ความคืบหน้ากรณีลูกสาวได้ร้องเรียนว่า แม่สายบุญถูกหลอก หลังไปทำบุญกับพระรูปหนึ่งที่แต่งกายไม่เหมือนพระทั่วไป อ้างว่า สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงโรคโควิด-19 ได้ แถมยังกล่าวอ้างว่ามีอภินิหารต่างๆ จนแม่ถึงขั้นสบทบเงินทำบุญ และสร้างที่พักสงฆ์ภายในของตัวเองนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ลูกสุดทนแฉแม่บูชา "พุทธะเทพสุริยะ" ลัทธิใหม่นุ่งดำเสกโควิดหาย อึ้งคลิปลับดูดมะเร็ง
- เจ้าลัทธิ "เทพสุริยะ" เปิดใจโต้ลวงสาวกดูดเงิน ปัดโชว์ฤทธิ์ดูดแผ่นดิน-บินเหินฟ้า
วันที่ 18 เม.ย. 64 เวลาประมาณ 16.00 น. นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา และพระมหาไพรวัลย์ ได้เดินทางมาพบกับนางสาวสิริวิภา หรือ แนน ผู้ร้องเรียน ที่หมู่บ้านก่อนจะเดินทางไปพบครูต้อย และหลวงปู่พุทธะ เทพสุริยะจักรวาล ที่สถานที่ปฏิบัติธรรมพุทธะธรรมชาติ ระหว่างที่เดินทางเข้าไปมีรถกระบะขับสวนทางมา ครูต้อยนั่งอยู่บนรถคันดังกล่าว และทำท่าว่าจะออกจากที่นี่ทั้งที่นัดลูกสาวมา โดยนางสาวสิริวิภาได้ลงมาจากรถทันที และเข้าไปเจรจาด้วย
ภายในรถมีอยู่ 2 คน คือครูต้อยที่นั่งข้างคนขับ และคนขับชื่อ นายวีรชาติ เป็นพนักงานการไฟฟ้า ด้านนางสาวแนนพยายามจะเจรจาให้ครูต้อย ผู้เป็นแม่ออกมาจากรถ ถ้าไม่ยอมออกมาจะแจ้งความว่าลักพาตัวแม่ อีกทั้งยังมีการเดินไปขวางรถ หากขับรถชนจะแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายหรือพยายามฆ่า แต่นายวีรชาติ คนขับรถแง้มกระจกออกมาเพียงเล็กน้อย บอกว่าแม่ไม่อยากคุย และจะรีบกลับ อ้างวันนี้ไม่สบาย ทั้งที่เป็นฝ่ายโทรตามให้นางสาวแนนมาหาที่ปฏิบัติธรรมอยู่หลายครั้ง ส่วนแม่ก็ไม่ยอมพูด อ้างว่าไม่สบาย จะกลับบ้าน แต่ระหว่างที่เจรจาเพื่อขอพูดคุยพยายามเอาลดกระจกของครูต้อยตลอด ไม่ยอมให้ครูต้อยเปิดกระจกลงมา
โดยการพูดคุยมีการใช้วาจาโต้ตอบค่อนข้างจะดุดัน และใช้น้ำเสียงดัง อีกทั้งคนขับรถยังมีการถ่ายคลิปวิดีโอ อ้างว่าจะให้แม่ลงจากรถแล้วแต่ทุกคนล้อมรถไว้ ซึ่งนางสาวแนนก็ถ่ายคลิปไว้ บางช่วงหมอปลาได้ช่วยพูดเสริมให้และขอให้ลงจากรถมาคุยกัน
จากนั้น 30 นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ประมาณ 3 นาย เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุเข้ามาเจรจา เพื่อขอให้ครูต้อยยอมพูดคุยกับลูกสาว แต่ครูต้อยยังยืนยัน ถ้าจะคุยให้ไปเจอกันที่โรงพักแทน แต่นางสาวแนนไม่ยอม เกรงว่าจะมีการพาตัวครูต้อยหลบหนี สักพักนางสาวแนนได้มีการโทรแจ้งหน่วยงานการไฟฟ้า เพื่อร้องเรียนพฤติกรรมของนายวีรชาติ
ระหว่างนั้นได้เข้าไปพูดคุยกับครูต้อยให้กลับด้วยกัน ถ้ายอมกลับด้วยจะบอกให้นักข่าวไม่ต้องทำการสัมภาษณ์แล้ว ทำให้ครูต้อยยอมใจอ่อน พูดคุยกับนางสาวแนน ก่อนจะยอมกลับไปกับแม่ของแฟนนางสาวแนน ข้อตกลงคือไม่ขอให้สัมภาษณ์ ส่วนรถกระบะคันดังกล่าวก็ขับออกไปทันที
โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า และจบลงในเวลาประมาณ 17.20 น. ก่อนที่ทุกคนรวมถึงผู้ร้องเรียนจะเดินทางขึ้นไปคุยกับนายพุทธะ ทั้งนี้ตลอดเวลาที่มีการเจรจา ได้มีลูกศิษย์แต่งกายด้วยเสื้อยืดแขนสั้นลายทหารกางเกงขาสั้นแฝงตัวเข้ามาถ่ายคลิปวิดีโอ นอกจากนี้ มีชาวบ้านที่เข้ามามุงดูเหตุการณ์และมีรถของชางบ้านบางคนที่ไม่สามารถสัญจรผ่าน ตัดสินใจขับรถลงข้างทางไป เพื่อที่จะให้แม่ลูกได้พูดคุยกัน
ทีมข่าวเดินทางมาที่ดินแดนปฏิบัติธรรมพุทธะธรรมชาติ ดงพญาเย็น หมู่ 16 ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นที่สถานที่ปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่บนเขา ชาวบ้านเรียกพื้นที่บริเวณว่า "หินเพลิง" เวลาประมาณ 17.40 น. หมอปลา พระมหาไพรวัลย์ และผู้ร้องเรียน ได้เข้ามาพูดกับนายพุทธะ เทพสุริยะจักรวาล เจ้าตัวยังคงพูดเหมือนเดิม และอธิบายว่าสาเหตุที่แต่งตัวเช่นนี้ คือรูปแบบที่ชอบใส่ และไม่ได้สอนหรือบอกให้ทำตาม
ส่วนเรื่องอิทธิฤทธิ์อภินิหารรวมแผ่นดินไทยลาวติดกัน หรือเหาะเหินเดินอากาศได้นั้น ตนไม่ทราบว่าไปปรากฏบนสื่อได้อย่างไร แต่ญาติโยมเอาไปลงกันเอง และตนยังคงยืนยันว่าตนไม่เคยพูด แต่คนที่ศรัทธามโนภาพขึ้นมาเอง ส่วนคนที่อ้างตัวว่าเป็นพยาบาล แล้วอ้างว่าตนทำรักษาจนหายจากโรคภัยนั้น ตนยืนยันว่าไม่ได้รักษาแต่หาย แต่เพียงให้กำลังใจเท่านั้น
ระหว่างที่พูดคุยกันนั้น ได้มีการปะทะกัน ระหว่างนางสาวจ๋า หนึ่งในลูกศิษย์กับแฟนของนางสาวแนน ผู้ร้องเรียน และขณะนั้นน้ำฟ้า แฟนของหมอปลาได้เดินไปนั่งที่เดียวกับนายพุทธะ แต่ถูกนางสาวจ๋า ลูกศิษย์ของนายพุทธะเข้ามาดึงให้ออกจากเก้าอี้ อีกทั้งยังไม่ทันได้พูดกันจบ นายพุทธะก็เดินออกไปทันที อ้างว่าการพูดคุยเช่นนี้ไม่ได้ประโยชน์ มีแต่สร้างปัญหาเพิ่ม
พระมหาไพรวัลย์ เปิดเผยว่า จากการพูดคุยรู้สึกเป็นห่วงผู้ที่เข้ามาศรัทธามาก เพราะนายพุทธะให้คำตอบไม่ชัดเจน ทั้งในเรื่องที่มีการแสดงอิทธิฤทธิ์ปฏิหาริย์ ทั้งการรักษาโรคมะเร็ง และโรคโควิด-19 แต่ลูกศิษย์นำไปพูดเอง นายพุทธะไม่ยอมว่ากล่าวตักเตือน และมีท่าทีคล้ายว่าจะเห็นดีด้วย ทำให้ผู้ที่ศรัทธาหลงเชื่อ และงมงานในเรื่องที่ไม่จริง นอกจากนี้ ทุกอย่างในโซเชียลยังอ้างว่าไม่เคยพูดถึงลูกศิษย์ แต่อ้างว่าลูกศิษย์เอาไปขยายกันเอง แต่การที่ไม่ปรามคล้ายกับว่าความรู้สึกลึก ๆ อาจจะพอใจหรือเปล่า ทั้งที่บอกว่า ตัวเองไม่ใช่พระ แต่มีการแต่งกายและมีรูปปั้นของตัวเองในสถานที่ที่มีการสื่อถึงพระพุทธศาสนา จากลักษณะพยายามจะทำตัวเป็นนักบวช และตั้งตัวเองเป็นศาสดาของลัทธิ
ด้านหมอปลา เปิดเผยว่า จากการพูดคุยมีแต่คำแก้ตัวของนายพุทธะ โดยทุกสิ่ง เช่นการรักษาโรคก็โยนว่าลูกศิษย์เอาไปพูดเอง การพูดแบบนี้ไม่ใช่ลักษณะของลูกผู้ชาย และไม่ควรที่จะนุ่งห่มด้วยชุดสีดำ น่าจะใส่ผ้าถุงมากกว่า ทั้งนี้ ตนอยากจะให้สำนักพุทธฯ และศูนย์ดำรงธรร มลงมาตรวจสอบพฤติกรรมของนายพุทธะ เพราะตนเกรงว่าคนที่ไม่รู้จะงมงาม และแม้แต่พระสงฆ์ยังเข้ามากราบไหว้เขา
โดยช่วงเช้า หลวงปู่พุทธะ เทพสุริยะจักรวาล หรือ นายพุทธะ เทพสุริยะจักรวาล อายุ 40 ปี ระหว่างที่คุยได้ใช้สรรพนามเรียกแทนตัวเองว่า "ท่าน" เปิดเผยว่า คำนำหน้าองค์จักรพรรดิ องค์ปู่ หรือหลวงปู่ ตนไม่ได้ตั้ง และต้องถามญาติโยมเองว่าทำไมถึงเรียกแบบนี้ ซึ่งตนจะไปบังคับใครให้เรียกไม่ได้ แต่ชื่อที่แท้จริงของคนคือ นายพุทธะ เทพสุริยะจักรวาล ตามบัตรประชาชน และสาเหตุที่ตั้งได้เพราะว่า "ท่านตั้งชื่อตามปัจจัยของท่าน ท่านชอบแบบนี้ เลยตั้งชื่อแบบนี้" ทีมข่าวขอดูบัตรประชาชน อ้างว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล และยังไม่ถึงเวลา และไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นสิริมงคล
โดยเริ่มแรกที่เปลี่ยนชื่อคือ เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน ตนได้ตัดสินใจสึกจากการเป็นนักบวช และสึกเองที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ แต่ยังคงปฏิบัติธรรมอยู่ จึงเปลี่ยนชื่อ ตนเองยืนยันว่าไม่ใช่พระ และไม่มีคำจำกัดความ แล้วแต่คนจะเรียก เพราะตนไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นผู้ปฏิบัติธรรม หรือเข้าใจธรรมมะ แต่หลัก ๆ คือ เป็นผู้ที่เผยแพร่การปฏิบัติธรรม ซึ่งมีเทคนิคตรวจประเด็นกับคำสอนของศาสนาพุทธ เพราะตนนำแนวทางพุทธขึ้นเป็นที่ตั้ง
ทั้งนี้ ตนไม่ได้แต่งกายคล้ายนักบวช เพราะเสื้อผ้าเป็นสีดำ และบางครั้งตนก็ไว้ผมยาวด้วย สาเหตุที่แต่งเช่นนี้เพราะเป็นความพอใจ และรูปแบบการแต่งกายเป็นแค่การปกปิดร่างกาย เพื่อไม่ให้น่าเกลียด ไม่ว่าจะแต่งตัวแบบไหน แต่สิ่งสำคัญคือจิตใจ ทั้งนี้ ตนบอกไม่ได้ว่าบรรลุหรือยัง เพราะไม่มีใครเป็นสักขีพยาน แต่ตนยืนยันว่าตัวเองไม่มีอภินิหาร ญาติโยมมโนขึ้นมาเอง ปรุงแต่งขึ้นเอง และสร้างปัญหาขึ้นมาเอง ตนยังยืนยันว่าไม่เคยพูดเรื่องการแยกแผ่นดิน แต่คนที่ศรัทธาสร้างภาพขึ้นมาเองเหมือนกัน เพราะส่วนตัวไม่เคยมีอิทธิฤทธิ์อภินิหาร ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป การใช้ชีวิตจะต่างจากคนธรรมดาตรงที่ ข้อที่ 1 ตนไม่มีครอบครัว และข้อที่ 2 ไม่มีครอบครัว
ส่วนเรื่องการกิน ตนกินข้าวเหมือนคนทั่วไป และจะกินตอนไหนก็ได้ เพราะไม่ใช่พระ และไม่ได้จำกัดสิ่งที่กิน ถ้าธาตุไม่รับก็ไม่กิน แต่สาเหตุที่กินน้ำมะพร้าวกับน้ำผึ้งเพื่อสุขภาพ ทำให้ร่างแข็งแรง เป็นเหมือนยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงธาตุข้างในร่างกาย และส่วนตัวชอบกินด้วย ซึ่งตนไม่สามารถบอกได้ว่าดีจริงไหม เพราะทุกคนต้องพิสูจน์ด้วยการลองมากินเอง ญาติโยมนำมาถวายเอง เพราะเห็นว่าตนชอบกิน
นอกจากนี้ ตนไม่มีเคยเปิดรับบริจาค และไม่เคยบังคับใครให้มาหา แม้แต่เงินกระเป๋าเงิน ตนก็ไม่มีเงินสักบาท ตนไม่ใช่ผู้วิเศษ แต่กรณีที่เคยมีการนั่งสูงกว่าพระหรือพระมากราบไหว้ ตนอยากจะชี้แจงว่าไม่ได้บังคับพระ แต่ทุกคนทำเอง เป็นสิ่งที่ไปห้ามกันไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนอยู่ตามปกติ แต่มีปัญหาเข้ามา ตนต้องแก้ไข เพราะตนไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าทำผิดต้องยอมรับอยู่แล้ว ถ้าหน่วยงานใด หมอปลา หรือใครอยากจะมาพิสูจน์ ตนก็พร้อมรับทุกอย่าง เพราะตนเป็นผู้มีเมตตา แต่มองว่าทำไมไม่ฝึกจิตตัวเองเสียก่อน และการพิสูจน์เหล่านี้ทำไปเพื่ออะไร
นายบุญมี กมมาลี หรือ เต้ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 16 บ้านโคกมะม่วง เปิดเผยว่า บริเวณที่ตั้งของสถานที่ปฏิบัติธรรม เรียกว่าหินเพลิง โดยสถานที่จุดมีพระสงฆ์เข้ามาเรื่อย ๆ ส่วนคนธรรมดามาเห็นก็ชอบ เพราะไม่มีใครรบกวน หลวงปู่พุทธะเป็นผู้ที่ธุดงค์ผ่านมา และตนรู้จักมาประมาณ 1 ปีกว่าแล้ว หลวงปู่พุทธะไม่ได้อยู่เป็นหลักแหล่ง และมักจะไป ๆ มา ๆ ที่นี่บ่อยกว่าที่อื่น บางครั้งอยู่ประมาณ 1 เดือน ส่วนช่วงนี้มาอยู่ประมาณ 3-4 วันแล้ว ในตอนแรกตนได้ยินว่ามีองค์ดำมาปฏิบัติธรรม และท่านจะย้ำว่าตัวเองไม่ใช่พระ แต่เป็นคนธรรมดา เมื่อมาฟังคำสอน ตนรู้สึกเลื่อมใส เพราะสอนให้คนรู้จักทำความดี และสอนให้ปฏิบัติตามศีลธรรม ต่างจากที่อื่นตรงที่ว่าพระที่อื่นจะสอนด้วยการเทศนาเป็นตำนาน แต่ที่นี่สอนให้เข้าใจ อีกทั้งท่านไม่เคยมีพฤติกรรมหลอกลวง และไม่เคยเรี่ยไรเงิน แม้แต่ถวายของก็ไม่รับ และไม่ไปบิณฑบาตเหมือนพระ
โดยหลังเกิดเรื่อง มีสำนักข่าวเข้ามาตรวจสอบ และในวันพรุ่งนี้ทางอำเภอจะเข้ามาตรวจสอบ ส่วนตัวรู้สึกดีใจ เพราะคนอื่นจะได้รับรู้ความจริง