นักร้องเสียงดี "ศิรินทรา นิยากร" ต้องเจอกับความรักที่ผิดหวังมามากมายเหมือนดั่งต้องคำสาปเพลงที่เธอได้ร้องไว้ "รู้ว่าเขาหลอก" ล่าสุด "ศิรินทรา" ได้มาเปิดใจนั่งคุย นั่งเล่าเรื่องที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อนในรายการ Club Friday Show กับความรักที่รักมากจนเชื่อใจและยอมตกลงแต่งงานกับผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว และครั้งหนึ่งเกือบคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะหมดตัว พร้อมเผยโมเมนต์ที่เล่าไปก็ยังเขิน "แอ๊ด คาราบาว" เคยจีบสมัยเข้าวงการใหม่ๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ชีวิตเปลี่ยน! "ทูน หิรัญทรัพย์" ฝึกอยู่ในโลกมืด รับเคยเครียดถึงขั้นคิดสั้น
- "หมอช้าง" ชีวิตพลิกชั่วข้ามคืนจากเคยรวยนั่งรถหรูสู่รถเมล์ รัก 15 ปีที่ไม่สามารถเล่าได้
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ศิรินทรา : พี่แอ๊ดเพิ่งกลับจากเมืองนอก มาทำเพลงบริษัทเดียวกัน บริษัทจับไปอยู่วงเขา เดินสายใกล้ชิดกัน เขาก็เงียบๆ ไม่ค่อยพูด บางทีไปงานก็มีมาส่ง แม่ก็ดูออก ตอนแรกไม่รู้ จนมียังบาวเดอะมูวี่ เขาก็เรียกไปถามรายละเอียด ก็เพิ่งรู้พี่แอ๊ดมีความรู้สึกกับเราแบบนี้เหรอ เขาเงียบมาก แต่แสดงออก ผู้ใหญ่ก็คงจะเห็น อาจจะมีบ้างจับมือ ไม่ค่อยอะไร ก็ต้องจีบแหละ แกมีมารับส่ง จำได้รถคันเล็กๆ ตอนนั้น ที่บ้านน้ำท่วม แกก็ขับลุยน้ำมาส่งหน้าบ้าน เขาปีน เพื่อให้เราไม่ต้องเหยียบน้ำ พอไปเดินสายด้วยกัน เขามาขอบริษัทให้เรามาร้องเพื่อชีวิต ไปอยู่วงเขา แต่บริษัทไม่ให้ ช่วงนั้นมีผู้บริหารบริษัทมาจีบด้วย ถามว่าเป็นส่วนหนึ่งที่พี่แอ๊ดถอยด้วยหรือเปล่า ศิรินทรายอมรับว่าส่วนหนึ่ง ตอนนั้นก็ชอบพี่เขาเพราะก็ใกล้ชิดกัน เขามีทีท่ามาชอบ แม่ก็รู้ พอมาเจอผู้บริหารคนนี้ เขาก็เฟดหายไป ทรา ก็อยากไปอยู่วงพี่แอ๊ด แต่บริษัทไม่ให้ (ถาม : กลับมาเจอกันเมื่อไม่นาน เป็นยังไงบ้าง) เขาก็พูดน้อยอยู่แล้ว ก็งงๆ รู้ว่าเขามาพักที่นั่น ที่ทราจะมีคอนเสิร์ตพอดี เขาเดินเอาดอกไม้มาให้ เสร็จปุ๊บก็หอมแก้มเลย เขาคงคิดเป็นพี่หอมน้อง ตอนนั้นที่แยกกันไป ต่างคนต่างเดินสาย โทรศัพท์ก็ลำบาก จนมาได้ข่าวอีกที พี่แอ๊ดแต่งงาน
ถาม เพลงที่ทราร้อง เป็นชีวิตจริ๊ง ชีวิตจริง
ศิรินทรา : ก็ยังว่าครูกานต์บอก ทำไมครูเห็นอนาคตทราขนาดนี้ จริงๆ อย่าง รู้ว่าเขาหลอก เราก็ไม่คิดจะมาเจอกับตัวเอง เพราะเราใสมาก อายุ 18 แล้วเราร้อง "ถึงเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก" เราก็ไม่คิดว่าเขาจะมาหลอกเรา จะขอก็รีบขอ ความรู้สึกตอนนั้นก็อยากให้คนมาขอนะ แต่เป็นแค่จะ มันแค่จะอย่างเดียวเลย
ถาม ที่ทราบมาคือมีคนที่คบ แล้วบอกให้รอเป็นสิบปีเลย
ศิรินทรา : มันอาจจะมีความรู้สึกที่มันลึกๆ ที่เราผูกพันก็ได้ หรือเป็นเพราะทราไปทำพิธีกับพระหรือเปล่าก็ไม่รู้ เรารู้สึกว่าคนนี้ใช่ เจอกันครั้งแรกที่โรงเรียน มาสมัครเรียนวันเดียวกัน เดินไปพร้อมกัน เขามากับพ่อเขา ทรามากับพ่อทรา เราเห็นเขาหล่อมาก แล้วยิ่งรู้ว่าเขาสอบเข้าทหารได้แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่เลย อาจจะเป็นเพราะใช้คำว่าขาดความอบอุ่นไหม ก็ไม่นะ เพราะอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แต่เราอยากได้คนที่มาปกป้องเรา ดูแลเรามากกว่า แล้วพี่สาวเรามีแฟนเป็นทั้งทหารเรือและทหารอากาศ แล้วเขาก็สอบติดทหารบก เป๊ะเลย แล้วตอนเรามาเรียน เขาก็มาเรียนห้องเดียวกับเราอีก แต่พอได้หนึ่งเดือนเข้าก็ถูกเรียกตัวไปเรียนทหาร แล้วเราก็เขียนจดหมายหากันตลอดจนม.5 ทราก็ได้มาเป็นนักร้อง ก็ค่อยๆ ห่างกันไป แล้ววันหนึ่งทราก็ไปร้องเพลงที่ค่ายหทาร ก็ได้ข่าวเขา เราก็กลับมาติดต่อกัน อีกหลังจากที่ห่างกันไป 4-5 ปี ติดต่อกันมาเรื่อยๆ จนได้มาเจอตัวกัน เขาเข้ามาเรียนเสนาธิการทหารบกที่กรุงเทพ แต่ก็ไม่ได้คบกันนะคะ เพราะเขามีครอบครัวแล้ว เขามาเจอเราครั้งนั้น เขาก็บอกเราว่าเราหายไปเลย แต่การแต่งงานครั้งนั้น เขาก็บอกว่าแค่ทำพิธีนะ เพราะผู้หญิงบอกเลิกเขาแล้ว พิธีถูกจัดไว้แล้ว เขาก็เข้าพิธีเสร็จก็จบ แยกย้ายกันไป แล้วหลังจากนั้น เราก็มาคบกัน แต่ช่วงนั้นเรามีภาระ วงเจ๊ง หนี้สินเยอะ เรามองว่าเราต้องเคลียร์ตรงนี้ก่อน เพราะไม่งั้นพ่อแม่ของเราลำบาก เราต้องหาช่องทางทำมาหากิน จะไปมีครอบครัวเลยไม่ได้ ถามว่าอยากแต่งไหมอยากแต่งมาก แต่เรามองไปว่าเราแต่งแล้ว เราจะทำอะไร เพราะสิ่งที่เป็นภาระที่เราต้องรับมันยังมีอยู่ ก็ทำให้ห่างกัน จนกระทั่งเขาได้ไปแต่งงานจริงๆ
ถาม รู้ว่าเขาหลอกไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
ศิรินทรา : หนักมากถือว่าหนักมากในชีวิต เราก็มองว่าอย่างที่เขาทำนายไว้ว่าเราจะเจอคนที่มีตำหนิ จะต้องมีครอบครัวแล้ว มีครั้งหนึ่งที่เขาตั้งใจเอาเราไปเป็นครอบครัวจริงๆ แล้วตั้งใจให้เราหยุดร้องเพลง ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของเราคืออยากหยุดร้องเพลง ไม่อยากทำงานในวงการนี้แล้ว เป็นความฝัน ความรู้สึกลึกๆ ในใจอยู่แล้ว ว่าเราอยากอยู่บ้าน อยากเป็นแม่บ้าน คนนี้ที่เจอเขามาจ้างเราไปร้องเพลง เราก็รู้ทุกอย่างว่าเขามีครอบครัว รู้ว่าฝ่ายผู้หญิงของเขามีลูกติด แต่ตัวเขาไม่มีลูกด้วยกัน แต่เขาอยู่ด้วยกัน เขามาบอกเราว่าเขาอยากมีครอบครัวนะ ที่เป็นครอบครัวสมบูรณ์ เขาอยากจะมีลูก โดยที่ไม่ต้องเพิ่งวิทยาศาสตร์ ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่ามันใช่เลย มันเป็นความฝันของเราเลย นี่เราจะได้มีครอบครัวแล้ว ไม่อยากทำงานแล้ว เราแทบจะกระโจนเข้าใส่เลย แล้วเขาไม่ได้บอกกับเราคนเดียว แต่เขาบอกกับครอบครัวเรา กับเพื่อนที่อยู่รอบตัวเรา เขาบอกว่าเขามาสร้างครอบครัวกับเรา เขาจะเลิกกับภรรยา เขาไม่ได้จดทะเบียนกัน เราก็เลยมีความหวัง แล้วเขาตั้งเงินรางวัลสูงมาก ถ้ามีลูกสาวจะให้ 20 ล้าน ถ้ามีลูกชายให้ 50 ล้าน เราคิดอย่างเดียวเลย เราไม่ต้องเหนื่อยแล้ว เพราะเราทำงานตั้งแต่เรียนจบ ทำงานอย่างเดียว ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่เราเป็นเลย พอเขามานำเสนอเท่านั้น เราก็รีบคว้าเลย แต่ข้างในเราก็รักเขานะคะ เพราะเขาดูแลพ่อแม่ดูแลและทุกคนที่อยู่รอบข้างเรา
ถาม แล้วได้แต่งงานกันไหมกับคนนี้
ศิรินทรา : เรียกว่าให้ผู้ใหญ่รับรู้ ผูกข้อไม้ข้อมือ แต่ตอนที่เราตัดสินใจแต่งงาน เขาบอกว่าเขาเคลียร์แล้ว โสดแล้ว ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว เราก็เชื่อนะคะ เพราะเขามาสร้างความมั่นใจให้เราด้วยการมาคุยกับที่บ้าน แล้ววันที่มาทำพิธีอะไรต่างๆ ก็มีผู้ใหญ่มาเป็นตัวแทน เราเลยมั่นใจ นี่เป็นเรื่องที่ไม่เล่าให้ใครฟังเลย เขามาจัดสรรทุกอย่างไม่รู้ว่าพูดออกอากาศไปแล้วไม่รู้ว่าเขาจะมาราวีอีกหรือเปล่า เพราะเขาสร้างให้เราทุกอย่าง ดูแลเรา ให้เรามั่นใจ พอหลังจากพิธีอะไรเสร็จ ก็มีอะไรเข้ามาทำให้เรารับไม่ได้ ผู้หญิงคนที่เขาบอกว่าเลิกแล้ว มาบุกที่บ้านเพราะว่าเขาให้คนตามสืบว่าเรามีบ้านที่นี่ แต่เขาไม่เจอเรานะคะ แต่เจอพ่อกับแม่ แล้วเขาก็เดินเข้าไปที่บ้าน เดินขึ้นไปบนบ้าน เพื่อหาว่าเราอยู่ไหม แต่ก็โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็งง พอดูเสร็จเขาก็เดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หลังจากนั้นเขาก็มาด่า มาวีน จนตัวเราไม่ไหวแล้ว แล้วตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว สิ่งที่เขาพูดมันไม่ใช่แล้ว แล้วเราก็ไปแอบดักดูเขาด้วย ว่าเขาโกหกเราไหมที่เขาบอกว่าเลิก ก็ไปดักที่หน้าบ้านเขา เห็นเขาเดินออกมาจากบ้านกับแฟนเขา ตอนนั้นเราคิดว่าไม่ใช่แล้ว
ถาม เคยถามเขาไหมว่าทำไมถึงต้องมาหลอกกันแบบนี้
ศิรินทรา : เขาคงมีความประสงค์อย่างนั้นจริงๆ แต่เขาทำแบบที่พูดไม่ได้ พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นปุ๊บ ทางแฟนเขาที่มีลูก เขาก็ขู่ว่าถ้ายังมาติดต่ออะไรกับเรา เขาจะฆ่าลูก ซึ่งเขารักลูกคนนั้นมาก เราก็บอกไม่เป็นไร ถ้าเป็นแบบนั้นเราไปเองก็จบ คือจบเร็ว สุดท้ายคือร้องไห้หนักมาก ปล่อยมาหมดเลย ฉันล้มเหลวอีกแล้วเหรอ แย่มาก เพราะครั้งนี้เราตัดสินใจแล้วว่านี่คือครอบครัวนะ (น้ำตาคลอ) คุณพ่อคุณแม่ก็สงสารเนอะ เพราะเห็นว่ามันเป็นความตั้งใจจริงๆ ของเรา เขาก็ให้กำลังใจเราว่าไม่เป็นไรนะ
ถาม ครั้งหนึ่งเราตัดสินใจว่าจะออกมาทำวงของตัวเอง เป็นหัวหน้าวงอย่างแท้จริง แต่ปรากฏว่าเจ๊ง เกิดอะไรขึ้น
ศิรินทรา : เราก็ทุ่มทุนสร้างเพราะอยากให้งานทั้งหมดออกมาดี ตัดชุดหางเครื่องสวยมาก มีไฟโค้งเป็นลำแสง เวลาเห็นจะสวยมาก ซึ่งวงลูกทุ่งจะไม่ค่อยลงทุนตรงนี้ แต่เราอยากจะทำให้เห็นตรงนั้น แล้วอยากให้คนที่เข้ามาดู ว้าว!! สวย เครื่องเสียงดี แต่ระบบการจัดการเราไม่ได้เรียนรู้เลย ว่าการที่ไปแสดงไม่ใช่เอาของดีไปตั้งปุ๊บ!! แล้วจะมีคนเข้ามาดู ไม่ใช่ มันต้องมีการโปรโมท ประชาสัมพันธ์ทั้งหลายทั้งปวง ต้องมีคอนเนคชั่นกับนักจัดรายการในพื้นที่ เชิญชวนคนมาดู แต่เราไม่มีตรงนั้น ไม่มีการโฆษณาที่ทั่วถึงพอ ไม่ได้มีสิ่งเร้าใจที่คนเขาอยากจะมาดูผลงานของเรา เขาก็มาน้อยมาก เก็บเงินไม่ได้ อย่างเราไป บางทีเขาก็เพิ่งรู้ว่าเรามา
ถาม พอถึงวันหนึ่งเงินเข้าไม่เท่าเงินออก เราก็ไม่มีต้นทุนมากพอ
ศิรินทรา : ถ้าพูดถึงเมื่อก่อนจะร้องไห้หนักมาก (เสียงเริ่มสั่น) เพราะเรารู้สึกว่าเราตั้งใจทำทุกอย่างให้กับคนที่เรารัก คนที่อยู่กับเราทุกคนที่มาอยู่กับเรา เราก็ทุ่มทุกอย่าง ได้เงินจากถ่ายโฆษณา หนัง มีร้องเพลง (น้ำตาเริ่มไหล) ก็นำมาจ่ายให้พวกลูกน้อง เพราะเรานึกถึงแต่เขา กลัวเขาไม่มีข้าวทาน อย่างวันไหนไม่ได้เล่นเพราะฝนตก เราก็ต้องเอาเงินไปจ่ายเบี้ยเลี้ยงเขา ซึ่งเมื่อก่อนเราไม่เข้าใจว่าทำไมนายทุนเขาถึงต้องหักค่าตัวเรา แต่พอเรามาทำเอง เราถึงได้รู้ว่ารายจ่ายมันเยอะมาก จ่ายชนิดที่ว่าแบบเต็มๆ ของในบ้านที่มีตอนที่เราดัง มาขายหมด มันไปเร็วมาก อะไรที่เข้าธนาคารได้เข้า ไฟแนนซ์ทั้งหลาย เงินที่มีอยู่หมดเลย เพราะว่าตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะทำยังไงให้มีเงินเลี้ยงดูลูกน้อง ก็ปล่อยให้เวลาผ่านไปนานค่ะ ยื้ออยู่นานน่าจะประมาณ 2 ปีกว่า จนแบบเราไม่เหลือแล้ว
ถาม เห็นบอกว่าเครียดจนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย?
ศิรินทรา : มันเครียดมากนะคะ เรารู้สึกว่ามันกระทบจิตใจด้วยที่ลูกน้องไม่เข้าใจเรา เวลาที่เราขอหักหน่อยนะ เพราะเราแบกไว้ไม่ไหวแล้ว พอเราขอหักเพื่อไว้เป็นค่าน้ำมัน เขาก็ไม่พอใจ หนีกลับ ซึ่งการแสดงหน้าเวที นักดนตรี หางเครื่องขาดไปคนนึงก็จะระส่ำระสายแล้ว เพราะทุกอย่างจะถูกบล็อกไว้แล้ว ตอนนั้นเราทรมานใจมากเพราะเราทุ่มเทขนาดนี้ เขาไม่เข้าใจเราบ้างเลยเหรอ เราอยากให้เขา แต่วันหนึ่งที่เราไม่มีจะให้แล้ว เราขอเพียงแค่แบ่งส่วนเล็กๆ เพื่อมาดูแลตรงนี้ต่อ เราก็เสียใจมาก ก็ไม่ไหวแล้ว จะไปหาเงินตรงไหน เราก็ร้องไห้อยู่คนเดียว เพราะไม่ใช่แค่เราหมด แต่เรากลับเป็นหนี้ด้วย ตอนนั้นคิดอย่างเดียวไม่อยากอยู่แล้ว ตอนที่เราคิดจะฆ่าตัวตาย เราก็ฟังข่าวเยอะ ปืนก็อยู่ใกล้ๆ เรา ก็คิดว่าถ้าเรายิงตัวเองแล้วไม่ตาย พ่อแม่ต้องดูแลเรานะ ลำบากพ่อแม่อีก ก็เลยไม่ยิงดีกว่า เพราะถ้าเราจะฆ่าตัวตายแล้วไม่ตาย ก็จะเป็นภาระคนที่อยู่ คิดไปคิดมาก็สวดมนต์ไหว้พระ ขอพลังจากเสด็จพ่อปิยะมาเป็นพลังให้ทราด้วย เราก็มองคนที่อยู่ข้างๆ เรา พ่อแม่ที่อยู่กับเรามาตลอด เราก็คิดอย่างเดียวว่าเราต้องอยู่ได้ และเราก็ต้องรู้ว่าเราต้องตัดอะไร เพื่อให้เราอยู่ให้ได้ สุดท้ายก็มาคุยกับลูกน้องว่าเรารวมกัน เราน่าจะตายหมู่ แต่ถ้าเราแยกกัน เราน่าจะรอดได้ ก็แยกย้ายกันไปทำมาหากิน วันนั้นเราก็เสียใจมากนะคะ เพราะเราสร้างมาด้วยมือเราเองและเราก็ทำลายด้วยมือของตัวเอง
ดูคลิปย้อนหลังรายการ Club Friday Show ได้ทางยูทูป
Advertisement