พริตตี้ฉุนขาด เปิดใจเตรียมฟ้องสื่อ มั่วรูปโยงเหตุสยิวคาสนามบอล พ่อแม่เครียดจัด (คลิป)

24 พ.ค. 60

จากกรณีคลิปวิดีโอพริตตี้สาวโชว์ลีลาเต้นสุดเซ็กซี่ พร้อมกับมีภาพนั่งบนตักนักฟุตบอลชายแล้วจับหน้าอกภายในสนามฟุตบอลแห่งหนึ่ง จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ต่อมาเจ้าของสนามฟุตบอลดังกล่าวได้ออกมาชี้แจงว่า พริตตี้เหล่านั้น ลูกค้าที่มาใช้บริการสนามเป็นผู้จัดหามาเอง (อ่าน: เจ้าของสนามบอลปัด จัดพริตตี้สยิวบริการหนุ่มเล่นกีฬา รับคลิปว่อน เป็นพวกลูกค้าหากันเอง) กระทั่งล่าสุดมีสำนักข่าวหนึ่งได้นำเสนอเรื่องราวเปิดใจสาวพริตตี้ที่ถูกอ้างว่าอยู่ในภาพที่กำลังถูกวิจารณ์ไปแล้วนั้น

ภาพหนึ่งที่มีการวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์
ล่าสุด วันที่ 23 พฤาภาคม 2560 น.ส.ลลิตา มีสุข หรือ น้องป๋อมแป๋ม อาชีพพริตตี้ เปิดเผยกับทีมข่าว หลังมีภาพตัวเองปรากฏในสื่อออนไลน์แห่งหนึ่งพร้อมกับแอบอ้างว่าเป็นพริตตี้ คนเดียวกันกับที่เอนเตอร์เทนลูกค้าข้างสนามฟุตบอล โดยขอยืนยันว่า ตนไม่ใช่พริตตี้คนนั้นอย่างแน่นอน แต่ยอมรับว่าตนมีอาชีพพริตตี้ และค่อนข้างเป็นที่รู้จักในวงการพริตตี้พอสมควร จึงได้รับผลกระทบต่อการทำงานอย่างมาก เพราะทางบริษัทผู้ว่าจ้างงานยังถามถึงข่าวว่าทำแบบนั้นหรือ แต่ตนก็ได้ปฏิเสธไปว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง
น.ส.ลลิตา มีสุข หรือ ป๋อมแป๋ม สาวพริตตี้
น้องป๋อมแป๋ม กล่าวต่อว่า สำนักข่าวนี้ ได้นำข้อความที่ตนโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงานของพริตตี้ ซึ่งได้อธิบายว่ามีหลายประเภทมาก และไม่อยากให้เหมารวมทั้งวงการพริตตี้ว่าจะต้องทำแบบนี้ เพราะอย่างในสนามฟุตบอลจะเป็นพริตตี้สายเอนเตอร์เทรนด์ โดยได้มีการพาดหัวข่าวในลักษระจงใจให้ผู้รับข่าวสาร เข้าใจผิดว่าตนคือพริตตี้ในสนามฟุตบอลที่นั่งให้คนจับหน้าอก พร้อมกับนำภาพของตนไปใช้ประกอบโดยไม่ได้ขออนุญาต ทั้งนี้ น้องป๋อมแป๋ม เปิดเผยอีกว่า ภายหลังมีภาพตนตกเป็นข่าว พ่อกับแม่ได้ทราบเรื่องก็เครียดมาก พ่อซึ่งกำลังป่วยก็ได้รับผลกระทบทางจิตใจ แม่ก็ถูกญาติผู้ใหญ่ตำหนิว่าทำไมปล่อยให้ลูกไปทำแบบนี้ ถึงแม้พ่อกับแม่จะเข้าใจ แต่เมื่อข่าวออกไปวงกว้าง ก็ยากที่จะทำความเข้าใจได้ทั้งหมด เพราะสังคมก็ตัดสินจากภาพและการพาดหัวข่าว ตนจึงอยากให้สื่อสำนักดังกล่าว ออกมารับผิดชอบ ซึ่งตนได้ส่งข้อความไปในเพจของสำนักข่าวแล้ว และแอดมินได้เปิดอ่านแล้ว แต่ก็ไม่ตอบกลับมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนยังไม่ได้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดสื่อสำนักนี้ แต่ผู้ใหญ่ให้แนะนำว่าควรเข้าแจ้งความ เพราะสามารถเอาผิดได้ ทำให้ได้รับความเสียหายต่อภาพลักษณ์ชื่อเสียง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ