จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "เจตรินทน์ เจเลียบคลอง คิมประเสริฐ" ไลฟ์เฟซบุ๊กเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 29 ก.ค. 64 ภายในบริษัทขนส่งเอกชน ตำบลบ้านปรก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อทวงถามถึงพระเครื่องจำนวน 28 กล่อง ที่แพ็คไปส่งให้ลูกค้าเกิดหายไป มูลค่าความเสียหายเฉียดล้านบาท แต่ทางบริษัทขนส่งยังไม่มีการชี้แจง
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่บริษัทขนส่ง ตำบลบ้านปรก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเปิดทำการปกติ มีพนักงานอยู่ 2 คน โดยจากการสอบถามผู้จัดการสาขา ระบุว่า ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของทีมงานอยู่ หากมีความชัดเจนจะแจ้งอีกครั้ง
นายวรากร ส้มเตี้ย อายุ 36 ปี ผู้เสียหาย ระบุว่า ตนเองมีอาชีพไลฟ์ขายพระเครื่องอยู่แล้ว ปกติจะทำการไลฟ์สดขายพระเครื่องทุกวันพุธ ศุกร์ และอาทิตย์ แล้วแต่ช่วงเวลา ทำการไลฟ์สดล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ค. 64 เวลาประมาณ 19.00 น. และจะจัดส่งพระในวันจันทร์ที่ 26 ก.ค. 64 ซึ่งหลังจบการไลฟ์ก็มีลูกค้าใหม่ท่านหนึ่งที่โอนเงินมาให้เรียบร้อยแล้วตามปกติ คือนายสมเจตน์
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 25 ก.ค. 64 มีชายคนหนึ่งอ้างตัวเป็นลูกค้าชื่อสมเจตน์ และส่งไลน์มาสอบถามว่าจะส่งพัสดุวันไหน อย่างไร จะส่งขนส่งไหน ตนเองจึงแจังว่ายังไม่ทราบ พอรุ่งเช้า วันที่ 26 ก.ค. 64 เวลา 10.00 น. มิจฉาชีพจึงโทรมาสอบถามว่าส่งหรือยัง ตนเองจึงถ่ายรูปให้ดูว่ากำลังจะไปส่ง ต่อมาเวลา 12.00 น. ตนเองจึงถ่ายรูปให้ดูว่าอยู่ที่หน้าขนส่งแล้ว กำลังจะส่ง อีก 15 นาทีเขาก็ทักมาขอเลขพัสดุ ตนเองจึงส่งไปให้ แต่มิจฉาชีพอ้างว่ารูปมืดมองไม่เห็น ตนจึงส่งใหม่อีกครั้งแบบเห็นชัดเจน
หลังจากนั้น ตนเองยังส่งให้ลูกค้าทุกคนตามปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งวันที่ 27 ก.ค. 64 และ 28 ก.ค. 64 เริ่มมีลูกค้าบางรายทักมาถามว่าทำไมพัสดุยังไม่ถึง ตนเองจึงสังเกตว่ามิจฉาชีพคนดังกล่าวที่อ้างว่าชื่อสมเจตน์ มีการเปลี่ยนชื่อไลน์เป็น "ป๊อบ" ซึ่งเป็นชื่อของตนเอง ตนเองจึงไปสอบถามในเฟซบุ๊กของนายสมเจตน์ตัวจริงว่ามีการสอบถามตนเองผ่านไลน์หรือไม่ นายสมเจตน์ตัวจริงยืนยันว่าไม่ได้ทักไป แต่โอนเงินให้แล้ว ตนเองจึงเริ่มเช็กเลขพัสดุจากเว็บไซต์ พบว่าพัสดุยังอยู่ที่สาขาดังกล่าว จึงรีบเข้าไปสอบถามกับบริษัทส่งพัสดุ จนกระทั่งเป็นคลิปไลฟ์ดังกล่าวขึ้น
ตนเองสอบถามกับพนักงานบอกกับตนเองว่า มีผู้แอบอ้างเป็นตนเอง ยกเลิกส่งของ นำของกลับไปแล้ว ตนเองจึงตกใจมาก และเป็นไปตามคลิป ขณะที่มูลค่าพระเครื่องประมาณ 800,000 บาท จำนวน 28 กล่อง แต่ละกล่องมีจำนวนพระไม่เท่ากัน และเตรียมส่งให้กับลูกค้าหลายจังหวัด มีทั้งพระเก่าพระใหม่ จำนวนราคาหลักร้อยถึงหลักแสนบาท บางคนสอบถามว่าทำไมของแพงจึงส่งแบบนี้ ยืนยันว่ามีคนสั่งจำนวนมาก 28 คน 28 จังหวัด ตนเองส่งไม่ไหวแน่นอน ลูกค้าทุกท่านทราบดี และเท่าที่ไลฟ์ขายพระมา 6 ปี ไม่เคยมีปัญหามาก่อน ซึ่งตนเองมั่นใจว่าผู้ที่แอบอ้างเป็นนายสมเจตน์ และเปลี่ยนชื่อไลน์เป็นป๊อปภายหลังเป็นมิจฉาชีพแน่นอน
ส่วนตัวยังไม่ได้มีการพูดคุยกับแท็กซี่รายดังกล่าวที่มีการเดินทางมารับพัสดุออกไปจากสาขา ยืนยันว่าตนเองก็เห็นใจ เพราะแท็กซี่คนดังกล่าวก็ทำอาชีพบริการและหาเงินเลี้ยงครอบครัว เพราะจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยืนยันว่าแท็กซี่รายนี้น่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นเพียงผู้ที่รับจ้างนำพัสดุไปส่งในจังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้น หากตนเองจะไปยัดเยียดความผิดคงไม่ได้ วันนี้ตนเองได้มีการพูดคุยกับตัวแทนบริษัทขนส่งแล้ว และได้ขอโทษตนเองแล้ว จะรับผิดชอบสินค้าที่สูญหายตามราคาจริง เข้าใจว่าเป็นความผิดพลาดที่ตัวบุคคล ไม่ใช่ตัวบริษัท ขออย่าโจมตีบริษัท และหลังจากนี้คงจะใช้บริการต่อไป
ทั้งนี้ ตนเองคงไปพูดอะไรกับมิจฉาชีพไม่ได้ คงเป็นสันดาน หากครั้งนี้รอด เขาก็อาจจะทำอีกหรือไม่ หลังจากนี้คงต้องรอเจ้าหน้าที่สอบสวนต่อว่าตัวมิจฉาชีพก่อเหตุลักษณะนี้มานานแค่ไหนแล้ว
สำหรับพระเครื่องที่สูญหายนั้น ประกอบด้วย หลวงปู่โต๊ะ ยันต์ดวงเล็ก 26,000 บาท, หลวงพ่อกรวย 86,000 บาท, หลวงพ่อกรวยคู่ ยันต์ดวง 2 องค์ 5,000 บาท, หลวงพ่อรวย 13,000 บาท, ปู่โต๊ะพัดยศใหญ่ 35,000 บาท, อาจารย์อิฐ จุฬามณี พัดจีน 10,000 บาท, พัดยศเล็ก 34,000 บาท, หยดน้ำปู่ทิม 75,000 บาท และอีกหลายองค์ จำนวน 28 กล่อง รวมมูลค่าประมาณ 800,000 บาท
นายรุ่ง พลลาภ อายุ 49 ปี คนขับแท็กซี่ เล่าว่า วันที่ 26 ก.ค. 64 เวลา 14.00 น. ตนเองกำลังขับรถอยู่ที่ถนนพระราม 2 และได้รับการประสานงานจากศูนย์แท็กซี่ให้ไปรับผู้โดยสารที่จังหวัดสมุทรสงคราม ไปส่งที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยบอกว่าค่าจ้างจำนวน 1,100 บาท ตนจึงรับงาน เมื่อไปถึงจึงมีการพูดคุยกับลูกค้า และลูกค้าบอกว่าจะให้ไปรับของพัสดุไปส่ง ไม่ได้ให้รับคน จึงมีการนัดหมายให้ตนเองไปที่บริษัทขนส่งภายในปั๊มน้ำมัน และบอกว่าให้มาเอาของที่ทำการยกเลิกไว้ ตนเองจำเป็นต้องนำของไปส่งเพราะขับรถมาไกลแล้ว
จนกระทั่งเวลา 15.00 น. ตนเองจึงเข้าไปจอดรถภายในปั๊ม และเมื่อเข้าไปจึงสอบถามพนักงานว่าของที่ยกเลิกอยู่ไหน พนักงานจึงบอกว่าอยู่ที่ข้างประตู ช่วยไปนับดูว่าครบ 28 กล่องหรือไม่ โดยไม่ได้มีการขอเอกสาร หรือบัตรประจำตัวประชาชนแต่อย่างใด เมื่อไปนับก็ครบ 28 กล่อง ยืนยันว่าไม่ทราบว่าภายในกล่องเป็นพัสดุชนิดใด จากนั้นก็จะนำกล่องไปขึ้นรถ พนักงานมีการเรียกมารับใบเสร็จ และเงินคืนค่าส่งพัสดุจำนวน 900 บาท จากนั้นจึงนำของใส่ที่นั่งหลังรถ และออกจากปั๊มดังกล่าวเดินทางไปที่จังหวัดกาญจนบุรี
เมื่อไปใกล้ถึงอำเภอเมือง ลูกค้าบอกว่าให้มาส่งที่อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี และจะให้เงินเพิ่มอีก 1,000 บาท รวม 2,100 บาท เมื่อไปถึงใกล้อำเภอทองผาภูมิ ลูกค้าบอกให้ตนเองเลี้ยวเข้าซอยไป อีกประมาณ 10 กิโลเมตร และให้หลานชายมารับของ และจะให้เงินเพิ่มอีก 100 บาท รวม 2,200 บาท จึงขับรถเข้าไปส่ง ขณะนั้นเวลาประมาณ 18.00 น. เห็นชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 20 ปี ยืนรออยู่ริมถนนใกล้ป่า เมื่อไปถึงตนเองก็ส่งของให้และรับเงินค่าจ้าง แล้วเดินทางกลับทันที
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาหาที่บ้าน ตนเองตกใจมาก เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ วันนี้ก็เดินทางมาอีกครั้ง ตนเองขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น กับการสวมรอยขโมยพระเครื่อง ตนเองไม่เคยเล่นพระเครื่อง และไม่เคยรู้จักกับเจ้าของพระเครื่องและผู้ว่าจ้างมาก่อน ยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจทุกประการ รวมทั้งอยากวอนขอให้อย่าเพิ่งแชร์ภาพตนเองจากกล้องวงจรปิดภายในบริษัทขนส่ง เพราะตนเองไม่เกี่ยวข้อง ขณะนี้ก็เดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะหลายคนเข้าใจผิด ทำให้เสียโอกาสเรื่องงาน แต่ส่วนตัวไม่ได้กังวลเรื่องคดี