จากกรณีเด็กหญิงน้ำ อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ใช้เชือกไนล่อนสีขาวผูกคอตายภายในห้องพัก หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี โดยมีพ่อนั่งร้องไห้เสียใจ หลังออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวตามที่ลูกบอกว่าอยากกิน แต่กลับมาพบลูกผูกคอริมระเบียงห้อง ซึ่งถูกระบุว่ามาจากการถูกบูลลี่และดีดออกจากไลน์กลุ่มในห้องเรียนหรือไม่นั้น
ล่าสุด วันที่ 8 ก.พ. 64 นางกฤติยาณี หลำเนียม ครูประจำชั้น เปิดเผยว่า ก่อนจะมีการประกาศปิดโรงเรียน เนื่องด้วยสถานการณ์หยุดเลี่ยงโควิด-19 เมื่อวันที่ 17-19 ธ.ค. 63 โรงเรียนมีกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ พบว่านักเรียนทุกคนมีความสุขกันดี โดยเฉพาะน้องร่าเริงปกติ ต่อมาช่วงวันที่ 21-23 ธ.ค. 63 โรงเรียนยังคงเปิดเรียนตามปกติ น้องก็มาเรียนตามปกติ แต่หลังวันที่ 24 ธ.ค. 63 จังหวัดประกาศปิดโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนก็มีการปรับไปเรียนสอนออนไลน์ พบว่าช่วงสัปดาห์แรกน้องยังมีการตอบไลน์ ส่งงานปกติ ถัดมาอีก 1 สัปดาห์น้องหายไป แต่พ่อน้องบอกโทรศัพท์น้องเสีย ซึ่งทางโรงเรียนก็เข้าใจ
กระทั่งเปิดเรียนวันจันทร์ที่ 1 ก.พ. 64 วันแรกที่เปิดเรียนจะเป็นกลุ่ม A ที่มาเรียนก่อน น้องก็อยู่กลุ่ม A และวันนั้นน้องมาโรงเรียนเป็นคนที่สองของห้อง คุณครูได้ทักทายน้อง สอบถามช่วงปิดเรียนไปเป็นอย่างไร น้องก็ยังปกติร่าเริง ไม่พบว่าน้องมีความเครียด หรือเปลี่ยนไปจากเดิม
วันพุธที่ 3 ก.พ. 64 น้องไม่ได้มาเรียน กระทั่งวันศุกร์ที่ 5 ก.พ. 64 พ่อน้องไลน์มาลากับครู แจ้งว่าน้องป่วย ตัวร้อนมาหลายวัน กระทั่งมาวันนี้ เป็นวันที่คุณครูนัดนักเรียนทุกคนให้มาถ่ายรูปจบประถมศึกษาปีที่ 6 แต่มาทราบข่าวน้องเสียชีวิต ทุกคนก็ช็อก ส่วนเรื่องข้อความที่บานเกล็ดหน้าห้องพักน้องเขียนว่า "เอฟรักน้ำ" คนชื่อเอฟเป็นรุ่นพี่ที่จบชั้น ป.6 ไปแล้ว
ทีมข่าวเดินทางไปที่ห้องพักที่เกิดเหตุ หน้าห้องพบมีเครื่องเซ่นไหว้ รองเท้านักเรียนหญิง ภายในมีการเปิดธรรมะเสียงดังออกมาถึงด้านนอก ยายของเด็กหญิงเปิดให้หลานฟังตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันทีมข่าวพบกระจกบานเกร็ดมีข้อความ "เอฟรักน้ำ" เป็นรอยเขียนจากฝุ่นติดกระจก
น.ส.วรรณา (นามสมมติ) แม่ของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเองและสามีแยกทางกันมา 2 ปีแล้ว แต่ตนเองไม่ได้หย่ากัน ทำนองว่าแยกกันไปทำงาน ซึ่งลูกก็เข้าใจมาตลอด ไม่ได้งอแง หลังจากนั้นตนเองก็จะมาหาลูกเดือนละ 3 ครั้ง และโทรหาลูกเป็นประจำ ตนเองไม่แน่ใจว่าเพราะตนเองไม่มีเวลาให้ลูกหรือไม่ลูกถึงก่อเหตุ ส่วนเรื่องความรัก ลูกไม่เคยเล่าให้ฟัง
ทั้งนี้ ตนเองไม่คิดไม่ออกว่าลูกเครียดอะไรถึงก่อเหตุ เพราะช่วงโควิด-19 ตนเองรับลูกไปอยู่ด้วยที่ จ.สมุทรปราการ เพราะต้องทำงาน ลูกก็มีความสุขดี นอกจากเรื่องขอย้ายโรงเรียน ซึ่งลูกก็บ่นให้ฟังว่าจบ ป.6 ขอย้ายไปอยู่กับแม่ ตนเองจึงบอกลูกว่าให้เรียนที่นี่ให้จบก่อน ซึ่งลูกก็ดูมีความสุขดี และเคยบอกว่า "หนูตั้งใจเรียนอยู่แล้ว เรียนจบอยู่แล้ว หนูจะทำงานในห้องแอร์"
นายสุวรรณสา แจ่มใส อายุ 46 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ลูกสาวอยู่กับตนเองมา 2 ปีกว่า เนื่องด้วยตนเองมีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ทุกเช้าก็จะไปส่งลูกและจะไปรับด้วยตัวเอง ขณะที่ก่อนจะเกิดเหตุเป็นช่วงเช้าวันอาทิตย์ ตนเองซื้อข้าวไปให้ลูกกิน จากนั้นก็ออกไปขับวิน และช่วงบ่ายก็เข้ามาหาลูก พบว่าลูกได้เดินไปหาปู่ ซึ่งก็ยังสอบถามลูกว่ามาทำอะไร ลูกตอบว่า "มาขอเงินปู่" ตนเองจึงถามว่าเย็นนี้จะกินอะไร ลูกบอกว่าอยากกินเส้นหมี่เย็นตาโฟ ซึ่งไม่มีท่าทีว่าลูกจะไปฆ่าตัวตาย แต่กลับเข้ามาบ้านก็เห็นศพลูกตอนนั้นก็ช็อก งงไปหมด คิดหาสาเหตุไม่ออกว่าลูกทำไปทำไม
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ลูกอยากไปอยู่กับแม่ในช่วงที่เรียนต่อชั้น ม.1 นั้น ตนเองก็บอกกับลูกไปแล้วว่าตกลง ให้ไปเรียนที่ จ. สมุทรปราการได้ ท่าทางคือลูกก็แค่อยากไปอยู่กับแม่เท่านั้น ลูกก็ดีใจ ส่วนเรื่องความรักก็ไม่เคยเห็นว่าลูกจะมีความรัก ข้อความที่เขียนว่า "เอฟรักน้ำ" คนชื่อเอฟตนเองก็ไม่รู้จัก และไม่คิดว่าจะเกี่ยวข้องกัน ส่วนเพื่อน ๆ ของลูกก็พบว่ามีแต่เพื่อนผู้หญิง ที่ไปมาหากันหรือคุยกันทางโทรศัพท์ก็มีแต่เพื่อนผู้หญิง
ส่วนตั้งแต่พี่ชายภรรยาซื้อโทรศัพท์มือไอโฟนถือให้ ลูกก็กลายเป็นคนที่ชอบเล่นโทรศัพท์ จนการเรียนเริ่มตก แต่ตนเองก็ไม่ได้ดุ หรือด่า และลูกเองก็ยังคงร่าเริง แม้บางวันที่ตนเองตื่นมาช่วงเที่ยงคืนพบว่าลูกยังเล่นโทรศัพท์อยู่ ก็จะแค่กล่าวตักเตือน ลูกก็ปฏิบัติตาม และยืนยันว่าไม่เคยดุด่าหรือใช้คำหยาบคายกับลูก
น้องมุก เพื่อนของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน เวลาที่เพื่อนร่าเริงมีความสุข ตนเองก็มีความสุขไปด้วย ไม่คิดว่าเพื่อนจะมีเรื่องเครียด เพราะไม่เคยมาบ่นหรือปรับทุกข์อะไรให้ฟัง อีกอย่างเพื่อนเป็นคนสนุกสนาน ไปไหนก็ไปด้วยกัน เป็นกันเอง ครั้งสุดท้ายที่คุยกันคือเพื่อนเอารูปรุ่นพี่ที่เป็นคนดังในโซเชียลให้ดู ถามว่า "หล่อไหม" เท่านั้น ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน ส่วนรุ่นพี่ที่ชื่อเอฟ ทราบว่าเพื่อนเคยชอบ แต่ตอนนี้ก็ไม่เคยได้ยินเพื่อนพูดถึงรุ่นพี่คนนี้เลย คิดว่าคงไม่ได้คบหาหรือคุยกันมานานแล้ว
นอกจากนี้ ตนยืนยันว่าเพื่อน ๆ ในกลุ่มไม่เคยมีการบูลลี่กันในกลุ่มแน่นอน ส่วนข่าวที่ออกไปก่อนหน้านี้ ตนเองก็ขอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน เพราะไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน ทั้งนี้ หลังมารู้ว่าเพื่อนจากไปแบบนี้ก็ช็อกมาก ตอนแรกคิดว่าเพื่อนแกล้ง แต่พอเห็นรูปตอนเพื่อนเสียชีวิต ก็น้ำตาซึมไม่คิดว่าเพื่อนจะไปเร็วแบบนี้
Advertisement