กรณีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ในหมู่บ้านกฤษดานคร 31 เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบ แล้วพบว่ามีผู้พักอาศัยจำนวน 8 คน และให้การช่วยเหลือลงมาแล้ว 7 คน เมื่อเวลา 05.45 น. ของวันที่ 3 เม.ย.64
แต่ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการภายในอาคาร เพื่อค้นหาผู้ติดค้างภายในบ้าน ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน 1 คน และมีรายงานในขณะว่าเสียชีวิตแล้ว จู่ ๆ อาคารดังกล่าวได้เกิดการทรุดตัว และถล่มลงมาทับเจ้าหน้าที่หลายราย ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่มีทางเข้าออกได้ 2 ทาง คือ ประตูฝั่งถนนบรมราชชนนี และฝั่งถนนพุทธมณฑลสาย 3 และบ้านที่เกิดเหตุเป็นอาคารบ้านพักคนงาน 3 ชั้น มีผู้พักอาศัยรวม 8 คน และพบว่าเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน รวมกว่า 100 คน อยู่ระหว่างการพยายามใช้อุปกรณ์ตัดถ่างเข้าช่วยเหลือผู้ติดค้างภายใน
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องใช้โดรนบินเพื่อสำรวจความเสียหาย และจุดที่คาดว่าน่าจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ภายในได้ ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ คือ นายธนภพ ประไพ อายุ 44 ปี อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยประจำจังหวัดนนทบุรี อาสาสมัครของมูลนิธิสยามนนทบุรี ได้เสียชีวิตลงจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุเพลิงไหม้หมู่บ้านกฤษดานคร 31 ภายในซอยบรมราชชนนี 105
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังใช้โดรนบินเพื่อวัดอุณหภูมิ ตรวจจับความร้อนของเพลิงไหม้ตามจุดต่าง ๆ ของอาคาร และเพื่อประเมินความเสี่ยงและอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น อีกทั้งยังมีเพลิงไหม้ที่ยังสามารถปะทุได้อีกหรือไม่
สำหรับความหมายของสีต่าง ๆ สามารถอธิบายได้ดังต่อไปนี้ เมื่อไล่จากระดับสีอ่อน ตั้งแต่ "สีเหลือง" คือ พื้นที่ที่มีความร้อน และอุณภูมิสูงไม่สูงมาก ส่วน "สีส้ม" คือ พื้นที่ที่มีความร้อน และอุณหภูมิค่อนข้างสูง ขณะที่สีเข้มอย่าง "สีแดง" คือ พื้นที่ที่มีความร้อน และอุณหภูมิสูงมาก
ตำแหน่งที่พบร่างของผู้ที่ติดใต้ซากอาคารดังกล่าว สามารถแบ่งเป็นพิกัดดังนี้
1.นายสุทัศน์ เปลี่ยนกลัด อายุ 38 ปี อาสา
2.นายสมัญญา นิลธง อายุ 48 ปี อาสา
3.นายอรรถพล ท้วมทอง อายุ 26 ปี อาสา
4.นายเกียรติ แพตเตอร์สัน อายุ 35 ปี (เลขาฯ เจ้าของบ้าน)
หลังจากช่วงบ่ายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ใช้ เครื่องตรวจสอบสัญญาณความเคลื่อนไหว, เสียง, สอบสัญญาณชีพใต้ซากอาคาร นานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์ซ้ำ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยืนยันผู้ที่ติดค้างใต้อาคาร จำนวน 4 ราย เสียชีวิตแล้วทั้งหมด
โดยปฏิบัติการกู้ร่างใต้ซากอาคารเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากซากอาคารยังมีไฟคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องฉีดโฟมอัดเข้าไปภายใต้สร้างอาคาร เพื่อควบคุมเพลิงอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นเจ้าหน้าที่นำทีมสุนัขกู้ภัยแห่งชาติหรือ K9 เข้ามาเสริมปฏิบัติการ ค้นหาผู้รอดชีวิต ตามพบสัญญาณชีพก่อนหน้านี้ แต่หลังจาก 14.30 น. สัญญาณชีพ ขาดหายไป จนถึงเวลา 17.00 ผ่านไปแล้วกว่า 11 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ศพออกจากใต้สะพานได้ ก่อนจะประกาศงดใช้เสียงและความเคลื่อนไหวทุกชนิด เพราะว่าจะมีสัญญาณของผู้ที่ติดค้างภายในอาคาร จากนั้นเพียง 5 นาที ทีมค้นหาได้ตะโกนว่า “ผู้ประสบภัย ถ้าได้ยินเสียงแล้วให้ตอบรับด้วยครับ” โดยประกาศย้ำไม่ต่ำกว่า 5 รอบ
เวลา 08.19 น. เจ้าหน้าที่ค่อย ๆ ใช้รถเครนและรถแบ็กโฮ ยกนำแผ่นปูนต่าง ๆ และทยอยลำเลียงออกมาจากตัวอาคาร ซึ่งเริ่มขนย้ายจากกำแพงทางด้านซ้าย เพื่อที่จะกู้ร่างทั้ง 4 คนที่อยู่ด้านใน โดยการทำงานก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก และต้องใช้ระยะเวลามาก
เจ้าหน้าที่สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ ประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้เราได้ใช้โดรนจับความร้อน ตรวจวัดอุณหภูมิรอบ ๆ บ้าน ซึ่งจริง ๆ แล้วโดรน หรืออากาศยานไร้คนขับ จะใช้เพื่ออำนวยความปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ จึงจะทราบได้ว่าพื้นผิวบริเวณใดที่สามารถเข้าไปได้ลึกมากแค่ไหน หลังจากนี้ทาง กทม. จะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
คุณแบงก์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังใช้เครื่องค้นหาผู้ประสบภัยด้วยสัญญาณเสียง เพราะผู้ที่รอดชีวิตอาจจะส่งเสียงร้อง แต่อาจจะดังไม่มากพอ หรือไม่มีแรง การขูด การขีดพื้นก็สามารถตรวจจับได้ สำหรับการทำงาน จะนำเซ็นเซอร์ไปวางในที่คาดว่าผู้ประสบภัยน่าจะอยู่ในบริเวณนั้น หรือหากไม่ทราบจุดจะสามารถใช้เซ็นเซอร์ตัวนี้ค้นหาพิกัด ซึ่งหากมีความเคลื่อนไหว สัญญาณเสียงจะมีการโชว์ในสเกลชุดคอนโทรลจาก 10-100 (สามารถปรับความเข้มตามความเหมาะได้มากถึง 20 สเต็ป) หากขึ้นถึง 100 หมายความ มีความเคลื่อนไหว เจ้าหน้าที่จะปรับความเข้มข้นขึ้นเพื่อหาตัวผู้ประสบภัยต่อไป
ขณะที่นายหนึ่ง อายุ 46 ปี หนึ่งในผู้ที่พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว และเป็นคนแรกที่พบเสียงไฟไหม้ และรอดขีวิต ระบุว่า ต้นเพลิงอยู่ที่ตู้พักรปภ.เก่า ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นห้องเก็บของ เก็บที่นอนเก่า และติดตั้งปั๊มลมสำหรับฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ซึ่งเสียบปลั๊กไว้ตลอดเวลา แต่ส่วนตัวไม่ทราบสาเหตุการเกิดประกายไฟ เห็นเพียงว่าประกายไฟลุกลามเร็วมาก ก่อนจะใช้ลูกบอลดับเพลิง 10 ลูก แต่ไม่เป็นผล จึงรีบไปปลุกคนในบ้าน ซึ่งทุกคนตอบรับ รวมถึงคนที่ติดในห้องน้ำชั้น 2 ด้วย จึงรีบออกมาจากตัวอาคาร
แต่กลับมาทราบทีหลังว่า ยังมีเพื่อนอีก 1 คน เสียชีวิตติดอยู่ภายในห้องน้ำชั้น 2 ของบ้าน ตนยืนยันว่าบ้านหลังดังกล่าวในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ต่อเติมดัดแปลงตัวบ้านแต่อย่างใด ส่วนอาคารสร้างมากี่ปีนั้น ตนไม่ทราบ เนื่องจากเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นาน