต่พ่อกลับมาคนเดียว จากนั้นทั้งหมดจึงได้เดินทางกลับไปอยู่ที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง กระทั่งมีคนไปพบศพและเรื่องจึงแดงขึ้นมา
ขณะเดียว พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา พร้อมฝ่ายสืบสวนสอบสวน ได้เข้าไปตรวจสอบเก็บหลักฐานภายในห้องเช่าเลขที่ 27/9 หมู่ 8 บ้านปลักลำเพ็ง ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม ซึ่งครอบครัวนี้มาเช่าอยู่ด้วยกัน 6 คน ทั้งนายชายชัยภรรยาและลูกสาว พ่อกับแม่เลี้ยงและน้องชายอีก 1 คน โดยเก็บพยานวัตถุไปตรวจสอบประกอบคดี
พล.ต.ต.ทิวธวัช บอกว่า เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานคดีนี้โดยเก็บรายละเอียดทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง และกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนนายอรุณ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัย
น.ส.กุ้ง ภรรยาผู้ตาย บอกว่า ได้มาอาศัยอยู่กับสามีที่ห้องพักหลังดังกล่าว ซึ่งยอมรับว่าพ่อสามีเคยบังคับข่มขื่นหลายครั้ง และเคยมีสัมพันธ์กันแต่สามีไม่รู้ จนกระทั่งคุยกับพ่อสามีว่าต้องการหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจ
และหลัง ๆ นายอรุณก็มีอาการหึงสามีด้วย จนถึงขนาดเคยขู่ว่า "เดี๋ยวกูจะฆ่ามัน" ตอนนั้นยอมรับว่าตกใจมากจึงไปบอกสามี ซึ่งสามีก็ได้แต่รับรู้ แต่ไม่ได้พูดอะไร
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายอรุณ ปลอดแก่นทอง ผู้ก่อเหตุ มาสอบสวนที่ สภ.นาหม่อม เพื่อทำการสอบปากคำ ในเบื้องต้นเจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ โดยผู้สื่อข่าวพยายามถามว่าพ่อเป็นคนฆ่าลูกชายใช่หรือไม่ แต่เจ้าตัวบอกเพียงว่า "ลูกชายผม ผมจะฆ่าได้อย่างไร"
ซึ่งภายหลังการสอบปากคำเจ้าตัว ยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากมีปากเสียงกับลูกชาย เพราะลูกชายเสพยาและพยามที่จะทำร้ายตนเอง จึงลงมือฆ่าก่อนนำไปฝังดินเพื่ออำพราง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ก่อเหตุไปชี้จุดเกิดเหตุเพื่อประกอบสำนวน และขอขมาลูกชายที่จุดเกิดเหตุ โดยเจ้าตัวได้ขอขมาว่า "ถ้าพ่อไม่ฆ่ามึง มึงก็ฆ่าพ่อ อโหสิให้พ่อนะ"
โดยผู้ก่อเหตุอ้างว่า คืนวันที่ 30 เม.ย. เวลาประมาณ 4 ทุ่ม ตนเองและลูกชายได้ออกจากบ้านไปจากบ้านเพื่อไปกรีดยางตรงจุดเกิดเหตุ โดนตนขับรถจักรยายนต์นำ และลูกชายขับรถจักรยายนต์ตามขึ้นไป โดยระหว่างเก็บน้ำยางเสร็จก็เริ่มมีปากเสียงทะเลากับ จังหวะที่ตนก้มกำลังหยิบแกลลอนน้ำยางอยู่ จู่ ๆ ลูกชายก็เอามีดเหน็บที่พบมาแทงตน แต่ตนหลบได้จึงแย่งมีดไป และได้ปาดคอลูกชายจนเสียชีวิต และเอากระสอบที่ใช้ขนน้ำยางคลุมศพลูกชายไว้ ก่อนจะเอามีดที่ใช้ก่อเหตุกว้างทิ้งลงไปในป่าทึบ
หลังจากนั้นก็ขับรถจักรยายนต์กลับไปบ้านเวลาประมาณตี 1 ของวันที่ 1 พ.ค.63 เพื่อไปเอาจอบขึ้นมาที่เกิดเหตุ ก่อนจะขุดหลุมและแบกศพของลูกชายลงไปฝังกลบปากหลุมด้วยดิน จากนั้นเอาจอบที่ใช้ขุดหลุมไปกว้างทิ้งใกล้กับจุดที่ขว้างมีด และเก็บแกลลอนน้ำยางขึ้นจักรยายนต์ขนลงไปที่ตีนเขาด้านล่าง และเดินเท้าขึ้นมาเอารถของลูกชายลงมาที่ตีนเขา หลังจากนั้นก็สลับไปขับรถที่ขนน้ำยางเพื่อที่จะกลับบ้านและใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนรถลูกชายที่จอดไว้ที่ตีนเขาได้หายไป
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หลังจากนี้จะทำการสอบสวนและดำเนินการส่งฟ้องศาลต่อไป