โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงท่าที หลังอัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา “บอส อยู่วิทยา” ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555 เผยมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีนี้ และไม่ก้าวล่วง ขณะที่ "สิระ เจนจาคะ" เตรียมเรียก อสส.-ผบ.ตร. แจงปมสั่งไม่ฟ้อง “บอส” ยืนยันว่าคุกไม่ได้มีไว้ขังเฉพาะคนจนเท่านั้น และจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ
จากกรณีที่ อัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้อง คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทตระกูลอยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องดื่มชูกำลัง หลังขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์ปฏิบัติหน้าที่ที่ปากซอยสุขุมวิท 49 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 เป็นเหตุให้ตำรวจนายดังกล่าวเสียชีวิต และ อัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา
นอกจากนี้ พันตำรวจเอก สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก. สน.ทองหล่อ ได้ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็น ว่าได้รับทราบจากอัยการถึงการตัดสินใจสุดท้าย เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่าจะไม่สั่งฟ้อง นายวรยุทธ จึงได้แจ้งไปทางนายวรยุทธแล้ว และยกเลิกหมายจับแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "บอส อยู่วิทยา" หลุดทุกข้อหา คดีชนตำรวจตาย
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 กรกฎาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร.ร่วมกับ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ในฐานะ รองโฆษก ตร.แถลงกรณีสำนักงานอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อยู่วิทยา
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ตำรวจได้รับคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในคดีนี้จากสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เห็นควรสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งตำรวจพิจารณาแล้วเห็นควรตามอัยการโดยหลังจากนี้ก็จะดำเนินการตามขั้นตอน ก่อนประสานไปยังอินเตอร์โพลเพื่อถอนหมายจับซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ พร้อมติดตามหาตัวนายวรยุทธด้วยว่าอยู่ที่ใด
ตำรวจไม่สามารถก้าวล่วงเหตุผลการสั่งไม่ฟ้องได้ เนื่องจากการเห็นพ้องหรือแย้งนั้นมีการตั้งคณะทำงานโดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เป็นหัวหน้า ซึ่งอาจจะมีข้อมูลหรือพยานหลักฐานใหม่ทำให้มีความเห็นพ้องตามพนักงานอัยการ แม้ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ ก็ก้าวล่วงเหตุผลสั่งไม่ฟ้องไม่ได้ แต่การจะมีความเห็นแย้งหรือไม่ ต้องพิจารณาตามพยานหลักฐาน ซึ่งปกติแล้วก็ไม่ได้มีเพียงคดีนี้เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องสองมาตรฐานและไม่ใช่กระแสสังคม ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บกพร่องในอดีตก็ดำเนินการทางวินัยเสร็จสิ้นไปแล้ว
ขณะที่วันนี้ (24 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าได้มีการพูดคุยกับ กมธ.เราเห็นตรงกันว่าประชาชนสนใจและสังคมต้องการข้อเท็จจริงว่าเหตุใดอัยการถึงไม่สั่งฟ้อง และตำรวจก็ไม่ทำความเห็นแย้งด้วย ทั้งที่ความจริงก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ชี้มูลว่ามีตำรวจ จำนวน 5 คน กระทำผิดต่อหน้าที่ เนื่องจากช่วยเหลือคดีนี้ ฉะนั้น ทาง กมธ. เห็นว่าเรามีขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่จะสามารถเรียกอัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และตำรวจที่ป.ป.ช.ชี้มูลมาให้ข้อมูลได้ ทาง กมธ.จึงจะได้ทำหนังสือไปถึงบุคคลดังกล่าวมาให้ข้อมูล
โดยคาดว่า กมธ.จะมีการพิจารณาเรื่องนี้ ในวันที่ 29 กรกฎาคมหรืออาจจะเป็นวันที่ 5 สิงหาคมนี้ เพราะเราไม่ได้นิ่งนอนใจ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าคุกไม่ได้มีไว้ขังเฉพาะคนจนเท่านั้น และผมจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ
