จากกรณี ด.ญ.วิภารัตน์ วัดจะโปะ หรือ น้องแป้ง อายุ 8 ปี ถูกนายอนุวัฒน์ ผลจะโปะ หรือ แหบ ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราแลัวฆ่าทิ้งร่างไว้ที่ป่าหลังบ้านในพื้นที่ หมู่ 7 ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา จนกระทั่งมีคนมาพบเห็น
ซึ่งนายอนุวัฒน์เคยก่อเหตุกระทำชำเราเด็กมาแล้ว และพ้นโทษมาไม่กี่เดือนก่อนมาก่อเหตุซ้ำอีก ก่อนบุกรวบตัวนำตัวมาสอบสวน
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าทำจริง และยอมรับว่าดื่มสุราและดมกาว จึงทำให้มีอารมณ์ ก่อนที่จะล่อลวงเด็กไปข่มขืนที่บ้านพักของตนเอง 1 ครั้ง หลังจากนั้นก็อุ้มเด็กไปข่มขืนต่อที่บริเวณป่าละเมาะหลังบ้านอีก 1 ครั้ง ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 30 เมตร ส่วนสาเหตุที่ฆ่าเป็นเพราะเด็กขัดขืนและส่งเสียงร้อง จึงกลัวคนข้างเคียงจะได้ยิน
หลังจากนั้นก็อุ้มเด็กไปข่มขืนต่อที่บริเวณป่าละเมาะหลังบ้านอีก 1 ครั้ง ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 30 เมตร ส่วนสาเหตุที่ฆ่าเป็นเพราะเด็กขัดขืนและส่งเสียงร้อง จึงกลัวคนข้างเคียงจะได้ยิน
จากการตรวจสอบประวัติอาชญากร พบว่านายอนุวัฒน์ ผลจะโปะ อายุ 25 ปี เคยก่อเหตุเมื่อปี 2553 ที่ สภ.นาทม จ.นครพนม ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็ก ในปี 2558 พบว่ามีการกระทำชำเราเด็กชาย อายุ 10 ปี และเด็กไม่เกิน 15 ปี เหตุเกิดที่ สภ.ปักธงชัย ล่าสุดมาก่อเหตุฆ่าและข่มขืนเด็กหญิงอายุ 8 ปี ในพื้นที่ สภ.ปักธงชัย
นางดาว (นามสมมติ) ญาติของผู้เสียหาย ที่เคยถูกนายแหบกระทำชำเราเมื่อ 5 ปีก่อน เปิดเผยว่า ผู้เสียหายเป็นเด็กชาย เหตุเกิดเมื่อ 5 ปีก่อน ช่วงนั้นอายุราว 10 ปี เหตุการณ์ก่อนที่จะเกิดขึ้น นายแหบก่อเหตุกับเด็กชายวัยราว 10-12 ปี ในชุมชนเดียวกัน แต่ครั้งแรกไม่เป็นคดีความ มีการเจรจากัน และไม่ได้เอาเรื่องเอาความกัน ด้วยความเป็นคนต่างจังหวัด ไม่มีความรู้ แต่พอมาเกิดเหตุกับครอบครัวตน ครอบครัวไม่ยอม จึงเอาความถึงที่สุด จนนายแหบติดคุก 5 ปี ซึ่งตอนนั้นครอบครัวตนและแม่โกรธแค้นมาก
โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นช่วงเย็น น้องผู้เสียหายจะเดินจากบ้านญาติไปบ้านญาติอีกหลัง มาเจอนายแหบกลางทาง นายแหบจึงกระชากเข้าข้างทางซึ่งเป็นลักษณะป่ารก ก่อนก่อเหตุกระทำชำเราทางทวารจนสำเร็จความใคร่ ซึ่งเด็กด้วยความกลัวไม่กล้าขัดขืน เพราะถูกนายแหบขู่จะฆ่า
ตลอด 5 ปีที่หมู่บ้านไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งช่วงก่อนนายแหบปล่อยตัว มีเจ้าหน้าที่ของรัฐโทรมาแจ้งตนว่าจะมีการปล่อยตัวนายแหบ ซึ่งระบุว่ามีความประสงค์ให้แหบกลับมาในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งครอบครัวก็แสดงความจำนงค์ว่าไม่ต้องการ ชาวบ้านต่างไม่ต้องการ ส่วนตัวก็มีความกังวลว่าหากแหบกลับมาจะมาเกิดเหตุอีก สุดท้ายไม่ถึง 5 เดือนก็มาเกิดเหตุ ตนเองมองว่าคนแบบนี้ไม่ควรกลับมาอีก หากพ้นโทษก็ควรไปรักษาตัว เด็กที่เป็นญาติตนก็มีปมไปตลอดชีวิต ตั้งแต่มีเรืองนี้เขาก็ไม่ยอมออกจากบ้านเลย
ล่าสุด แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย และภาคเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดาเพื่อทำการอนาจาร