จากกรณี น.ส.วิชญาพร วิเศษสมบัติ หรือ วาวา พริตตี้สาว ที่เสียชีวิตจากระบบไหลเวียนโลหิตและทางเดินหายใจล้มเหลว ช่วงเช้าวันที่ 23 ก.พ. 64 ที่ผ่านมา ภายหลังรับงานเอนเตอร์เทนจาก น.ส.สุ โมเดลลิ่ง ให้ไปดูแลนายเก่ง ที่บ้านพักย่านพหลโยธิน เมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ. ก่อนที่ครอบครัวผู้ตายจะร้องเรียนไปยังนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้ช่วยเหลือทางคดี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไขปริศนาปาร์ตี้มรณะเค้นสอบเจ้าภาพ 7 ชม. เผยความฝัน "วาวา" เลิกชงเหล้าเริ่มชีวิตใหม่
- บุกค้นบ้านจัดปาร์ตี้ทำ "วาวา" ดับ ญาติเก่งปัดจับมอมยา อึ้งรถขนศพโผล่คนขับหนีสื่อ
- ตายปริศนา! พริตตี้ "วาวา" แม่คาใจรับงานกลายเป็นศพ หวั่นถูกมอมในเหล้า
โดยปาร์ตี้ดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมจำนวน 18 คน ประกอบด้วย กลุ่มพริตตี้วาวา 4 คน กลุ่มพริตตี้โมเดลลิ่งอื่น 4 คน กลุ่มแฟนสาวของคนร่วมปาร์ตี้ 3 คน และกลุ่มผู้ร่วมปาร์ตี้ที่เป็นผู้ชายชาย 7 คน
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 2 มี.ค. 64 พันตำรวจเอกประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการตำรวจนครบาลพหลโยธิน เรียกชุดสืบสวนประชุมคลี่คลายคดี เวลา 10.00 น. ผู้ชาย 2 คน หญิง 1 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ปาร์ตี้ในวันเกิดเหตุ พร้อมทนายความส่วนตัว เข้าให้ปากคำกับตำรวจ โดยผู้กำกับการ สน.พหลโยธิน เป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง ทั้งหมดแต่งกายมิดชิด ใส่เสื้อคลุม หมวกปิดบังใบหน้า
ขณะที่พลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเข้าประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ในเวลา 13.30 น. พร้อมกล่าวว่า ได้มาตรวจสอบสำนวนและติดตามคดีว่าการสอบสวนเป็นอย่างไร มีผู้เกี่ยวข้องทางคดีอย่างไร รวมถึงผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ หากอะไรเร่งรัดได้ก็จะเร่งโดยเร็ว ส่วนการสอบปากคำขณะนี้ สอบผู้เกี่ยวข้องไปเเล้ว 11 คน จาก 17 คน ที่อยู่ในงานปาร์ตี้ โดยมีพีอาร์ที่มาร่วมงานให้ข้อมูลว่า ช่วงตี 4-5 ในวันเกิดเหตุ พริตตี้วาวามีอาการผิดปกติ แต่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง ยังตอบไม่ได้ว่าเป็นการบังคับให้เสพยาหรือไม่
สำหรับการใช้ยาเสพติดนั้นยังไม่มีผลแพทย์ระบุออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ผลการชันสูตรพลิกศพจากแพทย์ผู้ผ่า เบื้องต้นพบสารเสพติดบางชนิดในร่างกายของพริตตี้วาวา ได้แก่ เคตามีน ยาอี ยาบ้า และยานอนหลับไดอาซิแพม แต่จะส่งผลต่อการตายหรือไม่ ต้องรอผลแพทย์อย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ สำหรับเคนมผงที่เคยเป็นคดีก่อนหน้านี้นั้นจะผสมไว้เสร็จแล้ว จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่
ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับใคร เพราะต้องติดตามคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งรู้ตัวหมดแล้ว และได้ออกหมายเรียกไปแล้ว สำหรับการแจ้งข้อหาผู้ร่วมงานทั้งหมดจะเข้าข่ายความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ในเบื้องต้น
เบื้องต้น เชื่อว่ามีการเสพยาเสพติดจริงในงาน จากการสอบปากคำพยานระบุว่า ช่วงตี 4 ผู้ตายมีอาการอาเจียนหนัก แฟนสาวของผู้ชายที่ร่วมงานจึงพาขึ้นไปอาบน้ำและนอนพักที่ชั้น 4 ของบ้าน และคอยดูแลตลอดกระทั่งผู้ตายมีอาการเกร็ง เจ้าของบ้านกับเพื่อนชายอีกคนจึงอุ้มขึ้นรถพาไปส่งโรงพยาบาลทันที ในช่วง 06.00 น. โดยไม่ได้แวะที่อื่น และใช้เวลาเดินทางเพียง 5 นาที
ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าผู้ตายได้ดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ ต้องรอผลการตรวจจากแพทย์อีกครั้ง ยืนยันว่าจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเบื้องต้นพบว่ามีการลบข้อมูลไปแล้ว ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลาง กำลังกู้ภาพเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด อีกทั้งยังพบการจ้างบริษัททำความสะอาดเข้ามาทำความสะอาดบ้านทันทีหลังเกิดเหตุ
เวลา 16.00 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วยครอบครัวของพริตตี้วาวา ประกอบด้วยเเม่ น้องชาย เเละหญิงคนสนิทที่ชื่ออุ๊ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สน.พหลโยธิน
น.ส.พรทิพย์ แก้วสุข อายุ 54 ปี แม่ของพริตตี้วาวา กล่าวว่า อยากให้ตำรวจรวบรวมหลักฐานทุกอย่าง เช่น กล้องวงจรปิด นำมาเปิดเผยให้กระจ่าง ตอนนี้ที่ตำรวจทยอยสอบปากคำพยานรวมถึงเจ้าของบ้าน ก็พอมีความหวังมากขึ้น หากทุกอย่างชัดเจนและจบเร็ว จะได้นำร่างลูกสาวไปฌาปนกิจโดยเร็ว ตนเชื่อว่ามันต้องมีเหตุให้เกิดขึ้น ยืนยันว่าลูกไม่ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดตามที่มีข่าวบอกว่าพบสารเสพติดแน่นอน ต้องไปหาสาเหตุจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด หากน้องดื่มเอง ก็สงสัยว่าใครนำไปให้ดื่ม หากใครเป็นคนดื่มก็ต้องรู้ลิมิตตัวเองอยู่แล้ว
น.ส.พรทิพย์ กล่าวต่อว่า หลังลูกเสียชีวิตก็ไม่เคยมีใครในงานติดต่อเข้ามาเลย ตนไม่เคยรู้จักบรรดาพริตตี้ที่ไปรับงานกับลูกในงานอีกด้วย ตนไม่อยากเปรียบเทียบกับคดีพริตตี้ลันลาเบล แต่ต้องการให้คดีถึงที่สุด คนทำผิดต้องได้รับโทษ ลูกตนต้องได้รับความยุติธรรม ตอนนี้ก็อยากทราบว่าจะคลี่คลายคดีได้อย่างไร
ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม พร้อมด้วยนางพรทิพย์ แก้วสุข อายุ 54 ปี แม่ของพริตตี้วาวา และนายคเชน วิเศษสมบัติ อายุ 22 ปี น้องชายผู้ตาย นำหลักฐานเอกสารเกี่ยวกับการจ่ายค่ารักษาพยาบาล เข้าร้องทุกข์กับ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรณีที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่รักษาอาการ ปล่อยให้ผู้ตายนอนรอจนเสียชีวิต
นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า วันนี้นำเอกสารเกี่ยวกับการสั่งจ่ายค่ารักษาพยายาลน้องวาวาของโรงพยาบาลในวันเกิดเหตุ เข้าร้องทุกข์กับ สบส. เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่ดำเนินการรักษาน้องวาวว ตามสิทธิ UCEP โดยน้องวาวาต้องนอนรอการรักษานานถึง 50 นาที ซึ่งถ้าหากน้องวาวาได้รับการรักษาทัน ก็อาจจะไม่เสียชีวิต พร้อมโชว์หลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุ เวลา 06.29 น. รถเก๋งได้นำน้องวาวามาส่งที่โรงพยาบาล แต่แพทย์ไม่นำเข้าห้องไอซียู ต่อมาเวลา 06.33 น. คนที่นำตัวน้องวาวาส่งโรงพยาบาล ได้นำโทรศัพท์ของน้องวาวาโทรหาเพื่อนสนิท เพื่อตามให้มาดูแลน้องวาวาที่โรงพยาบาล โดยใช้นิ้วมือของน้องวาวาสแกนหน้าจอโทรศัพท์ ต่อมาเวลา 07.10 น. น้องวาวายังคงนอนรออยู่บนเตียง ยังไม่ได้รับการรักษา
จนกระทั่งนายเก่งมาที่โรงพยาบาลและได้ทำการจ่ายมัดค่ารักษา โอนจำนวน 15,000 บาท และเป็นคนเซ็นสัญญารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ทั้งนี้ ในใบเสร็จรับเงินระบุเริ่มการักษาน้องวาวาในห้องไอซียูในเวลา 07.18 น. และน้องวาวาเสียชีวิตเวลา 08.45 น. ซึ่งไทม์ไลน์จะเห็นได้ว่าน้องวาวาต้องนอนรอทั้งที่เข้าสู่ขั้นวิกฤตนานถึง 50 นาที จึงจะได้รับการรักษา ถือว่าโรงพยาบาลโหดร้ายมาก นอกจากนี้ หลังน้องวาวาเสียชีวิต จะนำร่างส่งนิติเวช ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยังไม่ยอมให้นำตัวส่ง ต้องชำระค่าชุดที่น้องใส่อยู่อีก 500 บาท จึงจะยอมให้นำตัวน้องออกไปชันสูตรได้
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับคดีนี้ไม่น่าเป็นหัวเรื่องผู้มีอิทธิพล สำหรับคดีนี้เหลืออีก 6 คนที่ยังไม่เข้ามาสอบปากคำ ถ้าไม่มาทางเจ้าหน้าที่ก็คงต้องบังคับออกหมายเรียกให้มา ส่วนนายเก่งถือว่าให้การเป็นประโยชน์มาก ตนอยากฝากไปถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย ว่าทางครอบครัวจะดำเนินการทั้งคดีแพ่งและอาญา หากทางโรงพยาบาลไม่ให้ความเป็นธรรม ก็จะเอาศพน้องวาวาขึ้นมาตั้งหน้าโรงพยาบาล
นายเชน วัย 28 ปี น้องชายของวาวา บอกว่า ยืนยันว่าจนถึงตอนนี้ครอบครัวก็ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่ายังตกใจเมื่อทราบจากข่าวถึงผลการตรวจร่างกายพี่สาวที่ออกมาว่ายาเสพติดหลายชนิดอยู่ภายในร่าง แต่พี่สาวไม่เคยเสพยาเสพติด จึงเชื่อว่าต้องมีคนแอบใส่ให้ดื่มหรือมอมพี่สาว ส่วนในเรื่องเครื่องดื่มเเอลกอฮอล์ จากลักษณะงานที่ทำก็คงมีบ้าง
ทั้งนี้ ส่วนตัวรู้สึกสงสัยกรณีที่มีการลบไฟล์กล้องวงจรปิด และจ้างทำความสะอาดบ้านหลังเกิดเหตุ มองว่าเรื่องดังกล่าวแปลก หากบริสุทธิ์ใจจริงเหตุใดจึงต้องทำ ตนอยากให้คนที่อยู่ในงานปาร์ตี้พูดความจริงกับตำรวจ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้พี่สาว
Advertisement