ลูกสุดทนแฉแม่บูชา "พุทธะเทพสุริยะ" ลัทธิใหม่นุ่งดำเสกโควิดหาย อึ้งคลิปลับดูดมะเร็ง (คลิป)

จากกรณีลูกสาวได้ร้องเรียนว่าแม่สายบุญถูกหลอก หลังไปทำบุญกับพระสงฆ์รูปหนึ่งที่แต่งกายไม่เหมือนพระทั่วไป อ้างว่าเป็นหลวงปู่พุทธะ เทพสุริยะจักรวาล สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บรวมถึงโรคโควิด-19 ได้ แถมยังกล่าวอ้างว่ามีอภินิหารต่าง ๆ จนแม่ถึงขั้นสมทบเงินทำบุญ และสร้างที่พักสงฆ์ภายในของตัวเองนั้น

วันที่ 17 เม.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านกุดชุมแสง ต.กุดชุมแสง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ เป็นบ้านพักของครูต้อย แม่ของผู้ร้องเรียน

นางสาวสิริวิภา (สงวนนามสกุล) ผู้ร้องเรียน เปิดใจเล่าว่า แม่ของตนเป็นข้าราชการ มีเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท แต่หากหักลบหนี้สิ้นจะเหลือ 30,000 บาท และอาศัยอยู่กับน้า เป็นน้องสาวแม่และยายวัย 90 ปี ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้จ่ายในแต่ละเดือนแน่นอน ต่อมาช่วงประเดือนพฤศจิกายน 2563 แม่อ้างรู้จักกับบุคคลที่อ้างตัวเป็นหลวงปู่ ผ่านผู้หญิงที่อ้างเป็นแม่ชีปุ๊ ซึ่งเป็นคน จ.ชัยภูมิ และแม่ส่งรูปมาให้ตนดู พร้อมอ้างว่ามีพระรูปนั้นที่เรียกหลวงปู่มาให้ธรรมมะ แต่เมื่อดูโลเกชั่นกลับพบว่าจุดที่พระมาเป็นหลังบ้านตนเอง และคิดว่ามาและคงจะกลับวัด แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือนพระกลับยังอยู่ที่หลังบ้าน ตนเองจึงโทรไปเคลียร์กับแม่ว่า "ทำไมพระไม่อยู่วัด มาอยู่บ้านสีกามันผิด ถ้าไม่เชิญออกไปก็จะแจ้งความ" กระทั่งมีชาวบ้านคนอื่นมาเชิญพระไป

กระทั่งตนเริ่มสงสัยเรื่องเงินเดือนของแม่ที่หายไป ในช่วงปลายปี 2563 อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านเสีย เช่น แอร์ พัดลม โทรทัศน์ แต่แม่กลับโทรมาขอเงินตนเองเพื่อซื้อหรือซ่อมของเหล่านี้ ต่อมาช่วงต้นเดือนเมษายน 2564 โควิด-19 ระบาดรอบที่ 3 ตนเองได้โทรหาแม่บอกว่ากลับไม่ได้ติดโควิด แม่ได้พูดถึงหลวงปู่คนนี้ทันทีว่าให้ไปหาหลวงปู่ เขาสามารถเป่าดูดป้องกันโควิดได้ ตนเองก็โต้แย้งว่าโควิดไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ จนแม่อ้างโรคอื่น ๆ ว่ามีเพื่อนแม่เป็นมะเร็งก็รักษาหาย

จากนั้นบุคคลที่อ้างตัวเป็นมะเร็ง ก็ติดต่อมาหาตนเองเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 564 จึงทราบว่าคนนี้ชื่อต้อย เป็นพยาบาลอยู่ที่ จ.ยะลา อ้างว่าหลวงปู่รักษาให้หายมะเร็ง ไม่ต้องกินยา ไม่ต้องให้คีโม หมอในโรงพยาบาลอึ้งกันหมดว่าหายได้อย่างไร ตนเองจึงขอหลักฐานผลตรวจมะเร็ง แต่บุคคลนี้ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยัน กระทั่งมีการพยายามชักชวนตนเองไปหาหลวงปู่ ให้ไปเป่าดูดโควิด-19 ออก ตนเองจึงบอกว่าถ้าหนูไม่หายจะทำอย่างไร แต่บุคคลนี้บอกเอาหัวเป็นประกัน ตนเองก็งงมาก

ต่อมาเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 64 ตนเองโทรหาน้องและวิดีโอคอลกัน และก็ให้น้องวนกล้องดูบรรยากาศรอบบ้าน จึงพบว่าหลังบ้านแม่ได้สร้างบ้านต้นไม้ไว้ เป็นอนุสรณ์สถานและแม่บอกว่าสร้างถูกแค่ 20,000 บาท เพื่อให้หลวงปู่อยู่อาศัยในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 ตนเองจึงให้น้องเข้าไปถ่ายรูปในห้อง พบว่าหน้าประตูมีรูปบุคคลนี้ และด้านในก็มีรูปปั้น พร้อมเส้นผมของบุคคลนี้ ส่วนพระต่าง ๆ แม่ได้เอาพระของในมาขึ้นบูชา และองค์เทพจำนวนหนึ่งซึ่งบูชาจากไหนไม่ทราบว่าอยู่ในบ้านต้นไม้ด้วย ตนเองจึงมองว่าแม่งมงายมากเกินไปแล้ว

นางสาวสิริวิภา เล่าอีกว่า แม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้พร้อมกับนางจ๋า เป็นน้าสะใภ้ ทำให้ช่วงเวลาที่คุยกับแม่ ทั้งการตักเตือนแม่ในเรื่องพวกนี้ว่าลูกในหวังดีตลอด แต่ก็จะมีน้าสะใภ้เข้ามาสอดแทรกในบทสนทนาเป็นพายกระซิบ โวยวายเข้ามาและพ่นภาษาเทพใส่ตน ขณะนี้เองตนกับแม่ไม่ถึงขั้นที่จะต้องตัดขาดกัน และแม่เองยอมรับจะอยู่ข้างครอบครัว และยืนยันว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับบุคคลที่อ้างตัวเป็นหลวงปู่อีก แต่ตนเองก็ไม่ได้เชื่อคำพูดแม่มีการร้องไปยังหมอปลาและพระมหาไพรวัลย์เรียบร้อยแล้ว มั่นใจว่าหลังจากนี้จะร่วมกันทำการตรวจสอบบุคคลนี้เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับประชาชน จะได้ไม่มีใครถูกหลอกให้งมงายอีก

ทีมข่าวพบว่าด้านหลังบ้านมีบ้านต้นไม้ขนาดเล็ก สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน ท่านองค์ปู่เทพพุทธะ ที่เดินทางมาเมื่อเดือน 11 ธ.ค. 63 โดยใช้เวลาในการสร้างประมาณ 2 วัน ก่อนที่องค์ปู่จะมาถึง สร้างประมาณวันที่ 9 ธ.ค. 63

ภายในบ้านต้นไม้ เป็นห้องขนาดเล็ก เป็นพื้นไม้อัด มีเบาะสำหรับนอนวางอยู่ และมีโต๊ะตั้งบูชาพระ มีรูปภาพของท่านองค์ปู่เทพพุทธะ ซึ่งครูต้อยนำมาอัดใส่กรอบไว้ 1 รูป และถ่ายมาวางไว้บนโต๊ะ 2 รูป อีกทั้งยังมีผมขององค์ปู่ บรรจุอยู่ในโถแก้วขนาดเล็ก ตั้งอยู่บนโต๊ะ ซึ่งลูกศิษย์ไปขอจากท่านและนำมาแบ่งกันเก็บไว้เป็นที่บูชาทางใจ

นางธันยธร สุวรรณเสือ หรือ ครูต้อย อายุ 59 ปี แม่ของผู้ร้องเรียน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงปีใหม่ ของปี 2563 เพื่อนสายบุญได้ชักชวนให้ไปช่วยงานบุญที่ สำนักสงฆ์ขององค์ปู่ตั้งอยู่ใน อ.ประคำ และไปเจอกันท่านองค์ปู่ฯ หลังจากที่ฟังคำสอนได้ ทำให้ตนเลื่อมใสศรัทธา เพราะท่านให้ธรรมะ และเป็นคำสอนที่เข้าใจง่าย เพราะใช้คำพูดง่าย ๆ โดยหลักคำสอนของท่าน คือ อริยสัจ 4 และศีล 5 ส่วนตัวจะนำหลักคำสอนมาเทียบกับการใช้ชีวิตอีกว่าสิ่งที่ทำนั้นดีหรือไม่ดีแล้วค่อยปฏิบัติ

นอกจากนี้ ตนมีปัญหาภายในครอบครัว คือตนกับน้องชายมักจะทะเลาะกับตนอยู่บ่อยครั้ง และชอบตีตน เพราะน้องชายของตนเคยไปเป็นทหาร และถูกทำร้ายร่างกายมา ทำให้สติไม่ค่อยดี เมื่อตนเจอปัญหานี้ ตนจึงอยากจะหาที่พึ่งทางใจด้วย เพื่อให้ใจสงบกว่าเดิม ตนมองว่าท่านไม่ได้หลอกลวงใคร และตนยืนยันว่าไม่เคยบริจาคเงินให้ท่านสักบาท เนื่องจากตนเคยถวายเงินให้ แต่ท่านไม่รับองค์ปู่ไม่เคยเปิดรับบริจาค แต่ลูกศิษย์มักจะรวมเงินกันเอง เช่น นำเงินไปสร้างกุฏิ และตนเคยสมทบทุนแค่ 100-200 บาท ไม่เคยให้เยอะ

กรณีการสร้างบ้านต้นไม้ เนื่องจากองค์ปู่จะธุดงค์มาแถวนี้ และตนมองว่าไม่เหมาะสมที่จะไปอยู่รวมกับคนอื่น เลยรวมเงินจากผู้ที่ศรัทธาประมาณ 5-6 คน และใช้งบประมาณไปเกิน 10,000 บาท ในการสร้างบ้านต้นไม้ ส่วนเรื่องอภินิหาร ตนไม่เคยเห็นกับตา แต่ลูกศิษย์บางคนที่ติดตามเคยเห็นความแปลก เช่น ขณะที่ท่านเดินอยู่ ท้าไม่ติดพื้น คล้ายกับคนลอยอยู่ ส่วนเรื่องการเอาแผ่นดินไทย-ลาวมาติดกัน ตนได้ยินมาอีกที แต่ไม่เห็นกับตา ทั้งนี้ตนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องอิทธิฤทธิ์ เพราะเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ ทำให้บางคนไม่เชื่อ