ธงธง มกจ๊ก แจงหลังโดนเข้าใจผิดว่าหมดตัว - เป็นโรคซึมเศร้า 

18 ส.ค. 64

จากสถานการณ์โควิด19 ในตอนนี้ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างหนัก ส่งผลให้หลายๆธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก เช่นเดียวกับนักแสดงตลก ธงธง มกจ๊ก ซึ่งเป็นอีกคนในวงการบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด19 ทีมข่าวอมรินทร์ได้พูดคุยผ่านวิดีโอคอลกับ ธงธง มกจ๊ก โดย เจ้าตัวเผยว่า สถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อทุกอาชีพ ซึ่งโควิดในรอบแรก มีผลกระทบต่อร้าน ธงธงลงเรือ 

เนื่องจากว่ายอดขายลดลง แต่มีค่าใช้จ่ายในส่วนที่ต้องสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า คือเรื่อง ความสะอาดภายในร้าน ต้องฉีดพ่นฆ่าเชื้อ, มีเครื่องล้างจานด้วยน้ำร้อนน้ำอุ่น ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อต่างๆ, การใส่ถุงมือ, การใช้เจลแอลกฮอลล์ที่ได้มาตราฐาน ทุกอย่างเป็นเงินทั้งหมด ก็เลยมีผลกระทบทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่รายได้ลดลง

1629270663477

ส่วนในเรื่องเงินทุนสำรองของร้าน ปกติแล้วเวลาเราเปิดกิจการอะไร ก็จะต้องมีเงินทุนสำรองเอาไว้ เผื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็จะสามารถนำเงินในส่วนนี้มาใช้ ซึ่งในโควิดช่วงแรกคือปีที่แล้ว ตนเองก็ได้นำเงินในส่วนนี้มาใช้ในการจัดการร้านเยอะ และมาเจอโควิดหลายระลอกต่อกัน ก็ทำให้มันกระทบมาตลอด ยอดขายน้อยลงเรื่อยๆ จนมาวิกฤตที่สุด คือ เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ดังนั้นเราก็ต้องมาคิดวิธีที่จะลดต้นทุน เพราะทุกอย่างเป็นเงินหมด ตนก็เลยตัดสินใจเรียกทีมงานมานั่งคุย เพื่อหาข้อสรุปว่า ตำแหน่งไหนที่ซ้ำ และยังไม่จำเป็น ก็จะให้หยุดงานไปก่อน เพื่อที่จะรักษาร้านไว้ พอวันที่มาเข้าประชุมกันจริงๆ และตัดสินใจจะให้พนักงาน 3 คน หยุดงานไปก่อน ซึ่งพนักงาน 3 คนนี้ เป็นคนที่อยู่กับร้านมานาน เรารู้จักเขา รู้จักครอบครัวเขา รู้ถึงความจำเป็นของเขาว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างสำหรับแต่ละคน ถ้าตนให้คนเหล่านี้หยุดงานไป เขาก็จะไม่มีเงิน ทำให้ตนรู้สึกสงสาร

1629270718676

ซึ่งในขณะที่ตนได้ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้และกำลังเล่าเรื่องนี้ตนจึงร้องไห้ออกมา เพราะตนสงสารพนักงาน พวกเขาไม่ได้เป็นแค่พนักงาน แต่พวกเขาคือคนในครอบครัว เราสู้มาด้วยกัน ตนก็เลยร้องไห้ออกมา จนในที่สุดตนก็ปรึกษากันใหม่ว่า ถ้าหากจำเป็นจะต้องลดเงินเดือนทุกคนจะโอเคไหม เพราะร้านหยุดไม่ได้ และเล่าความจำเป็นที่เกิดขึ้น พนักงานของตนก็โอเค

แต่เรื่องปัญหาโควิดมันก็มีอยู่แล้ว เงินทุนที่เอาออกมาใช้ก็ใกล้หมดจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า ตนหมดตัว ทุกคนเข้าใจผิด เพราะตอนที่เล่าตนร้องไห้ด้วย รวมถึงการพาดหัวข่าว ก็ทำให้คนเป็นห่วงเยอะมาก มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนโทรเข้ามาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง

เรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้น ก็เป็นปัญหาที่ทางองค์กรของเรา พยายามแก้ไขอยู่ ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่ออยู่ให้ได้ในช่วงโควิด และรอว่ายอดผู้ติดเชื้อจะลดลงเมื่อไหร่ ทางจังหวัดให้นั่งทานอาหารในร้านได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นรายได้ก็อาจจะดีขึ้นนั่นเอง

และอีกประเด็นที่เกิดขึ้นคือ เมื่อช่วงวันแม่ที่ผ่านมา ตนรับงานจัดปิ่นโตสานรักเพื่อบอกรักแม่ เป็นแคมเปญเกี่ยวกับดอกไม้ กับอาหาร ซึ่งตนทำกัน 2 คน กับพาร์ทเนอร์ และเนื่องจาก “ชมพู่ อารยา” ช่วยโปรโมทให้ จึงทำให้คนสั่งเข้ามากันเยอะ จนทำแทบไม่ทัน ทั้งเรื่อการส่งที่ต้องส่งตามเวลา พอมันเร่ง ตัวเองก็เลยกดดัน และยืนงงๆ อยู่ว่าจะต้องทำอะไรก่อนดี แล้วก็ตบๆ

1629270803005

ตัวเองจนเจ็บ จนตนสงสัยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือโรคซึมเศร้าหรือเปล่า จึงเอาไปถามเพื่อนๆ หลายคน ว่าอาการแบบนี้ เกิดจากความแก่หรือเปล่า เกิดจากวัยทองหรือเปล่า เกิดจากโรคซึมเศร้าเพราะรับข่าวสารเยอะๆหรือเปล่า แต่คนเห็นว่าในขณะที่ตนพูดประโยคคำว่า โรคซึมเศร้า น้ำตาก็คลออยู่แต่เกิดจากที่ตนเพิ่งพูดเรื่องเศร้าที่สงสารพนักงานมา ทุกคนเลยคิดว่าตนเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งจริงๆไม่ใช่ แต่ตนแค่กำลังสงสัยว่าอาการนี้มันเกิดจากอะไร ก็เลยยังไม่ได้ปรึกษาแพทย์ เพราะกำลังลองปรึกษาเพื่อนๆอยู่ บางคนก็บอกว่าอาจจะเป็นได้ที่เกิดจากความกดดันตัวเองที่กลัวจะส่งของไม่ทัน

ซึ่ง  ธงธง มกจ๊ก  ยังบอกด้วยว่าในช่วงสถานการณ์แบบนี้ตนก็จะออกไปข้างนอกเท่าที่จำเป็น เวลาไปส่งของ เพราะที่บ้านตนนั้น มีคุณแม่และพี่ชายที่ป่วยติดเตียง ก็เลยกลัวว่าออกไปแล้วจะนำเชื้อเข้ามา

และสถานการณ์ตอนนี้มีผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด19 บางคนหายแล้ว แต่คนก็ยังไม่กล้าเข้าไปคุยด้วยเหมือนเดิม เพราะคิดว่าเชื้อยังอยู่ กลัวจะไปรับเชื้อมา แต่ตนคิดว่าเชื้อเป็นได้ก็หายได้ ถ้าเรามีแมสก์ป้องกันตัว มีระยะห่างก็คุยกันได้ ถ้ามีผลยืนว่าหายแล้ว แต่ตอนนี้ต่อให้เป็นคนปกติไม่ติดเชื้อก็ควรมมีระยะห่างกันไว้ก่อน

1629270845060

สุดท้ายเจ้าตัวก็ได้ฝากให้กำลังบุคลากรทางการแพทย์ด้วยว่า ตอนนี้บุคลกรทางการแพทย์ไม่ใช่ใครจะเข้าไปช่วยก็ทำได้ ต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการต่างๆวิชาความรู้ต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งยากมาก พอมาทำหน้าที่นี้แล้วออกไม่ได้ เพราะคนไข้เยอะมาก ต้องทิ้งครอบครัวมาทำ ตนคิดว่านี่คืออาชีพที่มีเกียรติมากที่ทำความดีให้ประเทศชาติ เพราะการเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อลมหายใจให้คนอื่น อย่างเราถ้าอะไรช่วยเหลือได้ก็จะทำทุกวิถีทาง

และหวังว่าคุณพระคุณเจ้าจะคุ้มครองพวกท่าน ตนก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากเป็นกำลังใจในการส่งเสบียงหรือเวลาที่ทำบุญก็จะระลึกถึงทีมแพทย์ อาสาสมัครทุกคน ขอให้ทุกท่านปลอดภัย นอกจากดูแลผู้ป่วยแล้วก็อยากให้ดูแลจิตใจตัวเองด้วย รู้ว่าทุกท่านเหนื่อย แต่ก็อยากจะให้ทุกท่านสู้และอย่าพึ่งหมดหวัง แสงสว่างอยู่ปลายอุโมงค์เราจะได้เห็นเร็วๆนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไอซ์ ณพัชรินทร์ แชร์ประสบการณ์ใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด19 พร้อมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์
ดีเจเพชรจ้า ขอพูดบ้างสาเหตุเลิก นิวเคลียร์ เพราะทัศนคติไม่ตรงกัน
รับฟังพี่! ก้อย อรัชพร ต่อสายตรงถึง ลีน่าจัง เคลียร์ใจปมเห็นต่างเรื่องยกเลิกระบบสินสอด

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส