นายกฯ เข้าทำเนียบรัฐบาล นัด ครม.ประชุมพิเศษ ให้ความเห็นชอบการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ในกรุงเทพฯ ด้านจุรินทร์ เผย พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องเปิดวิสามัญ ปัดไม่เคยได้ยินกระแสการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ชี้ระบบรัฐสภายังไม่ถึงทางตัน สามารถเดินหน้าไปต่อได้ ชูโควิดโมเดลแก้ไขดีกว่าฮ่องกงโมเดล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.36 น. ที่ ทำเนียบรัฐบาล ตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อประชุม ครม.นัดพิเศษ ให้ความเห็นชอบการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ในท้องที่เขตกรุงเทพมหานคร ที่ได้บังคับใช้ไปเมื่อเช้ามืดของวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่การประชุมครั้งนี้จะมีเพียงเฉพาะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสถานการณ์และความมั่นคงมาร่วม ขณะนี้ยังคงมีรัฐมนตรีทยอยเดินทางมาร่วมการประชุม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษในวันนี้ ว่าจะมีการพิจารณาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีเพียงวาระเดียวตามที่ได้ประกาศ ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีภายใน 3 วัน
ส่วนข้อเรียกร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้านมายังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอเสียงสนับสนุนในการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญหารือทางออกการชุมนุม เป็นเรื่องที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคจะต้องไปดูจะอาศัยพรรคใดพรรคหนึ่งเสียงไม่เพียงพอ แต่ข้อเท็จจริงสภาก็จะเปิดสมัยประชุมสามัญในอีก 2 สัปดาห์อยู่แล้ว ส่วนจุดยืนของประชาธิปัตย์ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องเปิดวิสามัญ แต่เรื่องแก้ธรรมนูญเป็นประเด็นหนึ่งที่จะได้มีการพิจารณา เมื่อเปิดประชุมสมัยประชุมสามัญในเดือนพฤศจิกายนอยู่แล้ว ซึ่งจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่าเราสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ส่วนความเห็นที่จะต้องไปทำประชามติก่อนหรือไม่นั้น ชัดเจนตามรัฐธรรมนูญว่าหากต้องแก้มาตรา 256 ไม่ได้บังคับว่าจะต้องไปทำประชามติ แต่บังคับว่าหลังผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาแล้วจะต้องทำประชามติ จึงเห็นว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำประชามติก่อน
ส่วนเรื่องเร่งด่วนที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเรียกร้องให้เปิดประชุมวิสามัญเนื่องจากการชุมนุม นายจุรินทร์ ระบุว่า เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้ดำเนินการ มีกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อถามกลไกสภาไม่สามารถทำได้หรือ นายจุรินทร์ ระบุว่า กลไกสภาก็เป็นทางออกหนึ่ง รัฐสภาควรเป็นเวทีหาทางออกให้กับประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่สำคัญ อย่างน้อย 3 ฝ่ายที่ควรจะมีความเห็นร่วมกันทั้ง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้านและวุฒิสมาชิก
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ยังไม่เคยได้ยินกระแสการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติในขณะนี้ ระบุเท่าที่เคยมีมาในโลกรัฐบาลแห่งชาติจะมีในสถานการณ์สงคราม ในสภาวะไม่ปกติ หรือในสภาวะปกติที่บ้านเมืองไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ปัจจุบันไทยปกครองด้วยระบบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งขณะนี้ระบบรัฐสภายังสามารถเดินหน้าไปได้ ยังไม่ได้ถึงทางตันหรือไม่มีทางไปแต่อย่างใด
เมื่อถามถึงสถานการณ์ยังไม่สุกงอมใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ ระบุ เวลานี้ยังไม่เห็นว่าไปเข้าเงื่อนไขที่โลกเคยทำมา เพราะระบบยังเดินไปได้ สภาก็จะเปิดได้ในเดือนหน้า กลไกยังเดินไปได้ เรายังมีรัฐบาล ยังมีฝ่ายค้านยังมีวุฒิสมาชิก
ส่วนลักษณะการชุมนุมมีความคล้ายฮ่องกงโมเดล นายจุรินทร์ขอให้ไปใช้โควิดโมเดล เชื่อว่าทุกฝ่ายร่วมมือกันใช้เป็นแนวทางคลี่คลายสถาณการณ์และปัญหาของประเทศทุกอย่างจะเดินไปได้ เพราะนอกจากเราประสบปัญหาเศรษฐกิจแลัวยังมีปัญหาการเมืองซ้ำขึ้นไปอีก ซึ่งเราประสบความสำเร็จในการแก้ไขโควิด นอกจากมาตราการที่ถูกต้องของรัฐบาลแล้วความร่วมมือของทุกฝ่ายก็มีส่วนสำคัญ ดังนั้นในสถานการณ์การเมืองหากเราใช้โควิดโมเดลร่วมกันทุกฝ่าย เชื่อว่าจะผ่านสถานการณ์ที่ทุกคนไม่อยากเห็น ส่วนโควิดโมเดลจะสู้ฮ่องกงโมเดลได้หรือไม่นั้น นายจุรินทร์ ระบุว่าโควิดโมเดลได้พิสูจน์แล้วว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จจนเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก