กรณี ไม่ใส่หน้ากาก อนามัยหรือหน้ากากอื่นๆขณะนั่งรถยนต์ส่วนตัว วานนี้ (26 เม.ย.) พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) กล่าวว่า ถ้าตีความตามประกาศคำสั่ง แม้จะอยู่ในรถคนเดียวก็ถือว่ามีความผิด หากตำรวจพบเห็นการกระทำผิดซึ่งหน้าก็สามารถสั่งปรับได้ เนื่องจากถือว่าผู้ขับขี่ได้ออกนอกเคหสถาน และรถยนต์นั้นก็อยู่ในทางสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็จะใช้ดุลยพินิจ ไม่ใช่จะจับปรับผู้ที่ฝ่าฝืนอย่างเดียว
แจง นายกไม่ใส่หน้ากาก ปรับ 6,000 เหตุผิดครั้งแรก
ส่วน พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า หากตีความตามกฎหมาย การออกนอกบ้านแม้จะอยู่ในรถก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย กรณีขับรถโดยสารสาธารณะ ผู้ขับขี่ต้องสวมหน้ากากอยู่แล้ว แต่กรณีของรถยนต์ส่วนบุคคลและผู้ขับขี่ขับมาคนเดียวโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องใช้ดุลยพินิจในการจับกุม เนื่องจากเจตนาของคำสั่งก็เป็นไปเพราะต้องการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค และกำชับให้ใช้ดุลยพินิจให้รอบคอบ ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
ด้าน พลตำรวจเอกดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัด ตั้งทีมกฎหมายเพื่อให้คำแนะนำเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติและพนักงานสอบสวน เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามเจตนารมย์ของกฎหมายและคำสั่ง
อย่างไรก็ตาม ต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่กันไป ให้ดูเจตนาก่อนว่าควรบังคับใช้กฏหมายหรือไม่ อาทิ ขับรถส่วนตัวมาคนเดียวปิดกระจกทุกด้าน ไม่น่าเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 หากดูแล้วผู้ขับขี่ไม่ได้มีเจตนาจะฝ่าฝืนก็อาจใช้การตักเตือนก่อน และฝากถึงประชาชนขอให้ช่วยกันร่วมมือด้วยการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อออกนอกบ้าน เพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาดของโรค
ขอบคุณภาพจาก Xinhuanews
เพจดัง ร้อง ศบค. ลงสาเหตุผู้ตายตามจริง รัฐบาลล่าช้าต้องยอมรับ