ศิษย์โชว์ภาพอัศจรรย์เผาศพ "ธรรมกร" ร่างโผล่หัวหาย-ตัวบนฟ้า มั่นใจบรรลุ (คลิป)

จากกรณีวันที่ 15 เม.ย. 64 เวลาประมาณ 10.30 น. ได้รับแจ้งว่ามีเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกอง อยู่บนภูเขาซ้ายมือทางไปบ้านนาแค ในเขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู เสียชีวิตโดยได้ใช้มีดตัดคอตัวเองจนเสียชีวิต

วันที่ 18 เม.ย. 64 ลูกศิษย์สำนักสงฆ์ เปิดเผยว่า ในวันที่มีการนำร่างของพระธรรมกรมาประกอบพิธีประชุมเพลิง ซึ่งช่วงบ่ายที่มีการประกอบพิธีประชุมเพลิง ลูกศิษย์ทุกคนก็มารวมตัวกัน นุ่งขาวห่มขาว แต่มีปรากฏการณ์ที่เหนือคำบรรยายเกิดขึ้น ท้องฟ้าเหนือจุดที่มีการประชุมเพลิง พระอาทิตย์ทรงกรด และยังมีเมฆส่องสว่างเป็นลักษณะคล้ายพระนั่งสมาธิ ช่วงเวลาดังกล่าวมีลูกแก้วลอยเวียนวนอยู่บริเวณจุดประชุมเพิง ลอยขึ้นลงบนท้องฟ้า ความเชื่อของลูกศิษย์ทุกคนเชื่อกันว่าเทพเทวดาได้มารับพระธรรมกร ขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ และเป็นการต้อนรับโดยเหล่าทวยเทพ

ส่วนตัวในฐานะลูกศิษย์ที่ตัดสินใจมาช่วยงานและปฎิบัติธรรมอยู่ที่นี่ เพราะเนื่องจากเกิดความเลื่อมใสศรัทธา และเคารพในหลักคำสอนของพระธรรมกร แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้ไม่เห็น แต่ตนเองรู้และสัมผัสได้ จึงได้เลื่อมใสศรัทธา

ทั้งนี้ ตนอยากจะชี้แจงให้สังคมรับรู้ว่าในวันก่อนที่เกิดเหตุ วันที่ 14 เม.ย. ลูกศิษย์ประมาณ 50 คน ได้มารวมตัวกันที่บริเวณลานด้านหน้าพระเจดีย์ แล้วมีการทำวัด ตั้งแต่ช่วงค่ำจนกระทั่งตอนเช้าของอีกวัน ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่ลานดังกล่าว ไม่มีใครอยู่ที่ศาลาด้านหลังเจดีย์ หรือที่มีการตั้งเครื่องกิโยตีน จากนั้นช่วงเช้ามืดของวันที่ 15 เม.ย. เวลา 05.19 น. ได้ยินเสียงของหล่นบริเวณด้านหลังเจดีย์ ลูกศิษย์ทุกคนได้วิ่งเข้าไปดู แต่พบว่าร่างของพระธรรมกรนอนอยู่ ไม่มีหัว ลักษณะหัวหลุดออกจากบ่า แต่หัวไม่ได้อยู่ในมือคล้ายกับรูปปั้น ส่วนตัวก็เชื่อว่าสิ่งที่พระธรรมกรตัดสินใจทำลงไป เป็นการเตรียมการมานานกว่า 5 ปี เพราะเคยได้ยินพระธรรมกรพูดถึงมาก่อน อีกทั้งยังมีการปั้นรูปปั้นเตรียมเอาไว้

นอกจากนี้ มีภาพเปลวเพลิงที่มีการประชุมเพลิงร่างของพระธรรมกร โดยกลุ่มลูกศิษย์ได้ตั้งจิตอธิฐาน ขอให้เกิดปฏิหาร จึงสามารถถ่ายติดภาพดังกล่าว ซึ่งเป็นภาพเปลวเพลิงคล้ายกับพระธรรมกรกำลังอยู่ในท่านั่งสมาธิ แต่ไม่มีหัว เชื่อกันว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่พระธรรมกรตั้งใจแสดงอภินิหารให้กับลูกศิษย์ได้ดู

 

ช่วงบ่าย มีปู่ขาวอนันต์ หรือ นายอนันต์ เอราวัณศรีมงคล อายุ 57 ปี เดินทางมาจากสวนบารมีธรรม จ.สกลนคร อ้างว่าเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในตัวของพระธรรมกร และเคยเป็นพระที่เคยแวะเวียนเข้ามาสนทนาธรรมด้วยกันบ่อยครั้ง ล่าสุดเดินทางมาเมื่อสมัย 10 ปีก่อน หลังจากทราบข่าวว่ามีการเสียชีวิตจากการถวายให้กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เกิดความเลื่อมใส

ปู่ขาวอนันต์พาทีมข่าวเดินทางไปดูจุดต่าง ๆ ในพื้นที่สำนักสงฆ์ ที่รูปปั้นเทวดาตัดเศียรวางในมือ เป็นรูปปั้นที่พระธรรมกรปั้นและออกแบบเอง ได้นำพวงมาลัยดอกไม้ 2 พวงขึ้นไปกราบสักการะ แขวนเอาไว้ที่มือพร้อมกับลงมาด้านล่างอธิฐาน

จากนั้นปู่ขาวอนันต์ ได้ลงไปคุกเข่าอยู่บริเวณกลางวงอิฐบล็อก 9 ก้อนที่วางล้อมเป็นรูปวงกลม พูดขึ้นมาว่าจุดนี้เป็นจุดที่โลหิตของพระธรรมกรไหลลงพื้น เสมือนเป็นตัวแทนของ 9 เสาหลัก "โลกอุตารธรรม 9 หลัก" คือโสดาปฏิมรรค, โสดาปฏิผล, สกิทาคามีมรรค, สกิทาคามีผล, อนาคามีมรรค, อนาคามีผล, อรหันต์ตมรรค, อรหันต์ตผล, นิพาน (บรรลุ) โดยจุดที่วางพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลือง หมายถึงเสาหลักนิพาน แต่ปู่ขาวอนันต์ นำไปวางก้อนที่อยู่ทิศเจดีย์ ซึ่งเป็นการนอบน้อมบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถ่ายใต้เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากนั้นได้มีการก้มกราบ

จากนั้นปู่ขาวอนันต์ ได้พาทีมข่าวลงไปด้านล่างสำนักสงฆ์ภูหินกอง จุดที่เผาร่างของพระธรรมกร นำพวงมาลัยดอกไม้ไปวางไว้ที่กองหินที่เป็นลักษณะเจดีย์ พร้อมกับพูดว่า "จะสร้างเจดีย์ให้กับพระธรรมกรใหม่ เป็นปูนที่ดีกว่านี้" แต่ระหว่างนั้นลูกศิษย์ของวัดได้พูดแทรกขึ้นมาว่า "พระธรีมกรไม่ต้องการ ขอเป็นแบบเรียบง่าย" ปู่ขาวอนันต์จึงได้ก้มกราบที่เจดีย์หิน พร้อมกับมีการอธิฐานและกล่าวคำสรรเสริญ "ข้าพเจ้าสรรเสริญด้วยใจ ขอให้สิ่งที่ท่านกระทำลงไปเป็นเสมือนการตัดกิเลสในตัวของข้าพเจ้า และขอให้บรรลุนิพพานตามที่ประสงค์"

ปู่ขาวอนันต์ เผยกับทีมข่าวว่า ตนเองเคยเดินทางมาที่นี่ครั้งสุดท้ายเมื่อช่วง 10 ปีก่อน ตามหลักของพระพุทธศาสนา พระศาสดาของพระพุทธศาสนาองค์ปัจจุบันก็มีการถวายเศียรหรือศีรษะให้กับพระศาสดาองค์ก่อน มีการกระทำตัดเศียรตัวเองวนเวียนกว่า 100ภพ 100 ชาติ สุดท้ายก็บรรลุและเป็นพระอรหัน จึงเชื่อว่าการที่พระธรรมกรทำแบบนี้ก็หวังจะเป็นผู้ที่บรรลุนิพพาน หรือจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่การกระทำก็ไม่ใช่ว่าจะตัดแค่เพียงครั้งเดียวแล้วบรรลุผล อาจจะต้องทำในทุกภพทุกชาติหรือมากกว่านี้ แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ทราบว่าภพภูมิก่อนหน้านี้พระธรรมกรได้มีการกระทำแบบนี้มาก่อนกี่ครั้งแล้ว แต่ภายใต้ของการกระทำเชื่อว่าแม้จะไม่ได้เป็นผู้ที่บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า แต่ตอนนี้เบื้องต้นจะได้เป็นพระปัจเจก ซึ่งเป็นผู้ที่บรรลุ และทำเพื่อพระพุทธศาสนา ชีวิตหลังความตายของพระธรรมกรไม่ได้วนเวียนอยู่ในสำนักสงฆ์แห่งนี้ และไม่ได้เข้าไปอยู่ภายในรูปปั้น เพราะได้มีเหล่าทวยเทพเชิญขึ้นไปสถิตอยู่แดนสวนสวรรค์แล้ว

ส่วนความหมายที่พระธรรมกรปั้นเทพกุดหัววางในมือ เกิดจากความต้องการและสิ่งที่อยู่ภายในตัวของพระธรรมกร แม้ว่ากายหยาบข้างนอกจะนุ่มขาวผมขาวหรือเป็นพระ แต่ภายในเป็นเทพที่พร้อมจะกลายเป็นพระปัจเจก ซึ่งมีร่างกายที่งดงาม จึงได้ปั้นกายภายในออกมาเป็นรูปเทพดังกล่าว มีลักษณะคล้ายกับเทพเทวดา ต่างไปจากรูปกายหยาบที่ทุกคนเห็น

พระวงค์สินธุ์ มาจากวัดบ้านจิก จ.อุดรธานี เดินทางมาพร้อมกับลูกศิษย์ เยี่ยมชมและเดินสำรวจภายในพื้นที่สำนักสงฆ์ภูหินกอง บอกว่า สังเกตเห็นวัดจากพื้นที่ตัวอำเภอเมืองหนองบัวลำภู มีลักษณะเจดีย์เด่นอยู่ด้านบนเขา แล้วอยากทราบข้อมูลจากลูกศิษย์ว่า สำนักสงฆ์แห่งนี้มีพระตัดหัวฆ่าตัวตายจึงเกิดความสงสัย และเดินทางมาเพื่อดูสถานที่ แต่ก็ไม่ได้เจออะไร นอกจากรูปปั้นเทพหัวกุด เพราะทุกอย่างได้มีการเคลียร์พื้นที่ไปหมดแล้ว

แต่ส่วนตัวมีความเชื่อว่าด้านของพุทธศาสนาไม่เคยสอนให้ใครต้องฆ่าตัวตาย หรือต้องตัดหัวตนเอง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ควร และไม่มีหลักคำสอนใดสอนให้คนต้องตัดหัวเพื่อถวายพระพุทธเจ้า มากไปกว่านั้นการก่อเหตุของพระธรรมกรได้มีการลาสิขาก่อนล่วงหน้า ดังนั้นถือว่าเป็นเพียงแค่ฆราวาสทั่วไป ไม่ใช่พระ การกระทำก็ถือว่ามีความผิด บาป และเป็นการฆ่าตัวตายอย่างหนึ่ง

แต่แม้ว่าจะอยู่ในสมณศักดิ์หรือเครื่องแบบของพระสงฆ์ ถ้าหากมีการกระทำดังกล่าวก็ยังถือว่าบาป ไม่สามารถกระทำได้เช่นเดียวกัน  ตนก็ไม่ส่งเสริมให้ใครต้องทำแบบนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร

ขณะเดียวกันวันนี้ ซึ่งเป็นวันโกนก่อนวันพระ สังเกตว่ามีชาวบ้านในพื้นที่และกลุ่มลูกศิษย์คนสนิทเดินทางมาที่สำนักสงฆ์ ช่วยกันเก็บกวาดดอกไม้เก่าที่แห้งไปแล้ว เตรียมประดับตกแต่งดอกไม้นำไปวางถวายเอาไว้บริเวณหน้ารูปปั้น จัดเรียงบนพานเงินทอง

ลูกศิษย์ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ต้องเป็นดอกไม้ที่เก็บมาจากบ้านหรือซื้อมาจากตลาด แต่จะไม่สามารถเก็บดอกไม้ภายในพื้นที่สำนักสงฆ์ได้ เพราะเป็นดอกไม้ที่พระธรรมกรหวงห้าม เชื่อว่าเป็นดอกไม้ของเทพเทวดาที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์รักษาอยู่ นอกจากนี้ลูกศิษย์พระของธรรมกรยังเปิดเผยถึงสาเหตุการกระทำดังกล่าวผ่านโพสต์เฟซบุ๊กด้วย เพื่อเป็นการถวายเป็นพุทธบูชา