กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความว่า "สืบเนื่องจากมีการตั้งกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำคลินิกแห่งหนึ่ง เอาคลิปไปขาย ทำมาหลายเดือน รู้ตัวคนผิดแต่ไม่จัดการอะไรให้เป็นธรรม บอกเพียงว่าทุกคนคือคนเสียหายให้เห็นแก่คลินิก ให้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น ทำตัวปกติ"
โดยเหตุเกิดที่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง พื้นที่กรุงเทพฯ วันที่ 7 มี.ค.64 ที่ผ่านมา ต่อมาทราบชื่อผู้ก่อเหตุ นายอุดมชัย (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นกราฟิกของคลินิก
ล่าสุดวันที่ 17 มี.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับคุณนิ้ง (นามสมมติ) อายุ 28 ปี อดีตพนักงานคลินิก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค.64 ก่อนพบกล้องวงจรปิด มีแฟนหนุ่มของลูกค้าที่มาใช้บริการในคลินิก ได้เข้าห้องน้ำบริเวณชั้น 1 ซึ่งเป็นห้องน้ำรวม กระทั่งพบว่าในห้องน้ำใกล้ช่องระบายอากาศ มีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่
จากนั้นลูกค้าได้เดินมาบอกกับตนว่า บริเวณห้องน้ำมีกล้องวงจรปิดอยู่ ขณะนั้นตนไม่เชื่อ จึงปฏิเสธ ระบุว่าห้องน้ำดังกล่าวไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดอย่างแน่นอน แต่เพื่อให้เกิดความสบายใจของลูกค้าที่มาใช้บริการ จึงพาลูกค้าที่พบกล้องวงจรปิดเข้าไปดูที่ห้องน้ำอีกที จึงพบว่าเป็นกล้องวงปิดจริง ถูกแอบติดตั้งบริเวณข้างช่องระบายอากาศ หากมองผ่าน ๆ จะเห็นเป็นเพียงตัวน็อต
เมื่อเแน่ใจแล้วว่าเป็นกล้องวงจรปิด ตนรีบแจ้งให้กับทางผู้จัดการคลินิก โดยผู้จัดการคลินิกได้เข้าไปดู พร้อมกับดึงกล้องวงจรปิดตัวดังกล่าวออกมาจากเพดาน โดยลักษณะกล้องวงจรปิดมีขนาดเล็ก มีสายเชื่อมต่อ มีที่เสียบเมมโมรี่การ์ด จากนั้นตนได้กลับมาทำงานตามปกติ ไม่ทราบรายละเอียดเพิ่มเติม และได้ขอโทษลูกค้าที่มาใช้บริการ
ภายหลังที่พบเจอกล้องวงจรปิดในห้องน้ำ ตนคิดว่าน่าจะเป็นคนในคลินิกที่แอบติดตั้ง เนื่องจากการแอบติดตั้งมีการเจาะขึ้นมาใหม่ ประกอบกับในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้มีช่างเข้ามาติดตั้งอะไร
ต่อมาวันที่ 8 มี.ค.64 ทางคลินิกได้ปิดให้บริการ พอวันที่ 9 มี.ค.64 ช่วงเช้ามีตำรวจเดินทางมายังคลินิก ยอมรับว่าขณะนั้นรู้สึกอุ่นใจ เนื่องจากมีตำรวจมา โดยตำรวจได้ดำเนินการอยู่ชั้น 2 ซึ่งตนปฏิบัติงานอยู่ชั้น 1
สักพักตำรวจได้เดินทางกลับ ทางผู้จัดการคลินิกได้เรียกพนักงานในคลินิกประชุม โดยทางคลินิกได้พูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยว่าผู้ก่อเหตุ เป็นพนักงานกราฟิกของคลินิก โดยนำกล้องวงจรปิดมาติดตั้งประมาณ 2 เดือนแล้ว ซึ่งผู้ก่อเหตุได้รับสารภาพว่า เป็นผู้เอากล้องวงจรปิดไปติดตั้งจริง เนื่องจากว่าจะเอารูปภาพไปสำเร็จความใคร่ ไม่มั่นใจว่านำรูปภาพอนาจารไปขายในกลุ่มลามกหรือไม่
ทางคลินิกขอให้พนักงานทุกคนทำตัวปกติกับผู้ก่อเหตุ เนื่องจากเขามีอาการป่วยไม่สามารถควบคุมระงับอารมณ์ตัวเองได้ ตนคิดว่าไม่ถูกต้อง ได้สอบถามว่า ตนและลูกค้าบางคนคาดว่าอาจเป็นผู้เสียหาย ทำไมต้องทำตัวไม่รู้ไม่ชี้กับผู้ก่อเหตุ ซึ่งคลินิกตอบกลับว่า ให้เห็นแก่หน้าหมอและคลินิก อย่าเห็นแก่ตัวเอง คำตอบที่ได้กล่าวมานั้น ทำให้ตนงง ทำอะไรไม่ถูกต้อง เกิดคำถามหลายอย่าง กระทั่งได้โทรศัพท์ไปบอกเพื่อน ซึ่งทางเพื่อนของตนก็คิดว่า น่าจะเป็นผู้เสียหายเช่นกัน
สำหรับลักษณะนิสัยของผู้ก่อเหตุนั้น มักจะชอบลวนลาม และอารมณ์ร้าย ส่วนตัวแล้วก็ถูกจับมือ จับไหล่ และจับขา แต่ขณะนั้นตนไม่ได้คิดอะไรคิดว่าเป็นเพียงเพื่อนร่วมงาน ขณะนี้รู้สึกตกใจไม่คิดว่า ผู้ก่อเหตุจะกล้านำกล้องวงจรมาติดตั้งภายในคลินิก
หลังจากวันที่ 9 มี.ค.64 พนักงานในร้านทุกคนพยายามทำตัวปกติกับผู้ก่อเหตุ แต่ตนไม่สามารถทำได้ จึงตัดสินใจลาออกในวันที่ 15 มี.ค.64 เมื่อวันที่ 14 มี.ค.64 ที่ผ่านมา ตนถูกผู้ก่อเหตุใช้กุญแจรถมาเคาะกระจกที่คลินิก พยายามหาเรื่อง เนื่องจากไม่พอใจ ที่ตนไม่ตอบคำถามว่าทำไมตนถึงลาออกจากคลินิก
นอกจากนี้ผู้ก่อเหตุมาทำงานที่คลินิกดังกล่าวได้ประมาณเกือบ 2 ปีแล้ว โดยทำตำแหน่งกราฟิก ค่อนข้างเชี่ยวชาญในด้านไอที ตนไม่แน่ใจว่าผู้ก่อเหตุจะนำกล้องวงจรปิดติดตั้งจุดใดบ้าง อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ผู้ก่อเหตุไปพบแพทย์ เพื่อรักษาตัวให้หาย ไม่ควรให้ผู้อื่นระแวงอยู่แบบนี้ ตนอยากให้คลินิกนำหลักฐานที่มีนำไปแจ้งกับผู้เสียหายทุกคน อย่าปกปิด อย่างน้อยก็ให้พวกเขาได้รับรู้ โดยให้ผู้เสียหายตัดสินใจเองว่า เขาจะดำเนินการกับผู้ก่อเหตุเอง
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณแจ่ม (นามสมมติ) ที่ปรึกษาคลินิกความงามย่านลาดพร้าว เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มี.ค.64 ที่ผ่านมา ทางคลินิกก็ไม่ได้นิ่งเฉย ซึ่งในวันที่ 9 มี.ค.64 คลินิกได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาที่คลินิก เพื่อให้ตรวจสอบว่าภายในคลินิกมีกล้องวงจรปิดแอบติดตั้งอยู่ที่ไหนอีกบ้าง
โดยพบจุดเดียว คือ ภายในห้องน้ำชั้น 1 การติดตั้งอยู่ในลักษณะเหมือนกับพร้อมถ่าย ซึ่งตัวกล้องวงจรปิดไม่มีเมมโมรี่การ์ด และไม่ได้เปิดใช้งาน จากนั้นตำรวจได้ไปค้นห้องกราฟิก กระทั่งพบว่าพนักงานกราฟิกเป็นผู้นำกล้องวงจรปิดไปแอบติดตั้งไว้ ต่อมาตำรวจได้สอบปากคำผู้ก่อเหตุได้รับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำจริง โดยได้นำกล้องวงจรปิดมาติดตั้งไว้ประมาณเดือนกว่า ๆ ซึ่งเป็นช่วงซ่อมห้องน้ำพอดี
ขณะเดียวกันตำรวจได้ตรวจค้นคอมพิวเตอร์ที่ผู้ก่อเหตุใช้ทำงาน พบว่ามีไฟล์คลิปโป๊ที่โหลดมาจากอินเตอร์เน็ต แต่ไม่มีไฟล์จากกล้องวงจรปิดที่แอบติดตั้งเอาไว้ เป็นเหตุทำให้ไม่สามารถดำเนินคดีได้ เพราะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจแนะนำให้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ผู้ก่อเหตุ อ้างว่าไม่ได้นำภาพอนาจารจากกล้องวงจรปิดไปเผยแพร่ที่อื่น และตนไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นแอดมินเว็บไซต์ลามกอนาจารหรือไม่
ภายหลังจากเกิดเหตุ วันที่ 10 มี.ค.64 บริษัทสั่งพักงานผู้ก่อเหตุ ส่วนที่ยังไม่ไล่ออก เนื่องจากผู้ก่อเหตุต้องเคลียร์งานให้แก่คลินิกเสร็จสิ้น และทราบว่าในวันเดียวกันนั้น ผู้ก่อเหตุได้เข้าไปรับการรักษา กระทั่งวันที่ 24 มี.ค.64 ที่ผ่านมา คลินิกได้แจ้งให้พ้นสภาพเป็นพนักงาน
ที่ผ่านมาคลินิกไม่เคยรับรู้มาก่อนว่า มีการแอบติดตั้งกล้องวงจรปิด ยืนยันว่าทางคลินิกไม่มีส่วนรู้เห็นในการแอบติดตั้งกล้องวงจรปิด โดยผู้ก่อเหตุมาทำงานที่คลินิกได้ประมาณปีกว่า ๆ ยอมรับว่ามีประวัติการรักษาทางจิต พวกแอบถ้ำมอง ก่อนที่จะมาทำงานที่คลินิก เขามีลักษณะที่ปกติดี แต่ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นของการบำบัดรักษาด้วยการทานยา
สำหรับพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ มีการหยอกล้อทางคำพูดกับทางพนักงานบ้าง จับแขน จับขา และจับไหล่ แต่ไม่ถึงขั้นลวนลาม กรณีที่หลายคนสงสัยว่าทำไมคลินิกไม่ออกมาแจงกับลูกค้าที่มาใช้บริการว่า มีกล้องวงจรปิดแอบติดตั้งอยู่นั้น เนื่องจากอยากให้เป็นเรื่องภายใน ประกอบกับไม่มีภาพหรือคลิปหลักฐานชี้ชัดว่า เขากระทำกับลูกค้าและพนักงานจริงหรือไม่ หากลูกค้าที่มาใช้บริการคลินิกไม่สบายใจ สามารถไปแจ้งความได้ที่สน.สุทธิสาร
ส่วนสาเหตุที่คลินิก บอกให้พนักงานทำตัวตามปกติกับผู้ก่อเหตุ เพื่อไม่ให้ผู้ก่อเหตุกระทำความรุนแรง และไม่ให้สถานการณ์บานปลาย โดยอ้างกับผู้ก่อเหตุว่าคนที่รู้เรื่องกล้องวงจรปิดมีเพียงตน หมอ ผู้จัดการคลินิก และตำรวจเท่านั้น
Advertisement