It’s Okay to Not Be Okay เดินทางมาถึงอีพี 8 นับเป็นครึ่งทางของซีรีส์เรื่องนี้ ใครที่หลงรักมุนคังแท โกมุนยอง นัมจูรี พี่ซังแท คงลุ้นรอครึ่งท้ายกันสุดๆ ส่วนใครที่ยังไม่ได้เริ่มดู ขอบอกว่า It’s Okay to Not Be Okay คือซีรีส์ที่คู่ควร! และนี่คือ 8 โมเมนท์ละลายหัวใจจาก 8 อีพีแรกในซีรีส์เรื่องนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตื่นเต้น! "คิมซูฮยอน-ซอเยจี" เผยอ่านบทจบ รับเล่น It’s Okay to Not Be Okay ทันที
- ทอล์คออฟเดอะทาวน์! "5 เหตุผล" ต้องดู It’s Okay to Not Be Okay
- ทำความรู้จัก "ซอเยจี" เธอคือความสมบูรณ์แบบที่มีตำหนิ
โกมุนยองสไตล์
“แฟชั่นคือความลำบากและความดื้อด้าน” ความประทับใจอย่างแรกเกี่ยวกับโกมุนยองคือการแต่งตัวของเธอ ทุกการปรากฏตัว เธอเป็นจุดสนใจด้วยความสูง ความสวย เสื้อผ้าแบรนด์เนมซีซั่นใหม่ล่าสุด กระเป๋า รองเท้า การแต่งหน้าและทรงผมที่ประณีต มันไม่ได้เยอะเกินไปจนดูล้น แต่สะท้อนการสร้างเกราะป้องกันความบอบบางข้างใน ด้วยลุคที่ดูแปลกแตกต่าง และแรงเกินกว่าคนปกติ
ในอีพี 1 เราได้ทำความรู้จักเธอในฉากร้านอาหาร นอกจากรูปลักษณ์ภายนอก ยังทำให้เราได้เห็นรายละเอียดของโกมุนยอง ทั้งการใช้ชีวิตหรูหราสวยงาม ถ้วยชามคล้ายหลุดมาจากเทพนิยาย
สายใยของพี่น้อง
ถึงแม้ว่ามุนซังแทจะเป็นพี่ชายออทิสติกที่มุนคังแทต้องคอยดูแลมาตลอด แต่อาการออทิสติกกลับทำให้เขาแสดงความรู้สึกข้างในออกมาอย่างซื่อตรง รัก โกรธ ไม่ชอบใจ ไม่ถูกต้อง แตกต่างจากน้องชายที่เก็บความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ภายใน จนแทบไม่เคยเปิดความเป็นเด็ก ความอยากได้ อยากทำตามใจอะไรออกมาเลย นั่นทำให้หลายๆ ครั้งเป็นมุนซังแทเองที่ทำให้น้องชายตาสว่าง และมองเห็นทางออกของปัญหาได้
“ถ้าเวลาเจ็บปวดจะนอนครางเป็นหมา ฉันไม่เป็นนะ แต่ตอนกลางคืนนานนอนครางเป็นหมาเลย.. เพราะป่วยใจไง เพราะร่างกายซื่อตรง เวลาเจ็บน้ำตาก็ไหล แต่หัวใจขี้โกหก ถึงจะเจ็บปวดแต่ก็ทำเป็นเงียบ” มุนซังแทบอกกับน้องชายเขาอย่างนั้น
ตัดผม ตัดเชือก
“ตอนนี้ฉันเป็นอิสระแล้ว” โกมุนยองที่มองเห็นคังอึนจาดีขึ้นจากอาการป่วยทางจิต จากการยอมรับความจริง ผู้หญิงที่หลุดพ้นจากความรู้สึกผิดที่แบกรับไว้มานาน สิ่งนี้ทำให้โกมุนยองรู้แล้วว่า วิธีที่จะหลุดพ้นจากความกลัวที่หลอกหลอนชีวิตมานาน คือการตัดผมที่เป็นสิ่งผูกติดเธอไว้กับแม่ ฉากที่เธอตัดผมสั้น แล้วนั่งรอมุนคังแทที่บันได ทำให้โกมุนยองกลายเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เฝ้ารอการกลับมาของคนที่รัก และรอยยิ้มที่ยิ้มทั้งหน้าตา เป็นรอยยิ้มแรกของโกมุนยองที่ทำให้เราได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ
ความรักของแม่ผ่านอาหาร
คังซุนดุก แม่ของนัมจูรี เป็นตัวละครที่สะท้อนความเป็นแม่ได้อย่างอบอุ่น เธอมีฝีมือด้านการทำอาหาร เคยเปิดร้าน เคยทำงานหลายอย่างเพื่อเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวหลังจากสามีป่วยจนเสียชีวิตไป ปัจจุบันคังซุนดุกเป็นแม่ครัวประจำโรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ และเปิดบ้านให้คนที่เดือดร้อนมาเช่าอาศัยพร้อมทำอาหารเลี้ยงให้ด้วย
แม่ของนัมจูรีมักจะมาพร้อมความอบอุ่นและใส่ใจเรื่องการกินอิ่มนอนหลับของคนอื่นเสมอ ทั้งในฉากที่เธอทำอาหารอาหารต้อนรับมุนคังแท พี่ชาย และเพื่อน, อาหารกล่องที่ทำไปฝากมุนคังแทและมุนซังแท, ฉากป้อนข้าวลูกสาวที่กำลังเสียใจ, หรือฉากทำอาหารเช้ากับซีอีโอสำนักพิมพ์ที่ทำให้บรรยากาศของบ้านดูอบอุ่น
อ้อมกอดผีเสื้อ
ฉากสุดประทับใจนี้ เป็นฉากประทับใจของนักแสดงคิมซูฮยอนด้วยเช่นกัน เพราะเป็นฉากแรกที่เขาได้ใกล้ชิดกับนางเอกของเรื่อง และยังเป็นฉากที่คนทั่วไปสามารถนำไปใช้ได้จริง เพราะเป็นเทคนิกการปลอบประโลมตัวเองให้จิตใจสงบลง
‘หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไขว้แขนเป็นรูปตัวเอ๊กซ์ แล้วตบบ่าตัวเองสลับไปมาเบา ๆ ทำแบบนี้จะสงบสติอารมณ์ที่พุ่งพล่านได้’ มุนคังแท สอนให้โกมุนยองทำท่าอ้อมกอดผีเสื้อ และเธอเองได้นำไปใช้ในช่วงที่ฝันร้าย
‘อ้อมกอดผีเสื้อ’ หรือ The Butterfly Hug เป็นเทคนิคการบำบัดจิตใจแบบ EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing Therapy – จิตบำบัดเกี่ยวกับบาดแผลทางใจ เหตุการณ์สะเทือนใจรุนแรง หรือความทรงจำที่เจ็บปวด) เป็นเทคนิคลดความเครียดและวิตกกังวลเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ตัวเอง
ตุ๊กตาดักฝันร้าย
“พี่ฉันฝันร้ายเหมือนเธอ ตั้งแต่วันที่แม่เสียไปก็ฝันร้ายมาตลอด ถึงแม้ว่าพี่จะทุกข์ทรมาน แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ทำได้แค่เย็บตุ๊กตาโง่ๆ ให้เท่านั้น” มุนคังแทบอกกับโกมุนยอง หลังจากให้ตุ๊กตาดักฝันร้ายกับเธอ
มังแท คือตุ๊กตาสะพายเป้ไว้คอยเก็บฝันร้าย เป็นตุ๊กตาที่มุนคังแทเย็บให้พี่ชายเพื่อให้หายจากฝันร้าย เขาค้นเจอที่บ้านเช่าและนำมาให้โกมุนยองที่มีอาการฝันร้ายเหมือนกัน ฉากนี้แสดงความใส่ใจของมุนคังแทที่มีต่อคนอื่นๆ โดยเฉพาะกับโกมุนยอง ผู้หญิงที่รู้จักตัวตนข้างในของเขา
บทเพลงคลีเมนไทม์
“ทุกคืนเธอจะร้องเพลงคลีเมนไทม์กล่อมลูกนอน ผู้หญิงคนนั้นร้องโดยรู้ความหมายที่แท้จริงของเพลงนี้ไหมนะ” โกแดฮวาน พ่อของโกมุนยอง พูดถึงภรรยาของเขาที่หายตัวไป
Oh my darling, Clementine เพลงนี้จริงๆ แล้วเป็นเพลงโฟล์คซองคลาสสิกของอเมริกา เคยเป็นเพลงกล่อมเด็กนอนยุคก่อนๆ ด้วยเมโลดี้ที่ฟังสบายๆ แต่ตัวเนื้อเพลงออกจะหดหู่หม่นเศร้าจนไม่น่าเชื่อว่าจะใช้กล่อมเด็กนอนได้ เนื้อเพลงพูดถึงคนงานเหมืองคนหนึ่งที่มีลูกสาวชื่อคลีเมนไทน์ เธอใส่รองเท้าเบอร์เก้า ทุกเช้าเก้าโมงจะพาฝูงเป็ดไปลงน้ำ และวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุให้จมน้ำตาย
ทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้ ถ้าไม่ฟังเนื้อความก็ไม่มีใครจะคิดว่ามันคือความเศร้าและน่าหดหู่ เช่นเดียวกับภรรยาของโกแดฮวาน หรือกระทั่งตัวโกมุนยองเองที่ไม่มีใครรู้ความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจของเธอ ดังนั้นในฉากที่เพลงคลีเมนไทน์ดังขึ้นมา จึงเป็นโมเมนท์ที่ตีความได้ทั้งความรักจากแม่ และความน่ากลัวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
การปรากฏตัวของชเวแดเนียล
ชเวแดเนียล เคยทำงานกับโจยง ผู้เขียนบทของซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay มาแล้วจากซีรีส์ Jugglers โดยในครั้งนี้เขามารับเชิญในบท ชเวแดเนียล ซีอีโอบริษัท ซึ่งเป็นแฟนคลับของนักเขียนโกมุนยอง และในฉากที่เขาปรากฏตัวในร้านกาแฟ ก็ได้ทำให้มุนคังแทเกิดอาการหึงหวงโกมุนยองอย่างที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว.