โรงเรียนรับลืมเด็กคารถตู้ 6 ชม.ทำโคม่า อ้างเช็กแล้วแต่ไม่เห็น จ่าย 1 หมื่นช่วยแม่ (คลิป)

จากเหตุการณ์ครูลืมนักเรียนชั้นอนุบาลไว้ในรถตู้รับ-ส่งนักเรียน กลางแดดร้อนจัด ที่หมู่ 8 ต.กะทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 63

โดยนักเรียนชั้นอนุบาลเคราะห์ร้ายที่ติดอยู่ภายในรถคือเด็กชายกองบิน อายุ 2 ขวบ ถูกครูลืมไว้ในรถตู้ ตั้งแต่เวลา 07.30 น. จนมาพบตัวในเวลา 13.30 น. ของวันที่ 11 ส.ค. 63

ส่งผลให้เด็กชายกองบินอยู่ในอาการโคม่า ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU หอภิบาลผู้ป่วยวิกฤตและวิกฤติเด็ก โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช

ล่าสุด วันที่ 14 ส.ค. 63 ครอบครัวของเด็กชายกองบินมาเฝ้าอาการอยู่ด้วยความเศร้าสลด ทุกคนอยู่ในสภาพนั่งร่ำไห้อย่างน่าเวทนา หลังจากที่ได้เข้าไปติดตามอาการของน้องกองบินที่อยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว ตับและไตเริ่มไม่ทำงาน สมองบวม อยู่ในภาวะวิกฤต แพทย์และพยาบาลต้องคอยดูแลอาการอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชม.

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางสาวสุวภัทร อายุ 26 ปี แม่ของเด็กชายกองบิน เล่าว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ช่วงเช้า ตนได้ส่งลูกขึ้นรถตู้ของศูนย์เด็กเล็กตามปกติที่หน้าบ้าน แต่เหมือนเป็นลาง เพราะปกติลูกจะได้นั่งข้างหน้า แต่วันนั้นถูกสั่งให้ไปนั่งหลัง

จากนั้นในช่วงบ่าย ครูได้ส่งภาพของเด็ก ๆ ในห้องมาให้ทางไลน์ แต่เมื่อไม่เห็นลูก ตนจึงถามไปว่าน้องกองบินไปไหน ครูตอบว่าไม่ได้มาโรงเรียน หลังจากนั้นตนได้รีบตามไปโรงเรียนจนทราบว่าได้นำตัวน้องกองบินไปส่งโรงพยาบาลแล้ว จึงตามไปที่โรงพยาบาล พบว่าลูกอยู่ในสภาพชักอย่างรุนแรง

สำหรับอาการที่แพทย์แจ้งคือ มีอาการตับไตไม่ทำงาน ไม่ตอบสนอง หมอบอกให้ทำใจตั้งแต่วันแรก ซึ่งเมื่อวานดีขึ้น วันนี้ทุกอย่างไม่ทำงานแล้ว แต่ตนขอร้องหมอว่าอย่าถอดเครื่องช่วยชีวิต อยากให้โอกาสเด็กไว้ก่อน

วันนั้นเหมือนกับการส่งลูกครั้งสุดท้าย จูบครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ตนขออย่าให้มีรถตู้ส่งเด็กแบบนี้อีกเลย มีแค่รถสองแถวพอ จะได้เห็นว่ามีเด็กค้างอยู่ในรถหรือไม่

ด้านนางสุนิษฐา ผูกพานิช หัวหน้าศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ เล่าว่า ตนเองเป็นคนขับรถตู้คันดังกล่าว ช่วงเช้าวันเกิดเหตุก็ได้ขับรถไปรับเด็กตามปกติ ทั้งหมด 17 คน มีครูเวรนั่งไปด้วย เมื่อมาถึงที่ศูนย์ก็ได้ขับรถไปจอดด้านหน้า ข้างเสาธง เพื่อให้เด็กลง เมื่อคิดว่าเด็กลงหมดแล้ว ครูเวรได้ปิดประตูรถตู้ทันที เพราะเห็นว่าท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนกำลังจะตก แต่ไม่ได้ตรวจสอบให้ดีว่ามีเด็กติดอยู่ในรถหรือไม่

ซึ่งรถตู้คันดังกล่าวมีที่นั่ง 4 แถว แถวแรกจะมีเด็กและครูเวรนั่งริมประตู ส่วนน้องกองบินนั่งแถวที่ 2 ริมหน้าต่างซ้ายมือ จนกระทั่งผู้ปกครองโทรมาสอบถามหาลูก จึงได้วิ่งไปดู พบน้องหมดสตินอนอยู่ที่ตำแหน่งที่นั่งเดิม จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ล่าสุด ได้เข้าไปดูแลน้องอาการน้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้น 10,000 บาท ส่วนที่ศูนย์ขณะนี้ผู้ปกครองไม่ยอมให้เด็กมาเรียน จากเดิมที่มีเด็ก 51 คน ตอนนี้มาเรียนแค่ 20 คนเท่านั้น

นพ.สิทธา ลิขินุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า หากติดอยู่ในรถตู้เป็นเวลานาน เด็กกับผู้ใหญ่ก็แทบจะไม่ต่างกัน แต่เด็กจะมีปฏิกิริยาทางร่างกายเร็วกว่า โดยปกติคนเราสามารถทนอุณหภูมิสูงในรถได้ไม่นานมาก ยิ่งถ้ามีแดด และอุณหภูมิสูง 37 องศาเซลเซียส จะทำให้มีเหงื่อไหล และผิวหนังของเด็กจะเริ่มแดงขึ้น ปกติจะทนความร้อนได้ประมาณ 2 ชั่วโมง

ซึ่งโชคดีที่ช่วงเกิดเหตุมีฝนตก จึงทำให้อุณหภูมิไม่ร้อนมาก ทำให้ไม่เสียชีวิต เพราะถ้าหากอุณหภูมิสูงถึง 42 องศาเซลเซียส จะเริ่มโคม่า และร่างกายขาดน้ำ เลือดเป็นกรด เกิดอาการสมองบวม เป็นเหตุให้ทำให้เสียชีวิตได้