เมื่อวันที่ 7 ม.ค.64 ทีมข่าวอัมรินทร์ ทีวี เข้ามาตรวจสอบยังพื้นที่ของการสร้างโรงพยาบาลสนาม โดยจะเห็นได้ว่ามีความคืบหน้าเล็กน้อย หลังปรับหน้าดินแล้ว อีกทั้งมีคนงานกว่าหลายสิบชีวิต และมีรถแบ็กโฮ และรถสำหรับปรับหน้าดินทำงานกันอยู่ตลอด จะเห็นได้ว่ามีการตอกเสาเข็มอาคาร และคนงานได้ขึ้นโครงเตรียมพร้อมเพื่อที่จะเทปูนซีเมนต์รองรับอาคารผู้ป่วย และรองรับห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ
ทีมข่าวอัมรินทร์ ทีวี สอบถามนายวัฒนา แตงมณี นายกอบต.พันท้ายนรสิงห์ บอกว่า เรื่องเหตุผลในการสร้างโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ดังกล่าวนั้น เพียงเพราะว่าตนต้องการอยากให้พี่น้องประชาชนใน จ.สมุทรสาคร ได้มีที่ตรวจฟรี รวดเร็ว และมีพื้นที่ที่เหมาะสม ปลอดภัย ห่างไกลจากชุมชน หมู่บ้านคน เนื่องจากตนห่วงใยและเป็นห่วงพี่น้องในจังหวัด
ส่วนในเรื่องของโรงพยาบาลสนาม บนพื้นที่ของตนจำนวน 100 ไร่ หากมีผู้ป่วยในจ.สมุทรสาคร มีอาการป่วยเป็นโรค โควิด-19 สามารถเข้ามารักษาฟรี ที่โรงพยาบาลสนามที่จะสร้างแล้วเสร็จก่อนวันที่ 20 ม.ค.64
ในเรื่องของเงินเยียวยา 5 แสนบาท หากเป็นพี่น้องตำบลพันท้ายนรสิงห์ และมีโรคเจ็บป่วยเกี่ยวกับโรคโควิด-19 และเสียชีวิต ให้นำหลักฐานใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 และใบทะเบียนบ้านมายื่นกับอบต.พันท้ายนรสิงห์ ได้ทันที จะต้องเป็นพี่น้องประชาชนตำบลพันท้ายนรสิงห์เท่านั้น โดยจะให้เป็นเงินสดจำนวน 5 แสนบาททันที
โดยเป็นเงินบริสุทธิ์ไม่มีการคดโกงแต่อย่างใด สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งเป็นเงินส่วนตัว เนื่องจากมีธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจเกี่ยวกับหอพัก จึงอยากจะช่วยเหลือพี่น้อง จ.สมุทรสาคร ไม่อยากให้ไปรักษาใกล้บ้าน อยากให้อยู่ในจังหวัดของตัวเอง และอยู่ในพื้นที่ควบคุมที่ปลอดภัย
โดยนายกอบต.พันท้ายนรสิงห์ บอกอีกว่า ได้ทำงานมาตลอด 48 ชั่วโมง 2 วันแล้ว ยังไม่ได้นอนหลับพักผ่อน โดยมีความต้องการทำเพื่อพี่น้องชาวสมุทรสาคร พร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พบนายเสมา เพชรคง ผอ.ก่อสร้าง บริษัท เสมาก่อสร้าง 2015 บอกว่า เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการปรับพื้นที่ถมที่ดินและเกลี่ยหน้าดิน และล้อมรั้วรอบบริเวณโรงพยาบาลสนาม
ส่วนในวันนี้ความคืบหน้ามีการตอกเสาเข็มปรับพื้นที่ดิน เตรียมพร้อมเพื่อที่จะเทฐานราก รองรับการเทพื้นคอนกรีต ในส่วนของห้องน้ำห้องอาบน้ำ และอาคารผู้ป่วย คาดว่าจะแล้วเสร็จวันที่ 17 ม.ค.64 อย่างแน่นอน เพราะมีคนงานทั้งสิ้นกว่า 120 คน โดยได้แบ่งเป็น 2 กะ อีกทั้งยังได้มีการดูแลในเรื่องของอาหารถึง 3 มื้อเป็นอย่างดี และทุกคนให้ความร่วมมือช่วยเหลือกันอย่างดี