เป็นนางงามนักสู้ตั้งแต่อยู่บนเวทีประกวดและก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงเลยก็ว่าได้ สำหรับ "น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์" แต่เพราะความเฉิดฉายและความเป็นคนที่สู้คน ไม่ยอมแพ้ใครแม้จะมีคนดูถูกเจ้าตัวก็ได้พิสูจน์ถึงความสามารถให้ทุกคนยอมรับในตัวเองให้ได้ น้ำตาล ที่ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ทั้งที งานนี้ เจ้าตัวก็ได้มาโชว์สเต็ปการเดินแบบเรียกเสียงมือตบสนั่นสตู ก่อนที่จะเปิดใจเล่าเส้นทางว่ากว่าที่เข้าสู่วงการบันเทิงไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ ในช่วงประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 ตัวเอง เคยโดนบูลลี่หนักจนแทบคืนมงกุฎ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“น้ำตาล ชลิตา” ยันไม่ได้เอาคืน “เพชร ปากปลาร้า” รับเป็นแค่ FC
ถอดมงฯ องค์ลงแพร๊บ! "น้ำตาล ชลิตา" เดือดชาวเน็ตอ้างตัวเป็นวงในแฉ ไม่ไหว้อาจารย์
"ความสวยไม่ใช่แค่ภายนอก" น้ำตาล ซัดกลับป้อง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 หลังโซเชียลด่าไม่สวย!
น้ำตาล : ตอนนั้นก็รู้สึกแบบ ยังไงดี จะคือหรือไม่คืนดี
ถาม แต่ถ้าคืนมงกุฎก็ต้องคืนเงินรางวัลด้วยนะ
น้ำตาล : นั่นแหละค่ะ ประเด็นเลย เราก็เลยโอเคเก็บไว้ดีกว่าเพื่อครอบครัว
ถาม สุดท้ายมงก็ลงจริงๆ ตอนมงลงเสร็จแล้วอย่าลืมนะว่าโลกโซเชี่ยลในยุคนี้ ซึ่งก็เป็นคนนึงที่ต้องบอกว่าโดนบูลลี่หนักมาก
น้ำตาล : เยอะมากค่ะ มีไดเร็คแมสเสจมาด้วยค่ะ “ให้ไปคืนมงเถอะมันไม่เหมาะสม” ซึ่งจริงๆแล้วเราก็รู้สึกได้นะคะว่าเราไม่ได้สมกับมงในตามรูปแบบที่เขาต้องการ จะต้องเป๊ะๆๆทุกอย่างอะไรแบบนี้
ถาม แล้วเป๊ะๆๆทุกอย่างมันคืออะไร?
น้ำตาล : หนูก็คิดว่าคนเราความคิดมันก็ไม่เหมือนกัน ความสวยในแบบของเขา ความสวยในแบบของอีกคนหนึ่งมันจะแบบเหมือนกันหรือเปล่า มันก็ไม่เหมือนกันใช่ไหมคะ
ถาม พอเจอวิพากษ์วิจารณ์ เป็นข่าวเรารู้สึกยังไง ไม่อยากไปแล้วประกวดระดับโลก เป็นไหม?
น้ำตาล : ตอนแรกๆรู้สึกตกใจนะคะ เพราะเราไม่เคยอยู่ในวงการมาก่อน ซึ่งมันรุนแรงมากๆเลย เราตกใจว่าเราเพิ่งได้เอง เรายังไม่ทันได้พิสูจน์อะไรเลย ยังไม่ทันทำอะไรเลย ทำไมถึงด่าว่าเราแล้ว คือไม่ยอมรับเราแล้วก็เลยรู้สึกว่าเหนื่อยกับตัวเองช่วงแรกๆค่ะ ตอนแรกพยายามไม่อ่านแต่เหมือนมันก็มีเสียงมาให้เราได้ยินตลอดเวลา พอหลังมงเราได้เรียนเราได้ทำนู้นทำนี่ เราทำอะไรออกไปพอปรากฎออกสื่อทีไรเราก็โดนด่าตลอด จนเหมือนวันนึงเราก็ท้อ นั่งร้องไห้เลยค่ะ พี่นุ่มเขาก็มาบอกเราว่า เนี่ยทำไมถึงไม่ทำให้มันเต็มที่ ผู้หญิงหลายคนอยากมายืนอยู่ตรงนี้มากๆ แต่เราได้สิทธิ์ตรงนี้แล้วทำไมเราไม่สู้ ทำให้คนอื่นเขาเห็น ถ้าสมมุติตาลท้อแล้วตาลไม่อยากทำแล้ว ตาลคืนมงได้เลย เขาบอกแบบนี้
ถาม จริงๆเป็นความใฝ่ฝันของเราไหมการที่อยากจะเป็นนางงามเนี่ย?
น้ำตาล : จริงๆเราดูนะคะ แต่ไม่ได้ใฝ่ฝันเพราะว่าจากที่ประกวดตอนนั้น พอตุ้บแล้วเราก็ไม่อยากไปทางนั้นเลย เพราะรู้สึกว่าเราไม่ใช่สายนางงาม จากที่เราดูมาดูแบบลุคส์ก็คือเป็นลูกครึ่ง ลุคส์เป็นคุณหนูๆนิดนึง เราดูไทยมาก
ถาม แล้วสู้ชีวิตยังไงคะ
น้ำตาล : ครอบครัวหนูก็ลำบากตั้งแต่เด็กค่ะ คือไม่ได้ร่ำรวยหรือมีฐานะอะไรมากมาย เราก็หาเช้ากินค่ำค่ะ ทุกๆปิดเทอมหนูก็จะไปทำงานที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่อยากไปทำก็เพราะว่าอยากได้ภาษาอังกฤษด้วย บ้านอยู่กรุงเทพค่ะแต่ไปเรียนที่นู้นตอนมหาวิทยาลัย กลับมาทำงานพาร์ทไทม์เป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารสนามบิน อยากได้ตังค์ ตอนนั้นอยากซื้อกล้อง แล้วก็อยากช่วยพ่อกับแม่ด้วย
ถาม สมมุติว่าไม่ได้เป็นนางงาม เคยคิดไว้ไหมว่าเดี๋ยวเรียนจบจะทำอะไร?
น้ำตาล : ตอนนั้นคงจะอยู่ในห้องแล็ปเป็นนักวิทยาศาสตร์มั้งค่ะ เพราะว่าเราก็เรียนมาทางสายนั้นอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราได้ทำทางสายนั้นก็โอเค มันมีหน้าที่การงานรองรับอยู่แล้ว
ถาม ระหว่างทางที่เราได้มงกุฏที่จะไปสู่มิสยูนิเวิร์ส เราต้องทรนด์ เราต้องปรับตัว จริงๆการที่ต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นเรื่องยากมากนะ ?
น้ำตาล : ก็ในเมื่อเรามาอยู่ตรงนี้แล้ว เป็นตัวแทนประเทศไทยแล้ว ในนามของประเทศไทยแล้ว เราไม่ได้ในนามของ ชลิตา ส่วนเสน่ห์ แต่มันเป็นไทยแลนด์อยู่ด้วย เราก็เลยรู้สึกว่าฉันอยากทำให้ได้ มันหลายปีมากแล้วที่ไทยแลนด์เราไม่ได้เข้าลึกๆ เราก็รู้สึกว่าเราต้องไฟลท์ เราจะต้องทำเพื่อตัวเอง เราจะต้องทำเพื่อประเทศของเรา แล้วเราก็อยากจะพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็นด้วย บวกกับโดนด่าเยอะก็เลยต้องพัฒนาตัวเองให้เขาเห็น
ถาม แสดงว่าลึกๆแล้วน้ำตาลเป็นคนสู้
น้ำตาล : ใช่ค่ะ เป็นคนที่ค่อนข้างไฟลท์ คืออะไรที่เราไม่ได้ทำ หรืออะไรที่เราแบบอยากจะพิสูจน์ตัวเองเราจะต้องทำให้ได้ จะเป็นคนแบบนี้
กว่าจะมาเป็น น้ำตาล ชลิตา มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์” ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ทำให้วันนี้เรามีดาวมาประดับวงการบันเทิงอีก 1 ดวง
ชมคลิป
Advertisement