ลุงโจ๋หื่นขืนใจเด็ก 12 โชว์พระสาบานลั่นไม่คุกคาม พี่เหยื่อผวาออกคุกมาแก้แค้น (คลิป)

16 มิ.ย. 63

จากกรณีที่ญาติพาด.ญ.วัย 12 ปี เข้าแจ้งความที่สภ.เมืองสุพรรณบุรี ว่าถูกกลุ่มเครือญาติ 7 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 คน และเยาวชน 2 คน รุมข่มขืนมานาน 2 ปี จนด.ญ.เริ่มมีอาการผิดปกติ ปวดท้องอย่างหนัก กระทั่งต่อมาตำรวจ ได้ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับและเข้าจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นผู้ใหญ่ 5 คน ส่วนเยาวชนอีก 2 คน ผู้ปกครองพาเข้ามอบตัว

544284

อ่านข่าวเพิ่มเติม

- สลดเด็ก ป.6 ถูกญาติ 7 คนขืนใจน้อง 10 ขวบร่วมด้วย ผู้ต้องหาโต้ถูกใส่ร้าย 
- แก๊งหื่นขยี้กามเด็ก 12 โต้แค่ใช้นิ้ว-อมนกเขา ลูกสาวหวั่นพ่อโดนจับสู้หน้าสังคมยาก 

345671

ล่าสุดวันที่ 16 มิ.ย.63 เวลา 12.00 น. นายน้ำแท้ มีบุญสล้าง อัยการศาลแขวง จ.สุพรรณบุรี พร้อมนางวันเพ็ญ ขุนทอง อัยการจังหวัดคดีเยาวชนและครอบครัวสุพรรณบุรี นายสุจินต์ นายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี หัวหน้า พม.สุพรรณบุรี ได้ลงพื้นที่เข้ามาตรวจสอบ เพื่อสอบถามกับพี่สาวของเหยื่อ เนื่องจากเรื่องนี้นั้นเป็นเรื่องสะเทือนใจ ที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน ดังนั้นการดำเนินการจึงต้องใช้ทีมสหวิชาชีพ ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย

423651

ส่วนทางพี่สาว ซึ่งเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลให้กับทางราชการ ก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะได้ข่าวว่าทางญาติพี่น้องผู้เสียหายได้มาข่มขู่ต่อว่า จึงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย พร้อมมีการประสานให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกเทศมนตรี ผู้นำชุมชน ในพื้นที่ ได้ดูแลเรื่องความปลอดภัย

ทั้งนี้จากการมาดูสภาพแวดล้อมในวันนี้ ก็พบว่าบ้านของพี่สาวเหยื่อนั้น ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน กับบ้านของผู้ก่อเหตุ เนื่องจากเป็นเครือญาติกันทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ก็ได้สอบถามพูดคุยกันว่า มีความเกรงกลัวหรือจะไม่ได้รับความปลอดภัย ซึ่งทางหน่วยงานราชการก็ยินดีจะจัดหาสถานที่เหมาะสะให้พักอาศัยในเบื้องต้นก่อน โดยได้ประสานไปยังกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สุพรรณบุรี

837456

นายน้ำแท้ อัยการศาลแขวง จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า วันนี้เดินทางพร้อมเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวของทุกแขนง เดินทางลงพื้นที่อยากพูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ของพี่สาวเหยื่อ และแม่ จากนั้นได้ตรวจดูสภาพแวดล้อมภายในที่อาศัยของเหยื่อว่าอยู่กับใครบ้าง และได้พูดคุยกับพี่สาวในเรื่องการช่วยเหลือ การคุ้มครองพยาน  จากที่พูดคุยสัมผัสพี่สาวก็มีความกังวล ได้แจ้งพี่สาวแล้วว่ามีการข่มขู่จากญาติของผู้ต้องหา หรือเครือญาติให้โทรศัพท์ไปที่ผู้นำชุมชุน หรือนายอำเภอในพื้นที่รับผิดชอบ

โดยเบื้องต้นจะให้ไปอยู่ที่พักเด็ก จ.สุพรรณบุรี ที่ค่อนข้างพร้อมและมีสภาพแวดล้อมที่ดี สามารถที่จะรับพี่สาวไปอยู่ด้วยได้ หากทางพี่สาวเห็นว่าอยู่ที่บ้านไม่ปลอดภัย จะช่วยเหลือเต็มที่ ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาทราบว่าตัวพี่สาว ได้เดินทางไปพักกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ หลังได้ทราบว่ามีผู้ต้องหา 1 ราย ได้รับการประกันตัวออกมา หากเกรงกลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย ก็จะได้หาที่อยู่ที่มีความปลอดภัยให้

896858

ด้านพี่สาวเด็ก เปิดเผยว่า เมื่อรู้ว่ามีผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกมาก็นอนไม่หลับ เมื่อคืนต้องไปขอนอนบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นลุงและก็มีนายกและผู้ใหญ่บ้าน อยู่เป็นเพื่อนคอยดูแล ตอนนี้กังวลและจิตตกไปแล้ว กลัวและระแวงไปหมด จนยอมตัดใจที่จะไปอยู่บ้านพักเด็ก ยอมรับว่ากลัวมาก ถ้าเข้าไปอยู่บ้านพักเด็กยังไม่รู้ว่าจะได้ไปอยู่ใกล้ชิดกับน้องหรือไม่ แต่เรื่องความปลอดภัยจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้ตลอด ตอนนี้ถูกกดดันจากญาติว่ากุเรื่องขึ้นมา แต่ตนช่วยเหลือน้องเพื่อความถูกต้อง ซึ่งในช่วงบ่ายก็ได้มีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ติดต่อมาให้เตรียมตัวเพื่อพาไปอยู่ข้างนอก แต่ตนยังเป็นห่วงแม่ เพราะไปชวนแล้วแม่ไม่ไปด้วย จึงแจ้งไปว่าขอนอนคิดอีก 1 คืนก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อได้ 24 ชม.

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า วันนี้ช่วงบ่ายได้นำหมายเรียกไปส่งให้ผู้ปกครองเด็กที่เป็นเยาวชนทั้ง 2 คนในคดี เพื่อให้ผู้ปกครองพาเข้ามาพบเพื่อทำการสอบสวนพร้อมกับทีมสหวิชาชีพ ในวันที่ 18 มิ.ย.63

263378

สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 5 รายจะมีพฤติกรรมแตกต่างกันไปดังนี้

1. นายอนันต์ นรินทร์นอก อายุ 51 ปี ชาวอ.เมืองสุพรรณบุรี มีพฤติการณ์กระทำชำเรากับเหยื่อที่บ้านของผู้ต้องหาเอง จนสำเร็จความใคร่และสอดใส่ โดยข่มขู่ว่าหากไปบอกใครจะทำร้าย และกระทำการหลายครั้ง ในครั้งล่าสุดวันที่ 3 มิ.ย.63

2.นายทรงวุธต์ หันกลาง อายุ 21 ปี ชาวอ.เมืองสุพรรณบุรี มีพฤติกรรมบังคับขู่เข็ญกระทำชำเราเหยื่อที่บ้านพักตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.61 เรื่อยมา โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งสุดท้ายเดือน พ.ค.63 ในขณะที่ไม่คนอยู่บ้าน

3.นายประเชิญ ชาวปลายนา อายุ 32 ปี ชาวอ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี กระทำชำเราในบ้านของเหยื่อหลายครั้งในห้องน้ำ และข่มขู่ว่าจะฆ่า ถ้านำเรื่องไปบอกคนอื่น

313257485713

4.นายพะเยาว์ เรืองฤทธิ์ อายุ 32 ปี ชาวอ.เมืองสุพรรณบุรี เป็นคนในละแวกใกล้เคียง เข้าไปข่มขืนกระทำชำเราเหยื่อขณะที่ไม่มีคนอยู่ โดยให้เหยื่อสำเร็จความใคร่ให้

5 นายสุรัตน์ ภูฆัง อายุ 34 ปี ชาวอ.เมืองสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นลูกเขยของนายอนันต์ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกับเหยื่อ บังคับให้เหยื่อสำเร็จความใคร่ให้วันเว้นวัน วันสุดท้ายก็คือวันที่ 3 มิ.ย.63

680342

ทีมข่าวเดินทางมาที่ บ้านพัก ต.ตลิ่งชัน อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องขัง และผู้เสียหาย ตั้งรวมกันหลายหลัง ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายแจ็ค นามสมมติ อายุ 56 ปี ลุงของนายโด้ และมีศักดิ์เป็นลุงของน้องผู้เสียหาย เปิดใจว่า ขอยืนยันว่าตนไม่ได้ไปคุกคามฝ่ายผู้เสียหาย พร้อมกับยกสร้อยพระหลวงปู่ทวดออกมา เพื่อสาบานว่าเป็นความจริง หลังจากเกิดเรื่องตนยังไม่ได้เจรจากัน แต่ตนยอมรับว่าได้พูดคุยกับแม่ของผู้เสียหาย และพูดด้วยความน้อยใจว่า “ต่อไปนี้ มึงก็ไม่ต้องมานับถือกูเป็นญาติ” แต่ไม่ได้มีปากเสียงกัน ส่วนหลานสาวที่เป็นภรรยาของหนึ่งในผู้ต้อง ตนเห็นว่ามาพูดคุยกัน แต่ไม่ทราบว่าคุยอะไร

943635

โดยสาเหตุที่คนพูดออกไปเช่นนั้น เพราะเรื่องภายในครอบครัว ไม่ยอมมาคุยกันก่อน แต่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ และกลายเป็นตราบาปของเด็ก ทั้งนี้ตนรับปากไม่ได้ว่าผู้ต้องขังทั้งหมดทำจริงหรือไม่ ถึงแม้ว่าคำพิพากษาจะออกมาในสภาพไหน ทางครอบครัวก็ต้องยอมรับ แต่ตนอยากให้ทุกคนพิจารณาจากสภาพแวดล้อมภายในบ้านด้วยว่า จะทำได้จริงหรือไม่

โดยนายโด้ เป็นคนมุทะลุ ตามประสาวัยรุ่น แต่พอว่ากล่าวตักเตือนก็เชื่อฟัง ส่วนหลานอีกสองคน ด.ช.ฟิลม์ กับ ด.ช.เว่น เป็นเด็กขยันทำงาน เชื่อฟังผู้ใหญ่ สุดท้ายนี้ตนอยากจะให้สังคมรอฟังข้อเท็จจริง และ “อย่าเพิ่งไปพิพากษา” เพราะขณะนี้เรื่องอยู่ที่ศาล และส่วนตัวเชื่อว่ายังมีเรื่องราวลึก ๆ ภายในครอบครัวที่คนอื่นไม่รู้ และอยากให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติม

768110

ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ แม่ของนายโด้ ซึ่งมีสีหน้าซึมเศร้า และพูดคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เพราะรู้สึกเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางเล็ก นามสมมติ อายุ 43 ปี เปิดใจว่า ตนได้สอบถามลูกชายทั้งสองคน นายโด้ และด.ช.เว่น และหลานชาย ด.ช.ฟิลม์ ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้ทำ แต่ไม่ได้บอกเหตุผล โดยตนได้เข้าไปเยี่ยมนายโด้ลูกชายแล้ว แต่ไม่ได้ใกล้ชิดกัน ซึ่งสภาพที่ตนเห็นลูกชายมีท่าทางปกติดี แต่ตนก็รู้สึกสงสารลูกชายมากที่ถูกจำคุก และตนคงจะไม่ได้ไปประกันตัวลูกชาย

155043

อย่างไรก็ตาม ตนไม่เชื่อว่าลูกชายทำจริง เพราะลูกชายไม่ค่อยได้อยู่บ้าน และมักจะออกไปทำงานข้างนอก ด้วยการรับจ้างทั่วไป หลังจากเกิดเรื่องตนยังไม่ได้ไปพูดคุยกับฝั่งของผู้เสียหาย และตนยืนยันว่าไม่ได้ไปข่มขู่อีกฝ่าย เพราะตนรู้สึกตกใจ และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก อีกทั้งตนแทบจะนอนไม่หลับ และกินข้าวไม่ลง ทั้งนี้ตนอยากจะกล่าวกับสังคมว่า ขอให้ฟังความทั้งสองข้าง และอยากให้รอศาลตัดสินคดีก่อน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม