กรณีคดีน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ชาวหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ที่หายตัวจากบ้าน และไปพบเสียชีวิตบนภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพักกว่า 2 กม. กระทั่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยว่า มีคำตอบในเรื่องนี้แน่นอน
ล่าสุดวันที่ 31 พ.ค.64 มีการส่งต่อคลิปเสียง โดยมีการพูดพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 และ 4 ประกอบกับใช้คำพูดด้วยถ้อยคำหยาบคาย และท้าทายให้บุคคลที่ถูกพาดพิงมาเจอกันที่หมู่บ้านกกกอก
ในบางช่วงเสียงปริศนาดังกล่าว ยังพาดพิงถึงนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่ามีคนหนุนหลังดีแค่ไหน ทั้ง ๆ ที่นายอัจฉริยะ ถูกฟ้องร้องหลายคดีแล้ว แต่ทำไมยังลอยหน้าลอยตาในสังคมและยังไม่ถูกจับ นอกจากนี้ เสียงปริศนายังพูดพาดพิง นายนภัส ปราณีตพลกรัง หรือ ฟ้า นักข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่าแท้จริงแล้วต้องเป็นฝ่ายขอโทษ โดยเสียงปริศนาระบุว่า "ผมแค่เข้าไปโอบมันเฉย ๆ ผมกอดมัน แล้วมันเดินหนี ผมก็เลยเอามือปัดแมสก์มันออก และบอกว่าผมทุบหลังมัน 2 ครั้งอย่างแรง ไหนบอกเป็นนักมวย ไอ้หน้าตัวเมีย ดูมันหลบอยู่ในกรุงเทพฯ มันกล้ามาสู้หน้าผมที่ไหน"
นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา เปิดเผยว่า จนถึงตอนนี้ตนก็ยังเชื่อมั่นในการทำงานของ ผบ.ตร. และเชื่อว่าสิ่งที่ผบ.ตร. เตรียมทีมจะมีการแถลงข่าวภายในเดือนมิ.ย.64 แต่คดีนี้ต้องมีผู้ที่ถูกออกหมายจับ “เป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคงไม่ตระบัดสัตย์ ท่านต้องเคลียร์ให้ประชาชนทั้งประเทศฟังความจริง” ส่วนที่กระแสสังคมจับตามองการออกหมายจับ พุ่งเป้าไปที่บุคคลเพียงคนเดียว ตนขอไม่แสดงความคิดเห็น เพราะเชื่อว่าทุกคนสามารถดูพฤติกรรมออกว่าเป็นอย่างไร หรือใครเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด
ส่วนกรณีคลิปเสียง ที่มีการพูดถึงตนนั้น ตนได้ฟังแล้วและไม่มีความแปลกใจหรือตกใจ แต่ก็อาจจะมีคนบางคนที่ตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินถ้อยคำแบบนี้ โดยทุกครั้งที่มีการให้สัมภาษณ์ออกสื่อ มีคนไปสัมภาษณ์เอาไมค์จ่อปาก จะมีการสร้างบุคลิกหรือตัวตนที่น่าสงสาร บางครั้งถึงขั้นร้องไห้ บางครั้งก็ทำตัวเรียบร้อย แต่สิ่งที่ปรากฏในคลิปเสียง คือตัวตนที่แท้จริงที่เชื่อว่าหลายคนก็คงจะรู้ ยกเว้นกลุ่มแฟนคลับ จะไม่เคยรู้เลยว่าคนที่เขากำลังหลงมีตัวตนเป็นแบบไหน
กรณีคลิปดังกล่าวพาดพิงถึงน้องฟ้า นักข่าวอมรินทร์ ทีวี ตนไม่มีอะไรจะแสดงความเห็น แต่อีกมุมหนึ่งมันก็คือความผิดที่เขากระทำลงไปแล้ว ก็ควรที่จะยอมรับการกระทำผิด ไม่ใช่มัวแถจนเจ็บตัว และคลิปดังกล่าว ยังมีบางประโยคที่พูดถึงตนในลักษณะทำนองว่า หากหลุดหรือพ้นคดีได้แล้ว คนต่อไปที่จะถูกจัดการก็คือตน ก็ไม่รู้ว่าเขามีความโกรธแค้นอะไร หรือทำไมต้องมาจัดการกับตน เพราะที่ผ่านมา ตนก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกันอยู่แล้ว
นายนภัส ปราณีตพลกรัง หรือ ฟ้า ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ ทีวี กล่าวว่า ตนได้ฟังคลิปเสียงดังกล่าวเเล้ว ส่วนตัวมองว่าเป็นถ้อยคำที่หยาบคาย ซึ่งตนจะไม่โต้ตอบด้วยคำหยาบ เเต่จะขอชี้เเจงด้วยเหตุผล ตามข้อเท็จจริงว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยสร้างเรื่อง เพราะในวันเกิดเหตุตอนที่ถูกทำร้าย ตนยังไม่ได้ถามคำถามหรือเเสดงพฤติกรรมยั่วยุแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่เสียงปริศนาอ้างว่า ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย เเค่กอด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสื่อหลายสำนักสามารถบันทึกภาพไว้ได้ทุก ๆ มุม ตั้งเเต่ต้นจนจบ คนทั้งประเทศย่อมเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน คงมองออกว่าไม่ใช่การเข้ามากอดตามคำกล่าวอ้าง เเต่คือการทำร้ายร่างกาย
กรณีที่ถูกพาดพิงว่า "ไม่กล้ามาสู้หน้า ไม่กล้าเข้ากกกอก หนีไปมุดหัวอยู่กรุงเทพฯ" ต้องเข้าใจว่าอาชีพสื่อมวลชน ย่อมจะต้องเดินทางไปทำข่าวหลายสถานที่ ตามสิ่งที่ต้นสังกัดมอบหมาย ซึ่งเมื่อเป็นคดีความ ทางอมรินทร์ ทีวี ก็ต้องส่งผู้สื่อข่าวคนอื่นไปปฏิบัติหน้าที่เเทน ดังนั้นการที่ตนไม่ได้ไปทำข่าวที่กกกอก เเล้วจะตัดสินว่าเป็นการหลบหนีก็คงไม่ใช่ เพราะหากต้นสังกัดมีคำสั่งให้ตนไปทำข่าวที่กกกอก ตนก็พร้อมไปในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่ง ส่วนในเรื่องทางคดีก็เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเเล้ว ผิดหรือถูกศาลจะเป็นผู้ตัดสินต่อไป