เมื่อวันที่ 8 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ได้พบกับนางส้มโอ (นามสมมติ) ในฐานะพยานที่ตำรวจเข้าสอบปากคำ และเป็นพยานที่พบเห็นชายปริศนาอยู่บนเขาภูเหล็กไฟ เชื่อมโยงกับข้อมูลของพ่อแบมนั้น
นางส้มโอ บอกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาหาตนเพื่อให้ยืนยันข้อมูล โดยครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 3 โดยตนก็ยังให้ข้อมูลตรงกับครั้งแรกที่เคยให้การไปก่อนหน้า ทั้งเรื่องระยะทาง จุดเจอชายปริศนา ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ในวันที่ตนขึ้นไปเขาภูเหล็กไฟเพื่อค้นหาน้องชมพู่ ตนอยู่ระหว่างกึ่งกลาง เป็นช่วงขาลงจากเขา ฝั่งซ้ายที่ติดกับห้วยบุ่ง คือลุงน้องขมพู่ ส่วนฝั่งขวาเป็นแม่น้องชมพู่ โดยตนอยู่ระหว่างกึ่งกลางสามารถมองเห็นได้ทั้ง 2 คน แต่ลุงพลกับแม่ชมพู่ จะไม่สามารถมองเห็นกันได้ และช่วงเวลาที่ตนเจอลุงพล คือเวลาระหว่าง 15.00-16.00 น. ซึ่งตอนแรกที่ขึ้นไปค้นหาและกลับลงมาไม่เห็นลุงพล แต่มาเจออีกทีคือบริเวณติดกับลำห้วยบุ่ง ซึ่งท่าทีของลุงพลก็ไม่ได้ผิดปกติ เหมือนคนกำลังช่วยตามหาน้องชมพู่
แต่แค่แปลกใจ ตอนขึ้นเขาไม่เจอลุงพล มาเจออีกทีตอนขาลงเขา จึงตั้งข้อสังเกตว่า ตอนขึ้น ๆ กับใคร แต่ตอนลงโผล่มาอยู่ในที่เดียวกับตน และการแต่งกายของลุงก็คือ ชุดเดียวกันกับที่ไปส่งพระอาจารย์ครูบาร์รัตน์ แต่รายละเอียดพฤติกรรมอื่น ๆ ตนได้ให้การกับตำรวจหมดแล้ว
ส่วนแม่น้องชมพู่วันที่ไปค้นหา ตนก็ไม่ได้ทักทายอะไร เพระต่างคนต่างค้นหา แต่แม่น้องชมพู่ได้รับสายจากนายอนามัย พ่อน้องชมพู่ ให้รีบกลับลงมา เพราะจะพาไปหาจุดอื่น ๆ จากนั้นแม่น้องชมพู่นำขวดนมที่เตรียมไปมายื่นให้ตน เผื่อเจอชมพู่ให้เอาไปป้อนน้อง
นางส้มโอ ยังเผยกับทีมข่าวว่า ช่วงวันที่ทนายตั้มมากกกอก วันที่ 4-6 ก.พ.64 มีรถเก๋งสีขาว มาขับวนหน้าบ้าน จากนั้นมาจอด แล้วตะโกนถามว่า “ใช่นางส้มโอหรือไม่” มีชายใส่เสื้อโปโลสีขาวทับใน ถือสมุดสีดำ ลักษณะสมุดจดบันทึก เข้ามาเพื่อจะคุยขอข้อมูล เกี่ยวกับคดีน้องชมพู่ แต่ไม่มีการยืนยันตัวตนว่าเป็นใคร มาจากไหน แต่ตนเชื่อว่าไม่ใช่ตำรวจ เพราะปกติตำรวจที่มาหาที่บ้านจะแสดงตัวทุกคน อีกทั้งการแต่งกายและทรงผมก็จะเป็นเอกลักษณ์
ทั้งนี้ในวันที่ชายปริศนาพยายามมาขอข้อมูล ตนได้ปฏิเสธ และอ้างว่ามีธุระไม่ว่างคุยด้วย เพราะเป็นการป้องกันตัวเอง กลัวว่าจะเผลอให้ข้อมูลกับคนที่ไม่หวังดี ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นคนของใคร และมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร เพราะที่ผ่าน ๆ มา ตนให้ข้อมูลกับตำรวจและสื่อมวลชนไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่ขอพูดคุยกับชายคนดังกล่าว